คงไม่มีใครคิดว่าอุปกรณ์ที่เป็น Wearable กับสิ่งที่่เราใช้ในชีวิตประจำวัน จะมารวมกันได้อย่างลงตัวและให้การทำงานที่เข้ากับชีวิตประจำวันของหลายๆ คนเลยทีเดียว อย่างเจ้า Smile SmartWatch จากทาง Emopuls นี้ ที่เป็นเหมือนสมาร์ทโฟนที่กลายร่างมาเป็นเครื่องประดับ ที่ให้ทั้งความสวยงาม ความบันเทิง การติดต่อสื่อสาร โซเชียลเน็ตเวิร์คหรือต่ออินเทอร์เน็ตได้เช่นเดียวกับสมาร์ทโฟนที่ใช้กันอยู่ แต่ให้ดีไซน์ที่หยุดทุกสายตาให้มองมาที่ข้อมือคุณได้เลยทีเดียว
Smile SmartWatch ยื่นหยุ่นได้เป็นอย่างดี
Smile SmartWatch เป็นสมาร์ทโฟนแบบ 2 หน้าจอ ที่สวมลงบนข้อมือได้เหมือนกับ Wristband หรือกำไลที่คุ้นเคยกันดี โดยที่อุปกรณ์นี้จะเป็นหน้าจอที่มีความยืดหยุ่นปรับให้เข้ากับข้อมือได้ลงตัว โดยช่วงแรกในการออกแบบจะเป็นจอ Monochrome แต่ล่าสุดได้นำจอ OLED ที่ให้สีสันสดใสมาใช้ หน้าจอด้านบนของข้อมือจะเริ่มทำงานทันทีที่สวมใส่ ส่วนหน้าจอด้านล่างจะเปิดทำงานเมื่อหมุนข้อมือขึ้น โดยโครงสร้างของบอดี้จอจะใช้อลูมิเนียม ซึ่งตัวเรือนป้องกันน้ำและมีกระจกแบบป้องกันแรงกระแทกอีกด้วย
ซึ่งผู้ผลิตตั้งใจพัฒนา SmartWatch รุ่นนี้ให้เป็นอุปกรณ์ที่ให้ผู้ใช้ได้สัมผัส ด้วยคุณลักษณะที่คล่องตัว มีความยืดหยุ่นและมีหน้าจอขนาดใหญ่ โดยต้องการให้เป็นเจ้าแรกๆ ในตลาด ในเวลานี้พาร์ทเนอร์จะสามารถส่งจอภาพที่เป็น Fleible screen ได้ในช่วงสิ้นปี และสินค้าน่าจะพร้อมให้สัมผัสได้ในต้นปีหน้านี้ แน่นอนว่าเจ้าตลาดอย่าง แอปเปิลและซัมซุง ก็ยังคงเป็นคู่แข่งที่น่ากลัว ในแง่ของผู้ใช้ที่ต้องการการแสดงผลคุณภาพสูงและฟังก์ชั่นการใช้งานที่หลากหลาย
Smile SmartWatch ใช้ UI ที่มีพื้นฐานจาก?Linux AI
The Smile SmartWatch?ใช้พื้นฐานอัลกอริทึมจากระบบปฏิบัติการ Linux AI และใช้ Biosensor ที่ฝังรวมมาในอุปกรณ์ ในการรวบรวมข้อมูลของผู้ใช้อัตโนมัติ เพื่อการใช้งานบางอย่าง โดยหลังจากที่ผู้ใช้ได้เปิดฟังเพลง ดูหนังหรือสตรีม ระบบจะแนะนำเนื้อหาที่เหมาะกับผู้ใช้ รวมถึงการตอบสนองการเคลื่อนไหวด้วยเซ็นเซอร์
ในส่วนของประสิทธิภาพ The Smile SmartWatch ใช้หน่วยประมวลผล OMAP 5 จากทาง Texas Instruments มีกราฟฟิกอินทิเกรทรองรับการแสดงผลไฮเดฟ เพื่อให้เล่นได้อย่างลื่นไหลบนข้อมือ พร้อมจัดแรม 2GB มาในระบบ รวมถึงมีตัวเลือกให้สองรุ่นคือ 128GB และ 256GB ในแบบ Solid State Memory
รองรับการเชื่อมต่อที่ครบครัน
ส่วนฟังก์ชั่นอื่นๆ ของ SmartWatch รุ่นนี้ก็น่าสนใจเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นสล็อต nano-SIM Card รองรับสัญญาณ LTE เชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนผ่านบลูทูธ โดยหน้าจอหลัก สามารถปรับโหมดระหว่าง Day time และ Night time ได้ ที่น่าสนใจคือ โทรศัพท์จะยังคงทำงานต่อไป แม้เวลาที่คุณหลับเหมือนกับสมาร์ทโฟนปกติ ไม่ว่าจะเป็นการรับสายอัตโนมัติหรือตอบรับข้อความและข้อความตอบกลับ เตือนรับสายได้อีกด้วย นอกจากการรองรับเชื่อมต่อไร้สายแล้ว ก็ยังสนับสนุนระบบ NFC ด้วย เพื่อช่วยให้ผู้ใช้ในการปลดล็อค เปิดประตู ชำระเงินหรือการใช้ถอดรหัสคีย์เพื่อความปลอดภัยในข้อมูลส่วนตัวอีกด้วย
ในด้านการเชื่อมต่อทางกายภาพ The Smile SmartWatch มาพร้อมพอร์ต USB 3.0 ในการเชื่อมต่อ แต่ในเว็บไซต์แสดงให้เห็นถึงพอร์ต Thunderbolt 10Gbps มาด้วย แต่ยังถือเป็นต้นแบบ ซึ่งอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้กับเทคโนโลยีดังกล่าวนี้ ในการผลิต Smile มาพร้อมกับแบต 2500mAh เหมาะกับการทำงานได้สองวันต่อการชาร์จ แต่ถ้าใช้งานในโหมดประหยัดพลังงานจะอยู่ได้ถึง 7 วัน ตามรายงานในรุ่นไฮเอนด์จะมีรุ่นที่ใช้แบต 300mAh อยู่ด้วย
ระบบเสียงของ SmartWatch นี้เป็นแบบ Purepath audio technology ทำงานในแบบไร้สาย แต่ไม่มีแจ๊คสำหรับต่อหูฟังมาให้ ผู้ใช้ต้องใช้หูฟังแบบ Wireless มาใช้งานร่วมในการฟังเพลงหรือเล่นวีดีโอ ด้วยการประมวลผล hi-fi enthusiast-pleasing 16-bit คุณภาพเสียง 44.1/48 KHz CD น่าจะพอใช้สำหรับการต่อลำโพงไร้สายในการแชร์ให้คนอื่นได้ฟัง?จุดที่หลายคนสนใจก็คือ กล้องขนาดเล็ก ที่มีไมโครโฟนมาให้สามจุด อยู่บริเวณมุมด้านบนของอุปกรณ์ ที่ออกแบบได้สวยลงตัว รองรับการถ่ายภาพ วีดีโอแชตและการสนทนาแบบ Video-conferencing ให้ความละเอียดระดับ 12 ล้านพิกเซล รองรับความละเอียด 1080p High definition
โดยที่อุปกรณ์จาก Emopulse ในรุ่น The Smile SmartWatch นี้ มีมาให้พรีออเดอร์ในสองรุ่น คือ รุ่น 128GB และ 256GB สนนราคาของ 128GB อยู่ที่ 480USD มีในรุ่นขอบสีดำและสีน้ำเงิน แบ่งเป็น 4 ขนาด ด้วยกัน มีให้เลือกทั้งแบบ ข้อมือซ้ายหรือข้อมือขวา ส่วนในรุ่น 256GB ราคาอยู่ที่ 550 USD
ที่มา :?gizmag