Connect with us

Hi, what are you looking for?

Special Story

Special Scoop – แนะนำ 7 วิธีถนอมสายตา จากการใช้งาน ทีวี คอมพิวเตอร์ โน๊ตบุ๊ค สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต

ในปัจจุบันนั้นไม่ว่าจะทำงานสายงานใดๆ ก็ตามคงไม่สามารถที่จะหลีกเลี่ยงการทำงานกับเครื่องคอมพิวเตอร์ได้ คุณเคยจับเวลาดูไหมครับว่าใน 1 วันนั้นเราใช้สายตามองจอคอมพิวเตอร์กันนานเท่าไร

ในปัจจุบันนั้นไม่ว่าจะทำงานสายงานใดๆ ก็ตามคงไม่สามารถที่จะหลีกเลี่ยงการทำงานกับเครื่องคอมพิวเตอร์ได้ คุณเคยจับเวลาดูไหมครับว่าใน 1 วันนั้นเราใช้สายตามองจอคอมพิวเตอร์กันนานเท่าไร นอกไปจากนั้นนอกเวลางานเรายังใช้สายตามองจอ Smartphone หรือ Tablet หรือ TV กันอีกนะครับ สิ่งที่จะเกิดขึ้นมากับการใช้สายตาจ้องมองแสงนานๆ ย่อมไม่เป็นผลดีมากนัก

HP Pavilion 15 2017 Review 51 copy

Advertisement

โดยปกติทั่วไป เมื่อตาคุณล้าคุณจะเริ่มมีอาการตาแห้ง หรือเส้นเลือดที่บริเวณรอบดวงตาปูดมากขึ้น หากเป็นแบบนี้นานๆ วันเข้าสายตาของคุณอาจจะเสื่อมสภาพก่อนเวลาอันควรได้ครับ วันนี้เรามาดูกันดีกว่าครับว่าเราจะมีวิธีการใดบ้างที่จะมาช่วยให้เราถนอมสายตาได้

70230c76f

ก่อนอื่นเราต้องเข้าใจธรรมชาติของดวงตาก่อนครับ โดยทั่วไปนั้นดวงตามของเราจะมีน้ำหล่อลื่นเลี้ยงดวงตาไม่ให้ตาแห้งอยู่เมื่อเราใช้สายตาไปเรื่อยๆ ไม่มีการพักน้ำหล่อลื่นนั้นจะเริ่มแห้งลง จนทำให้ตาคุณแห้ง เมื่อตาแห้งจะสำให้ความสามารถในการมองเห็นของเรานั้นลดต่ำลงจนคุณอาจจะต้องพยายามเพ่งมากขึ้นเพื่อที่จะมองได้ชัด(ทั้งๆ ที่ก็มองจากตำแหน่งเดิม) ในท้ายที่สุดก็จะทำให้เกิดอาการตาเครียดขึ้น โดยทั่วไปนั้นอาการตาเครียดนั้นจะเกิดขึ้นเมื่อเราใช้งานสายตาไปได้ประมาณ 2 ชั่วโมงครับ(บางคนก็อาจจะต่ำกว่านั้น) ไม่ว่าคุณจะอายุเท่าไรก็ตาม หรือสายตาเป็นดี แย่แค่ไหนก็ตามก็จะเป็นกันทุกคนครับ

สาเหตุที่ทำให้เป็นเช่นนั้นเนื่องมาจากว่าเมื่อเราลืมตามมอง ในอากาศจะมีเศษฝุ่นละอองขนาดเล็กมากมายปะปนอยู่และแน่นอนว่าฝุ่นละอองนั้นก็สามารถที่จะไปเกาะกระจกตาเราได้ ในช่วงแรกที่ตาเรามีนำหล่อลื่นนั้น น้ำหล่อลื่นจะช่วยป้องกันฝุ่นละอองพวกนี้ไม่ให้รบกวนการทำงานของกระจกตา เมื่อน้ำหล่อลื่นเริ่มแห้งโดยปกติร่างกายเราจะบังคับให้มีการกระพริบตา เพื่อที่จะทำการทำความสะอาดกระจกตาและนำน้ำหล่อลื่นชุดใหม่เข้ามา แต่ทว่าการมองไปที่จอคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์อื่นๆนั้นจะทำให้อัตราการกระพริบตานี้ลดลงถึง 5 เท่าเลยทีเดียวครับ แถมแสงสว่างจากจอคอมพิวเตอร์ก็ยังทำให้ในช่วงที่กระพริบตานั้น หนังตาไม่สามารถที่จะคลุมกระจกตาได้ทั้งหมดอีก(ถึงจะใส่แว่นกันแดดจะสามารถลดแสงได้บ้าง แต่ก็คงไม่มีใครใส่แว่นกันแดดในอ๊อฟฟิตตลอดเวลาจริงไหมครับ)

การที่ดวงตาเรานั้นมีอัตราการกระพริบตาลดลงเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดอาการของโรค Computer Vision Syndrome (CVS) ครับโดยอาการต่างๆ ของโรคนี้มีดังต่อไปนี้ครับ

  • มีอาการปวดหัว
  • มีอาการตาเบลอมองไม่ชัด
  • มีอาการตาแห้ง
  • มีอาการปวดที่คอและไหล่
  • มีอาการมองเห็นภาพซ้อน
  • มีอาการตาไวต่อแสงผิดปกติ

แสงนั้นมีผลต่อร่างกายของมนุษย์เรามากครับไม่ว่าจะส่งผลต่อการหลั่งฮอร์โมน มีผลต่ออัตราการเต้นของหัวใจ หรือแม้กระทั่งมีอิทธิพลต่อความสามารถในการคิดของเรา เมื่อเรามองแสงมากเกินไปหรืออยู่ในที่ที่มีแสงไม่เพียงพอต่อการมองนั้นกระบวนการทางชีวภาพและพฤติกรรมของเราจะได้รับผลกระทบโดยตรงต่อสภาพแสงนั้นๆ เราลองมาดูกันดีกว่าครับว่าสิ่งแรกที่เกิดขึ้นเมื่อแสงเข้ามากระทบที่ดวงตาเรานั้นจะเป็นอะไร

กระบวนการป้องกันแสงของดวงตา

s1-02-600

แรกสุดนั้นแสงจะกระทบกับกระจกตาและเลนส์ตาก่อนครับ โดยในส่วนกระจกตานั้นจะมีหน้าที่ในการดูดซับแสง UV ให้มากที่สุดเข้าสู่ดวงตา ส่วนเลนส์ตาจะดูดซับแสงที่มีความยาวคลื่นสั้นให้มากที่สุดครับ เมื่อผ่านเข้ามาจะเป็นส่วนของมาคูลาโดยจะมีการดูดซับแสงสีน้ำเงินที่เข้ามาในดวงตาไปถึง 40 % ด้วยกันครับ หากดูจากอวัยวะที่ช้วยดูดซับแสงในตาทั้ง 3 ข้างต้นแล้วจะเห็นว่าอวัยวะทั้ง 3 ดูดซับแสงที่มีรังสีแม่เหล็กไฟฟ้าที่มีความยาวคลื่นน้อยกว่า 460 nm ส่วนที่สูงกว่านั้นจะเข้าไปยังเรตินา(จอประสาทตาหมดครับ) ซึ่งแน่นอนว่าแสงที่อยู่ในช่วง 460 – 1400 nm นั้นออกมาจากจอคมอพอวเตอร์ที่เราๆ ท่านๆ มองกันอยู่ทุกวันนั่นเองครับ และแสงที่มีความยาวคลื่นในระดับนี้นั้นก็เป็นที่ทราบกันดีในวงการจักษุแพทย์ว่าเป็นแสงที่ก่อให้เกิดอันตรายต่อจอประสาทตาโดยตรงเลยครับ

แสงสีน้ำเงินตัวการสำคัญที่ทำให้ตาเสื่อม

s1-03-600

ความยาวคลื่นของแสงที่อยู่ในช่วงที่มนุษย์สามารถมองเห็นได้นั้นคือตั้งแต่ 380 – 750 nm ครับ โดยแสงสีน้ำเงินหรือแสงในช่วงความยาวคลื่นต่ำที่สุดที่มนุษย์สามารถมองเห็นได้นั้นมีพลังงานสูงครับ (ประมาณ 400 – 460 nm) ซึ่งแสงสีน้ำเงินนั้นถือว่าเป็นแสงที่ส่งผลไม่ดีมากนักในเวลาที่เรากำลังจะพยายามนอนหลับ ซึ่งแน่นอนว่าผลของมันย่อมไม่ดีต่อตาเราเวลาที่เราตื่นเช่นกันครับ ซึ่งแสงสีน้ำเงินนี่แหละครับที่เป็นแสงที่อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ส่งออกมามากที่สุด(จอคอมพิวเตอร์, จอมือถือ เป็นต้นครับ) เจ้าแสงสีน้ำเงินนี้จะสามารถทะลุผ่านดวงตาเข้าไปยัง retinohypothalamic tract ซึ่งเป็นช่องทางที่หน้าที่ในการควบคุม?Circadian Rhythm (จังหวะรอบวัน) ที่ส่งผลต่อกระบวนการทางชีวภาพและพฤติกรรมอื่นๆ

จากสาเหตุดังกล่าวนั้นเราจึงสามารถสรุปได้สั้นๆ ครับว่าดวงตาของเรานั้นมีความไวต่อแสงสีน้ำเงินมาก และแสงสีน้ำเงินนั้นก็มีผลต่อกระบวนการทางชีวภาพและพฤติกรรมของเราอีกด้วย มีผลงานวิจัยที่ทำการทดลองส่งแสงสีน้ำเงินเข้าไปในดวงตาของหนูเพื่อดูผลกระทบที่เกิดขึ้น พบว่าแสงสีน้ำเงินนั้นส่งผลกับ Rhodopsin (หรือเซลล์รูปแท่งที่เป็นรงควัตถุที่ไวต่อแสงพบในเรตินา มีความสำคัญเกี่ยวข้องกับความสามารถในการรับรู้สี) โดยปกตินั้น Rhodosin จะมีสี purpley-reddish เมื่อ Rhodosin ได้รับแสงมันจะเกิดการสีตกสำให้เกิดการเสื่อมสภาพ แต่เมื่อหยุดให้แสงนั้น Rhodosin ก็จะสามารถฟื้นสภาพกลับมาเป็นแบบเดิมได้

s1-05-600

ผลของแสงสีน้ำเงินนั้นจะไปทำให้ Rhodosin เสื่อมสภาพเร็วขึ้นกว่าปกติ ทำให้แสงเข้าไปกระทบกับเรตินาได่โดยตรงมากขึ้นเพราะ Rhodosin ไม่สามารถที่จะฟื้นสภาพได้เร็วพอ ซึ่งนั่นจะทำให้เกิดอันตรายกับเนื้อเยื่อเซลล์ที่มีความสำคัญในดวงตาได้ครับ จากงานวิจัยนี้เราจะเห็นได้ว่าแสงสีน้ำเงินนั้นอันตรายมากเพียงไร โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการที่จอของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์นั้นส่งแสงสีน้ำเงินออกมามากกว่าปกติ ดังนั้นเพื่อป้องกันอันตรายที่จะเกิดขึ้นกับดวงตาเรา เรามาดูกันดีกว่าครับว่าเราจะมีวิธีการอะไรบ้างที่จะสามารถป้องกันอันตรายจากแสงของหน้าจออิเล็กทรอนิกส์นี้ได้

 

1. ลดความสว่างของแสง

วิธีแรกนั้นเป็นวิธีที่ง่ายที่สุดครับนั่นก็คือการลดความสว่างของแสงของหน้าจออุปกรณ์ลง โดยให้คุณสังเกตว่าหากแสงจากหน้าจอของอุปกรณ์นั้นมีความสว่างมากกว่าแสงจากแหล่งกำเนิดอื่นๆ นั่นแสดงว่าจออุปกรณ์มีแสงสว่างมากเกินไปจนทำให้คุณต้องเพ่งลงไปในจออุปกรณ์มากขึ้นครับ ให้คุณลดความสว่างของจอลงจนกระทั่งแสงจากจออุปกรณ์นั้นไม่เป็นจุดเด่นขึ้นมามากกว่าแสงจากแหล่งกำเนิดแสงอื่นครับ (หรือหากลดต่ำสุดแล้วแต่ก็ยังสว่างจนเด่นกว่าแหล่งกำเนิดแสงอื่นๆ แนะนำให้หาแหล่งกำเนิดแสงที่สว่างกว่าเดิมครับ เช่นทำการเปลี่ยนหลาดไปเพดานห้องที่สว่างกว่าเดิม หรือเพิ่มหลอดไฟขึ้นมาก็ได้ครับ)

 

2. ลดแสงจ้าและแสงสะท้อนที่เกิดบนหน้าจออุปกรณ์

แสงจ้าที่เกิดจากหน้าจออุปกรณ์ในที่นี้ก็คือจุดส่องสว่างที่อยู่บนหน้าจออุปกรณ์ของคุณครับ ตัวอย่างเช่นบนหน้าจอคุณมีพื้นหลังเป็นสีดำ แต่เปิดโปรแกรม notepad ไว้อยู่ คณจะเห็นได้ชัดเจนเลยว่าพื้นหลังของโปรแกรม notepad ที่เป็นสีขาวนั้นจะสว่างออกมาจนทำให้คุณต้องเพ่งตามองจนทำให้เกิดความไม่สบายตาเกิดขึ้นครับ วิธีการก็คือคุณอาจจะใช้จอที่มีคุณสมบัติ Anti-glare หรือถ้าไม่ได้จริงๆ ก็พยายามวางหน้าจอไว้ในจุดที่ไม่ใกล้กับแหล่งเกิดแสงเช่นหน้าต่างเป็นต้นครับ

 

3. หลีกเลี่ยงการเข้าใกล้แสงสีน้ำเงินให้ได้มากที่สุด

อย่างที่บอกไปในตอนต้นครับว่าแสงสีน้ำเงินนั้นมีผลต่อดวงตาเราเช่นไรดังนั้นเราจึงควรที่จะเลี่ยงแสงสีน้ำเงินให้ได้มากที่สุด และจะให้ดีนั้นควรเลี่ยงแสงสีน้ำเงินให้ได้ 2 – 3 ชั่วโมงก่อนที่จะเข้านอนครับ (ใครที่เล่นมือถือก่อนนอนต้องระวังสายตาไว้ให้ดีครับ) ในช่วงกลางวันนั้นเราสามารถที่จะลดแสงสีน้ำเงินจากหน้าจอคอมพิวเตอร์โดยใช้โปรแกรมที่ชื่อว่า flux ได้ครับ(โปรแกรมนี้จะคอยปรับความสว่างของหน้าจอให้เหมาะสมกับช่วงเวลาของวันครับ)

4. ทำตามกฎ 20-20-20 อย่างเคร่งครัด

กฎ 20-20-20 คือทุกๆ 20 นาที ให้คุณเอาสายตาออกห่างจากจออุปกรณ์อย่างน้อย 20 ฟุต (ประมาณ 6 เมตร) เป็นเวลา 20 วินาทีครับ หรือง่ายๆ ก็คือ ทุกๆ 20 นาทีที่คุณจ้องมองจออุปกรณ์ให้คุณพักสายตาเป็นเวลา 20 วินาที ด้วยครับ (แต่ห้ามพักด้วยการไปมองจอมือถือแทนจอคอมพิวเตอร์นะครับ)

5. จัดพื้นที่บนโต๊ะทำงานของคุณให้เป็นมิตรกับสายตา

อาจจะเป็นเรื่องยากสำหรับคนที่ทำงานในอ๊อฟฟิตที่มีพื้นที่จำกัด แต่หากคุณสามารถที่จะจัดการกับพื้นที่บนโต๊ะทำงานของคุณได้มากพอจะช่วยคุณได้มากทีเดียวครับ ไม่เพียงแต่จะดีกับสายตาเท่านั้น แต่จะส่งผลดีต่อคอ และไหล่ของคุณอีกด้วยครับ สามารถจัดได้ดังภาพครับ

s1-08-600

6. เสริมวิตามินเอ ให้กับร่างกายของคุณ

เรตินานั้นทำงานโดยใช้วิตามินเอครับ โดยปกติแล้วร่างกายเราต้องการวิตามินเอ 700 – 900 ไมโครกรัมต่อวัน คุณสามารถที่จะเสริมวิตามินเอให้กับร่างกายได้ด้วยการกินมันฝรั่งหวาน แครอท หรือแม้กระทั่งผักใบเขียวก็มีวิตามินเอครับ แต่หากท่านใดไม่ทานผักก็สามารถที่จะดูวิตามินเสริมแทนก็ได้ครับ ทั้งนี้ทั้งนั้นหากร่างกายได้รับวิตามินมากเกินไปก็จะทำการขับออกมาเองครับ

 

7. สังเกตสัญญาณเตือนจากดวงตาของคุณอยู่ตลอดเวลา

วิธีการสุดท้ายคือให้สังเกตสัญญาณเตือนจากดวงตาของคุณครับ หากคุณมีอาการเช่นตาแห้ง เริ่มปวดหัว สายตาเบลอ นั่นแสดงว่าถึงเวลาที่คุณควรจะทำการพักสายตาได้ครับ อย่าโหมใช้สายตามากจนเกินไปครับ เพราะสัญญาณจากร่างกายของคุณเป็นสิ่งที่ดีที่สุดในการป้องกันตัวเองจากอันตรายของแสงที่จะเกิดกับดวงตาคุณครับ

 

7 วิธีสั้นๆ นี้ก็เป็นวิธีการที่คุณจะสามารถถนอมสายตาของคุณได้โดยไม่จำเป็นต้องจ่ายเงินเพิ่มเติมและสามารถทำได้จริงครับ แต่ถ้าคุณต้องการการป้องกันมากกว่านั้นคุณอาจจะหาซื้อแว่นที่มีความสามารถในการลดรังสีจากจอคอมพิวเตอร์มาใช้งานด้วยก็ได้ครับ ดวงตาเป็นอวัยวะส่วนหนึ่งของร่างกายที่สำคัญไม่แพ้อวัยวะอื่นๆ ครับป้องกันสายตาของคุณไว้เพราะหากเกิดอะไรกับดวงตาของคุณขึ้นมาแล้วคงไม่สามารถรักษาให้ดีเหมือนเก่าได้ 100 % แน่นอนครับ

ที่มา : thenextweb

Click to comment
Advertisement

บทความน่าสนใจ

CONTENT

พบกับ 7 วิธีแก้ปัญหาหน้าจอมือถือมีอาการแสดงภาพบนหน้าจอแล้วกระพริบ(Flickering) อยู่ตลอดเวลา วิธีเบื้องต้นที่คุณสามารถทำเองได้ Flicker คืออาการที่ไฟส่องแสงออกมาไม่สม่ำเสมอ มีทั้งช่วงที่แสงจ้าและช่วงที่แสงอ่อน แต่ตาของคนเราอาจจะรับรู้ความแตกต่างได้ไม่มากนัก ซึ่งหากใช้ชีวิตอยู่กับแสงที่มี flicker เป็นเวลานาน ก็ออาจทำให้ปวดตา หรือตาอ่อนล้าได้ หน้าจอ iPhone หรือโทรศัพท์ Android ของคุณมีอาการหน้าจอกระพริบหรือ Flickering รึเปล่า หากเป็นเช่นนั้น ก็ไม่จำเป็นต้องตื่นตระหนกหรือสิ้นหวังอีกต่อไป เพราะในบทความเคล็ดลับบางประการที่คุณสามารถลองหยุดหน้าจอโทรศัพท์ไม่ให้กะพริบได้...

Special Story

หากจะพูดถึงซีพียูรุ่นใหม่ล่าสุดปี 2024 สำหรับโน้ตบุ๊กของ AMD ก็จะต้องเป็น AMD Ryzen AI 300 series ที่เน้นเพิ่มประสิทธิภาพทั้งในด้านพลังประมวลผล พลังกราฟิก และที่เด่นชัดสุดคือความสามารถในการทำงานด้าน AI โดยที่ผ่านมาก็จะมีรุ่นที่ออกมาทำตลาดคือ AMD Ryzen AI 9 HX 370 ที่เป็นชิปรุ่นกลาง แต่ล่าสุดเราเริ่มเห็นโน้ตบุ๊กที่ใช้ AMD...

CONTENT

ในปัจจุบัน นอกเหนือจากโน้ตบุ๊กที่เป็นดีไซน์แบบฝาพับอย่างที่คุ้นเคยกันมาอย่างยาวนานแล้ว ตัวเครื่องยังมีการพัฒนารูปทรงเพื่อเพิ่มความคล่องตัวให้กับการพกพา และอรรถประโยชน์ในการใช้งานให้สูงขึ้นไปอีก ซึ่งหนึ่งในรูปแบบที่ได้รับความนิยมก็คือการทำออกมาเป็นโน้ตบุ๊ก 2-in-1 โดยใช้หน้าจอสัมผัสที่สามารถพลิกจอได้ 360 องศา ทำให้สามารถใช้เป็นได้ทั้งโน้ตบุ๊กและแท็บเล็ตในเครื่องเดียว ในบทความนี้ก็เลยจะมาแนะนำโน้ตบุ๊กจอพับ AMD ในรูปแบบ 2-in-1 ที่น่าใช้กันครับ ตอบโจทย์ทั้งใช้ทำงาน ไปจนถึงการเล่นเกมได้เลยในบางรุ่น

CONTENT

ในบทความก่อนหน้านี้จะเป็นการแนะนำโน้ตบุ๊ก AMD น้ำหนักเบาที่มีประสิทธิภาพสูง พร้อมตอบโจทย์การทำงานที่ต้องเน้นการพกพาเครื่องบ่อย ๆ โดยที่ยังได้พลังในการทำงานที่ดีอยู่ ส่วนในบทความนี้เราจะมาดูโน้ตบุ๊ก AMD การ์ดจอแรง แต่มาพร้อมกับน้ำหนักที่เบากันบ้าง เผื่อในกรณีของท่านที่ต้องการซื้อโน้ตบุ๊กใหม่ซักเครื่อง แล้วอยากได้แพลตฟอร์มของค่ายแดงมาไว้ใช้ทำงาน เล่นเกม แต่ก็ยังอยากพกง่าย ๆ อยู่ด้วยในเครื่องเดียว

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

บันทึก