เคยไหมครับที่เวลาใช้แอพที่เชื่อมต่อกับ Facebook แล้วแอพนั้นมักที่จะทำการโพสข้อมูล ดึงข้อมูล ดึงรูป ฯลฯ ของคุณไปโดยที่บางทีคุณก็ไม่ต้องการ ไม่นานมานี้ Facebook ได้ทำการเปิดตัวระบบใหม่ที่จะทำให้ผู้ใช้งานที่ชอบใช้แอพที่เชื่อมกับ Facebook ก่อนถึงจะสามารถใช้งานได้ โดยไม่จำเป็นต้องเปิดเผยข้อมูลที่แท้จริงของตัวเองอีกต่อไปแล้วครับ ระบบนั้นก็คือการ log in แบบไม่เปิดเผยตัวตนสำหรับเอาไว้ทดลองใช้งานแอพโดยเฉพาะครับ โดยการ log in แบบไม่เปิดเผยตัวตนนี้เป็นบริการสำหรับ Facebook Mobile App เท่านั้นครับ
การ log in แบบไม่แสดงตัวตนนั้น ประสบการณ์ที่คุณจะได้รับจากการใช้งานแอพที่เชื่อมต่อกับ Facebook ยังคงเหมือนเดิมทุกอย่างครับ แอพที่เชื่อมต่อกับ Facebook นั้นๆ สามารถที่จะบันทึกข้อมูลการเล่นล่าสุดของคุณได้ บันทึกคะแนนสูงสุดของคุณได้ และคุณสามารถที่จะซิงค์ข้อมูลของคุณนั้นได้ตลอดเวลา(หรือแม้กระทั่งซิงค์ข้อมูลข้ามเครื่องก็ทำได้ครับ) ?สิ่งที่จะต่างออกไปก็คือข้อมูลส่วนตัวของคุณจะไม่ถูกส่งเข้าไปสู่แอพที่เชื่อมต่อนั้นๆ ครับ สาเหตุที่คุณยังสามารถซิงค์ข้อมูลข้ามเครื่องได้เนื่องมาจาก Facebook ใช้เทคนิคการ log in แบบไม่ระบุตัวตนในรูปแบบของ unique identifier ทำให้ถึงแม้ว่าแอพที่เชื่อมกับ Facebook จะไม่รู้ชื่อของคุณก็ตาม แต่ข้อมูลก็ยังสามารถซิงค์ได้อยู่นั่นเองครับ
สาเหตุที่ Facebook เพิ่มระบบ log in แบบนี้ขึ้นมานั้น Mark Zuckerberg CEO ของ Facebook ได้กว่าไว้ว่าเนื่องจากว่าผู้ใช้ Facebook หลายๆ ไม่กล้าที่จะกดปุ่ม log in with facebook สักเท่าไรเพราะกลัวที่จะสูญเสียความเป็นส่วนตัวไปจากแอพที่เชื่อมต่อกับ Facebook นั้นๆ Facebook จึงได้สร้างระบบนี้ถึงมา และถึงแม้ว่าผู้ใช้เลือกที่จะ log in with facebook โดยเปิดเผยข้อมูลตัวเอง ในระบบ log in ใหม่นี้ จะแสดง Permission ให้ผู้ใช้ทีละข้อเพื่อให้ผู้ใช้เลือกได้ว่าต้องการที่จะอนุญาตหรือไม่อนุญาตให้แอพที่เชื่อมต่อกับ Facebook นั้นๆ ทำอะไรได้บ้าง ไม่ได้บ้างนั่นเองครับ
ถึงแม้ว่าระบบ log in แบบไม่ระบุตัวตนนั้นจะทำให้ตัวแอพที่เชื่อมต่อกับ Facebook ไม่สามารถรับรู้ได้ว่าคุณคือใคร แต่ว่าทาง Facebook ยังคงรู้ว่าคุณใช้แอพใดๆ เชื่อมต่อกับ Facebook อยู่ครับ ซึ่งการเก็บข้อมูลในส่วนนี้นั้น Facebook ได้ให้เหตุผลว่าทำการเก็บข้อมูลเพื่อที่จะนำข้อมูลนั้นๆ มาใช้ในการวิเคราะห์สำหรับการส่งโฆษณาให้คุณนั่นเองครับ (จะได้ส่งโฆษณาให้คุณได้ตรงกับสิ่งที่คุณชอบนั่นเองครับ)?
ที่มา :?techcrunch