?โดยปกติแล้วบริษัทผู้ผลิต Smartphone และ Tablet ที่นำเอาระบบปฎิบัติการ Android ไปใช้นั้นมักจะสร้างความเป็นตัวของตัวเองขึ้นมาครอบ Android อีกทีเพื่อให้มีประสบการณ์การใช้งานที่แตกต่างจาก Android ยี่ห้ออื่นๆ (แต่เนื่องจากว่าเป็น Android เหมือนกัน ดังนั้นจึงไม่ได้มีความแตกต่างกันมากเท่าไรนัก)
สิ่งหนึ่งที่บริษัทผู้ผลิตจะใส่เพิ่มเติมเข้ามาด้วยก็คือบริการที่เป็นของผู้ผลิตเอง ดังจะเห็นได้ชัดจากอุปกรณ์ Android ของ Samsung ที่มือถือเรือธงทุกรุ่นที่เปิดตัวออกมานั้นมักจะมาพร้อมกับแอพ บริการ และฟีเจอร์ใหม่ๆ ในทุกๆรุ่น และที่สำคัญมือถือของ Samsung นั้นก็มียอดจำหน่ายรวมสูงที่สุดในโลกอีกต่างหาก แต่ทว่าจากผลการสำรวจยอดการใช้งานแอพบน Android บนมือถือ Samsung จาก?Strategy Analytics นั้นพบว่าการใช้งานแอพและบริการที่เป็นของ Samsung นั้นไม่น่าเป็นที่พอใจเลยละครับ
จากผลการสำรวจนั้นพบว่าแอพ chat อย่าง ChatON ที่มี Samsung เคลมว่ามีคนใช้ถึง 100 ล้านคนนั้น (ไม่ถึงก็แปลกละครับเพราะ Galaxy S3 และ S4 นั้นติดตั้ง ChatON มาในตัวแถมลบทิ้งไม่ได้อีกด้วย) มียอดการใช้งานเฉลี่ยเพียง 6 วินาทีต่อเดือน หากเทียบกับ Facebook แล้วพบว่า Facebook นั้นมียอดใช้งานเฉลี่ยถึง 11 ชั่วโมงต่อเดือนเลยทีเดียว ทั้งนี้ Samsung ก็มิได้ลดความพยายามในการที่จะเพิ่มแอพขยะใหม่ๆ ลงบนอุปกรณ์ของตัวเอง (เช่น S Health ที่มีเพิ่มมาใน Galaxy S4) แต่ด้วยความที่ผู้ใช้งานไม่ใช้งานเลย แถมแอพพลิเคชั่นเหล่านี้ก็ไม่สามารถที่จะลบออกไปจากเครื่องได้อีกด้วย ทำให้หน่วยงานกับกำดูแลในประเทศบ้านเกิดอย่างเกาหลีใต้เองนั้นได้จัดแอพพลิเคชันของ Samsung อยู่ในกลุ่มของ bloatware และบังคับให้ Samsung เพิ่มทางเลือกให้ผู้ใช้สามารถที่จะลบแอพพลิเคชันเหล่านั้นทิ้งได้?
โดยส่วนตัวแล้วผมว่า Samsung คงต้องกลับไปทำการบ้านใหม่ครับหากต้องการให้แอพพลิเคชันและบริการบนอุปกรณ์ Android ของตัวเองมีการใช้งานมากเพิ่มกว่านี้ เพราะทุกสิ่งที่มีอยู่ถ้าไม่เลียนแบบมาจากแอพที่มียอดผู้ใช้งานสูงก็จะเป็นแอพที่ไม่มีความจำเป็นกับชีวิตประจำวัน?อย่าง ChatON ที่พยายามจะทำให้ตัวเองเป็น Whatsapp, Samsung App Store ที่ทุกแอพใน Store ตัวนี้สามารถหาซื้อได้จาก Google Play ทั้งหมด แถมใน Samsung Store ยังไม่ค่อยจะอัพเดทเวอร์ชันเท่าไรอีกต่างหาก, S Voice ที่จริงๆ แล้วก็ลอก Siri มาแต่ทำได้ไม่ดีเท่า แถมตอนหลังยังโดน Google Now แซงไปได้ไกลอีก และตัวอย่างสุดท้ายอย่าง S Translator ที่แนวคิดดีมากแต่ก็ไปซ้ำกับ Google Translator แถมของ Google ยังรองรับภาษาได้มากกว่าเยอะ
?
ที่มา :?blogs.wsj.com