Digital TV คืออะไร จะใช้อย่างไร ดูฟรีหรือไม่ เริ่มใช้งานเมื่อไร

หลายๆ คนคงเคยได้ยินข้อมูลเกี่ยวกับระบบ Digital TV มากันแล้วบ้าง ไม่ว่าจากข่าวในทีวีหรือสื่ออื่นๆ เพราะถือได้ว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ของวงการสื่อสารมวลผลชนของบ้านเรา โดยในบทความนี้เราจะพามารู้จักกันให้มากยิ่งขึ้น พร้อมกับมีคำแนะนำในการใช้งาน Digital TV อีกด้วย เชื่อได้ว่าต้องเป็นประโยชน์สำหรับทุกๆ คนไม่มากก็น้อยแน่นอนครับ

ที่ก่อนอื่นเราต้องมาทำความเข้าใจกันก่อนว่าในปัจจุบันประเทศไทยเรานั้น สำหรับช่องฟรีทีวีที่มีอยู่ 6 ช่อง ประกอบไปด้วย 3, 5, 7, 9, NBT และ Thai PBS ได้มีการออกอากาศเป็นสัญญาณโทรทัศน์ระบบ Analog TV กันอยู่ โดยอาศัยหลักการทำงานของการส่งสัญญาณจากเสาภาคพื้นดินไปยังเสาอากาศตามบ้านเรือนที่เป็นรูปแบบของหนวดกุ้งหรือกางปลา จากนั้นตัวทีวีเองจะทำการแปลงสัญญาณให้กลายเป็นลักษณะภาพและเสียงออกมาให้เราได้รับชมกัน?

ซึ่งระบบ Analog TV ถือได้ว่ามีข้อจัดอยู่หลายๆ ส่วนด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของความสเถียรของสัญญาณที่มีน้อยและถูกรบกวนได้ง่าย (ภาพหรือเสียงที่ออกมาจะไม่มีความคมชัดหรือมีสัญญาณรบกวน) ซึ่งหากพื้นที่ใดมีความแรงของสัญญาณต่ำก็จำเป็นต้องติดตั้งกล่องขยายสัญญาณ (เสียเงินซื้ออีกต่อหนึ่ง) รวมไปถึงช่องทีวีก็ยังมีอยู่น้อยหนึ่งช่องคลื่นสัญญาณจะสามารถออกอากาศช่องทีวีได้เพียงช่องเดียวเท่านั้น

?

Digital TV คืออะไร ?

Digital TV คือระบบการส่งสัญญาณแพร่ภาพและเสียงแบบดิจิตอล ที่มีการใช้เสาอากาศกางปลาหรือหนวดกุ้งเป็นตัวรับสัญญาณ ซึ่งสัญญาณที่ได้รับมาจะถูกบีบอัดและเข้ารหัสที่มีค่าเป็น ?0? กับ ?1? เท่านั้น ถือได้ว่าเป็นการนำคลื่นวิทยุมาใช้งานอย่างเต็มประสิทธิภาพด้วยการรองรับการออกอากาศของจำนวนช่องที่มากยิ่งขึ้น อีกทั้งการแสดงภาพและเสียงที่ได้นั้น จะมีคุณภาพสูงยิ่งกว่าเดิม พร้อมทั้งรองรับบริการมัลติมีเดียรูปแบบใหม่ๆ และประหยัดพลังงานการใช้ไฟฟ้ามากกว่าระบบ Analog TV หลายเท่าตัว โดยในการรับสัญญาณระบบ Digital TV จำเป็นต้องใช้เครื่องทีวีที่มีภาครับหรือดิจิตอลจูนเนอร์ในตัว หรือสามารถใช้กล่อง Set Top Box ภายนอก ทำหน้าที่นี้แทนได้ จากนั้นก็ทำการเชื่อมต่อเข้าเครื่องทีวีอีกทีหนึ่ง ด้วยมาตรฐาน DVB-T2 ซึ่งเป็นมาตรฐานร่วมของอาเซียนซึ่งใช้กันในหลายๆ ประเทศ พัฒนาขึ้นมาจากมาตรฐาน DVB-T (Digital Video Broadcasting ? Terrestrial) ที่ใช้กันในยุโรปตั้งแต่ปี 2541

จะใช้งาน Digital TV ต้องทำอย่างไร ?

โดยหลักๆ แล้วแบ่งออกเป็น 2 วิธีการด้วยกัน สำหรับบ้านใครที่ยังใช้เสาอากาศหนวดกุ้งหรือกางปลาอยู่

1. ซื้อเครื่องทีวีรุ่นใหม่ๆ ที่มีการ Built-in Digital Tuner แบบ DVB-T2 มาในตัวซึ่งสะดวก และสวยงามกว่าเครื่องรับโทรทัศน์รุ่นเก่า ไม่ต้องต่อสายพ่วงกับอุปกรณ์ต่างๆ ให้วุ่นวาย โดยในอนาคตจะมีกันให้เลือกหลากหลายรุ่น ซึ่งในส่วนของราคาก็ไม่ได้แพงไปกว่าทีวีแบบเดิม ซึ่งก็จะมีตั้งแต่หมื่นกว่าบาทจนไปถึงแสนบาท

2. ซื้อกล่อง Set Top Box มาตรฐาน DVB-T2 เป็นตัวรับสัญญาณก่อนจะส่งเข้าเครื่องทีวีอีกต่อหนึ่งผ่านทาง HDMI, AV, หรือ RG6 แน่นอนว่าวิธีการนี้ทำให้ไม่ว่าเครื่องทีวีจะเป็นรุ่นเก่าจอนูน CRT หรือจอบางๆ แบบ LCD TV, LED TV, Plasma, Smart TV หรือ 3D TV ก็สามารถใช้งานระบบ Digital TV ได้ทั้งนั้น อีกทั้ง กล่อง Set Top Box จะมาพร้อมคุณสมบัติในการเป็น HD Player ในตัวอีกด้วย

สำหรับใครที่ใช้จานดาวเทียมหรือระบบ Satellite TV ในการรับชมอยู่แล้วจะไม่มีผลกับการเปลี่ยนไปเป็น Digital TV แต่อย่างใด เพราะรูปแบบการส่งสัญญาณไม่เกี่ยวข้องกันอยู่แล้ว แต่ก็จะมีช่องฟรีทีวีมาให้รับชมเพิ่มเป็น 48 ช่องด้วยกัน ซึ่ง Satellite TV อาศัยกล่อง Set Top Box ทำหน้าที่เป็นตัวแปลงสัญญาณดิจิตอลไปเป็นอนาล็อก จากนั้นก็ทำการเชื่อมต่อเข้าสู่เครื่องทีวีอีกทีหนึ่ง แต่ในตอนนี้ปัจจุบัน ผู้ให้บริการบางเจ้าทำกล่อง Set Top Box จะมีช่องเชื่อมต่อ HDMI เพื่อส่งสัญญาณดิจิตอลไปยังทีวีก็มีอยู่แล้วบ้างบางส่วน?

เริ่มใช้งาน Digital TV ในประเทศไทยเมื่อไร ?

จากแผนแม่บทบริหารคลื่นความถี่ พ.ศ. 2555 และแผนแม่บทกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ ฉบับที่ 1 กำหนดให้เริ่มรับส่งสัญญาณวิทยุโทรทัศน์ระบบดิจิตอลภายใน 4 ปี และมีจำนวนครัวเรือนในเมืองใหญ่ ที่สามารถรับสัญญาณวิทยุโทรทัศน์ในระบบดิจิตอลได้ ไม่น้อยกว่า 80% ภายใน 5 ปี และมีกรอบเวลาการดำเนินงานระหว่างปี 2555 ? 2559

หลังจากนั้นตั้งแต่ พ.ศ. 2559 เป็นต้นไปจึงจะทำการตัดสัญญาณแบบอนาล็อก แต่ถึงแม้ทาง กสทช. จะตั้งเป้าว่าจะหยุดการส่งสัญญาณอนาล็อกภายในปี พ.ศ. 2559 แต่ก็มีเงื่อนไขว่าหากคนไทยทุกครัวเรือนยังไม่มี Digital TV แบบสมบูรณ์ ก็จะยังไม่มีการหยุดส่งสัญญาณแบบอนาล็อกอย่างถาวรแต่อย่างใด

ประโยชน์ของการเปลี่ยนมาเป็น Digital TV

• รับชมโทรทัศน์ที่ให้ในส่วนของการแสดงภาพและเสียงที่ดีขึ้น คมชัดขึ้น ด้วยการที่เป็นระดับ HD จากที่ผ่านมาเป็นเพียงระดับ SD เท่านั้น
• ไม่มีสัญญาณรบกวนที่จะทำให้การแสดงผลและเสียงไม่ชัดเจน และกำลังแรงส่งของระบบ Digital TV มีมากกว่าเดิม
• รับชมโทรทัศน์ด้วยอัตราส่วนที่ 16: 9 Widescreen ซึ่งเหมาะกับเครื่องทีวีปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็น LCD TV, LED TV หรือ Plasma TV
• อุปกรณ์แปลงสัญญาณหรือกล่อง Set Top Box จากระบบ Digital TV ไปยังเครื่องทีวีมีราคาไม่แพง โดยอยู่ที่ พันถึงสองพันบาทเท่านั้น
• ในกล่อง Set Top Box บางรุ่น จะมาพร้อมความสามารถเป็น HD Player ที่สามารถเล่นไฟล์มัลติมีเดียได้ในตัว (ราคาอาจจะบวกเพิ่มนิดหน่อย)
• ข้อมูล ข่าวสาร และบริการ ที่มีความหลากหลายกว่าเดิม เนื่องจากช่องทีวีที่เพิ่มมากยิ่งขึ้น เป็นกว่า 48 ช่อง จากเดิมที่มีเพียง 6 ช่องเท่านั้น
• นำไปสู่กันพัฒนาคุณภาพชีวิต สังคม ของประชาชน เพราะเราสามารถเข้าถึงได้ง่ายและจำนวนมากกว่าเดิม
• ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศไทยโดยตรง จากการลงทุนต่างๆ ของกิจการโทรทัศน์ หรืออื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
• ได้รับการยอมรับจากต่างชาติ ที่นำไปสู่ความน่าสนใจการลงทุนต่างๆ จากต่างประเทศ