BGR ได้รายงานผลการศึกษาผ่านกลุ่มตัวอย่างกว่า 4,505 ราย ที่ได้ทำการสำรวจทั้งใน จีน , อินเดีย , บราซิล , ไนจีเรีย และเวียดนามแสดงให้เห็นว่า Apple ยังเป็นแบรนด์ที่ได้รับความสนใจมากที่สุดในตลาดเกิดใหม่อย่างภูมิภาคเอเชีย , แอฟริกา และอเมริกาใต้ แต่อย่างไรก็ดีผู้ใช้เหล่านั้นมีความปรารถนาอันแรงกล้าที่อยากจะได้ Apple iPhone ก็จริง แต่ในท้ายที่สุดแล้วเขาก็ต้องเลือกซื้อสมาร์ทโฟนในระบบ Android ด้วยเหตุผลทางด้านการเงิน และแปรอื่นอีกมากมาย
Apple มีผู้อยากจังจองเป็นเจ้าของมากที่สุด
จากกลุ่มตัวอย่างเผยให้เห็นว่าจาก 100% มีคนอยากได้สมาร์ทโฟน Apple มากถึง 32% ตามมาด้วย Samsung 29% และ Nokia 13% อย่างไรก็ดีเมื่อมองในมุมของระบบปฏิบัติการ ผลกลับออกมาแตกต่างกันโดยกลุ่มผู้ใช้เลือกใช้ Android ตามมาด้วย iOS , Windows Phone และ BlackBerry
และถ้าถามถึงเบื้องหลังการติดสินใจที่แท้จริงในการเลือกซื้อกลับพบว่ามีผู้ใช้ถึง 44% – 48% ให้ความสนใจในเรื่องของการตลาดหรือโฆษณาเป็นหลัก มากกว่าที่จะใส่ใจในเรื่องของแบรนด์ตัวสมาร์ทโฟนที่จะซื้อเสียอีก
Goolgle Play Store มีผู้ใช้งานมากที่สุดเป็นอันดับหนึ่ง
ในด้านของการให้บริการคอนเทนต์ หรือพวก Store ก็พบว่า Google เป็นผู้นำและมีผู้ใช้งาน Play Store ถึง 40% ตามมาด้วย Apple Store ที่ 28% และที่น่าสนใจคือกลุ่มตัวอย่างกว่า 26% เลือกที่จะไปลงแอพฯที่ร้านหรือตัวแทนจำหน่ายด้วยข้อจำกัดในด้านการเข้าถึงอินเตอร์เน็คและความรู้ทางด้านดาวน์โหลดแอพฯ
App store เจอปัญหาโฆษณาจำนวนมาก
ในด้านปัญหาของการให้บริการ จากกลุ่มตัวอย่างกว่า 24% กลับพบว่า App store เจอปัญหาเยอะกว่าด้วยการที่มีโฆษณาจำนวนมาก ซึ่งนั่นเป็นปัญหาหลักที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อผู้ใช้ส่วนใหญ่ทีเดียว ตามมาด้วย 20% ที่ตำหนิเกี่ยวกับคำแนะนำส่วนบุคคล (personalized suggestions ) ที่ยังน้อยเกินไป และ 11% ที่ตำหนิเกี่ยวกับวิธีการชำระเงินที่ใช้งานได้ยากหรืออธิบายได้ไม่ชัดเจน
สาวก iPhone กว่า 76% จะไม่เปลี่ยนใจไปแบรนด์อื่น
นอกจากนี้ก็ยังมีผลสำรวจจาก Xerox ที่วัดความจงรักภักดีในแบรนด์สมาร์ทโฟนจากผู้ใช้กว่า 3,000 คน ใน สหรัฐอเมริกา , สหราชอาณาจักร และออสเตรเลีย พบว่าเจ้าของ iPhone กว่า 76% จะยังคงใช้ iPhone ต่อไปเรื่อยๆโดยไม่คิดจะเปลี่ยนใจ แตกต่างกับเจ้าของเครื่อง Samsung ที่มีเพียง 58% ที่ยังคงใช้ต่อไปเรื่อยๆโดยไม่คิดจะเปลี่ยนใจ ตามภาพด้านล่าง
ที่มา : BGR , Fortune , Upstream