สำหรับหลายๆ ท่านที่มีโน๊ตบุ๊ค หรือ Ultrabooks รุ่นใหม่ๆ อยู่ในครอบครองคงจะฉงนสนเท่ห์กับพอร์ต USB 2.0 หรือ USB 3.0 ที่มีคำต่อท้ายว่า Charging ?(หรือ USB Charging , USB Battery Charging , BC1.2)?กันใช่ไหมละครับ ว่าไอเจ้าพอร์ต USB Charging?นี้มันต่างกับพอร์ด USB ธรรมดาๆ ทั่วไปยังไง และเอาไว้ใช้ทำอะไร แล้วทำไมมันต้องมีคำว่า Charging ต่อท้ายด้วย หรือว่ามันจะเป็นพอร์ตที่ชาร์จไฟได้?
USB Charging พอร์ต USB ที่ชาร์จสมาร์ทโฟนได้เหมือนที่ชาร์จทั่วไป
ใช่แล้วละครับเจ้า USB Charging นั้นเป็นพอร์ตที่สามารถชาร์จไฟให้กับอุปกรณ์พกพา และ Gadget ต่างๆ ได้โดยไม่ต้องใช้อุปกรณ์เสริมใดๆ ช่วย (ยกเว้นสายชาร์จ) ซึ่งเรามาดูประวัติของมันกันก่อนสักเล็กน้อย โดยเจ้า USB Charging นั้นถูกพัฒนาสำเร็จเสร็จสิ้นเมื่อช่วงเดือนธันวาคม 2010 ที่ผ่านมา?ทั้งบนมาตราฐาน USB 2.0 และ USB 3.0 ใน Revision 1.0 ที่ตัวต้นแบบ โดยถูกกำหนดให้มีระดับแรงดันไฟอยู่ที่ 5V และมีกระแสสูงถึง 5000mA หรือ 5A นั่นเองครับ ซึ่งในขณะนั้นดูเหมือนว่ากระแสไฟ 5A นั้นเยอะเกินความจำเป็นไปมาก
ทางทีมพัฒนา USB จึงกำหนดมาตราฐานกลางให้กับ USB?Charging เสียใหม่ในรุ่นปรับปรุง Revision 1.2?ให้มีแรงดัน 5V และมีกระแสสูงสุดที่ 1.5A นั่นเองครับ โดยวิธีสังเกตง่ายๆ ว่า USB พอร์ตไหนเป็น USB Charging ก็สังเกตได้จาก สัญลักษณ์รูปสายฟ้าบริเวณพอร์ต USB หรือในบางกรณีจะเป็นรูปก้อนแบตตเอรี่ครับ (ดังภาพด้านล่าง)
USB Charging มาพร้อมแรงดันแรงดัน 5V และมีกระแสไฟที่ 1.5A?
แล้ว USB Charging ทำอะไรได้บ้างละ? แน่นอนครับว่าเจ้า USB Charging นั้นมาพร้อม แรงดันไฟ 5V และมีกระแสสูงสุดที่ 1.5A มันจึงสามารถชาร์จไฟให้กับกล้อง , MP3 , MP4 และสมาร์ทโฟนได้มากมายหลากหลายรุ่น ทั้ง Nexus , HTC One หรือ iPhone 5s เป็นต้น แต่เจ้า USB Charging?มีข้อแม้ว่าอุปกรณ์นั้นๆ ต้องใช้ Input อยู่ที่ 5V ?นะครับ (สำหรับอุปกรณ์ไหนที่มีความต้องการไฟแตกต่างจากนี้ไม่แนะนำครับ)
สำหรับหลายๆ ท่านที่กลัวว่า USB Charging จะจ่ายกระแสไฟ (ค่า A หรือ mAh) เกินกว่าที่สมาร์ทโฟนของเราต้องการแล้วมันจะมีปัญหาไหม (เช่นเครื่องสมาร์ทโฟนโดยทั่วไปจะใช้ 5V 1A) ขอตอบเลยว่าไม่ครับ เพราะตัวเครื่อง”โดยส่วนใหญ่” จะมีระบบป้องกันการรับกำลังไฟเกินในตัวอยู่แล้วจึงไม่ทำให้ตัวเครื่อง และแบตเตอรี่”ส่วนใหญ่”มีปัญหานั่นเองครับ
แต่ถ้าท่านใดนำไปชาร์จกับแท็บเล็ตอย่าง iPad Air ที่ต้องการกำลังไฟ 5V 2A นั้นก็อาจชาร์จได้ช้าสักเล็กน้อยนะครับ แต่ก็ยังดีกว่านำไปเสียบชาร์จกับ พอร์ต USB ปกติที่มีกำลังไฟสูงสุดอยู่ที่ 900mA ใน USB 3.0 ธรรมดา และ 500mA ใน USB 2.0 ธรรมดานั่นเอง แถมยังช่วยให้ผู้ใช้ไม่ต้องพกที่ชาร์จอันโตไปให้เมื่อยตุ้มอีกด้วยละครับ (ด้านล่างจะเป็นการเปรียบเทียบระหว่าง การที่ได้เสียบชาร์จเลย > การเสียบชาร์จผ่าน USB ธรรมดา > การเสียบชาร์จผ่าน USB?Charging?ครับ)
เป็นอย่างไรกันบ้างละครับ พอจะเข้าใจหรือยังละครับว่า USB Charging คืออะไร และมีประโยชน์อย่างไร ซึ่งตัวผู้เขียนเองก็หวังว่าบทความนี้จะมีประโยชน์ต่อท่านผู้อ่านบ้างไม่มากก็น้อยนะครับ?