แหล่งข่าวเปิดเผยว่าผู้บริหารระดับสูงของ Intel กล่าวในวันพบปะสื่อมวลชนของ Intel ว่า ทาง Intel กำลังมุ่งหน้าพัฒนา GPU (ชิปการ์ดจอ) และ CPU (หน่วยประมวลผลกลาง) ให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น เพื่อที่บริษัทจะได้เข้าไปจับธุรกิจแบบใหม่ๆ ที่มีความถ้าทายสูง อย่างเช่นตลาด Mobile Devices
?
Intel เร่งผลักดันเทคโนโลยี Mobile Hardware
และยังเผยอีกว่าเป้าหมายของ Intel นั้นคือการเร่งผลักดันเทคโนโลยี Mobile Hardware ของตนเอง อย่างชิปประมวลผลในรูปแบบ SoC ให้มีประสิทธิภาพดีขึ้น โดยเพิ่มประสิทธิภาพของ GPU และ CPU ให้มีประสิทธิภาพสูงที่สุด โดยเราเตรียมที่จะปล่อยชิปประมวลผลประสิทธิภาพสูง 2 ตัวกันคือเจ้า Broxton และ SoFIA ลงสู่ตลาด
สำหรับ Broxton นั้นจะเป็นชิปที่มีประสิทธิภาพสูง และถูกพัฒนาบนสถาปัตยกรรมที่เรียกว่า Goldmont ที่ไม่เหมือนใคร โดยเจ้าชิปนี้สามารถถอดเปลี่ยนชิปเพื่ออัพเกรดได้อย่างง่ายดายและไม่ซับซ้อน ซึ่งผลิตบนเทคโนโลยี 14 นาโนโนเมตร แบบ 64-bit และจะเปิดตัวในช่วงปี 2015
และ SoFIA ที่จะเป็นชิปราคาไม่แพง และมีความน่าสนใจที่เดียว เพราะโดยปกติ Intel จะเป็นคนผลิตชิปของตัวเองทั้งหมด แต่เจ้านี่จะเป็นชิปที่มีบริษัทอื่นๆ ทั่วโลกช่วยผลิตให้ โดย Intel ทำสัญญาจ้าง แถม Intel ยังการันตีว่าเจ้าชิปนี้มาพร้อมกับความเร็วที่ไม่ธรรมดา พร้อมรองรับ 3G ในตัว และสามารถอัพเกรดให้รองรับ LTE ได้อีกด้วย โดย SoFia นั้นจะผลิตบนเทคโนโลยี 14 นาโนเมตรในรูปแบบของชิป ARM แบบ x86 ในช่วงแรก และปรับเป็น 64-bit ในช่วงเวลาถัดไป และพร้อมเปิดตัวช่วงครึ่งปีหลังของปี 2014
โดยชิปทั่งสองตัว ทั้ง Broxton และ SoFia นั้น Intel ยังวางแผนที่จะใช้เป็นพื้นฐานในการพัฒนาต่อยอดเทคโนโลยี และปรับรูปแบบมาใช้กับ Intel Atom อีกด้วย
เหตุผลที่ไม่ผลิตเอง
อย่างไรก็ดีภายในงาน Intel ยังมีการออกมาประกาศอีกว่าเหตุผลที่ทาง Intel จะร่วมมือกับบริษัทอื่นๆ ทั่วโลก ในการผลิตชิป เพราะ Intel เองยังไม่พร้อมพร้อมในอุตสาหกรรม Semiconductor มากนัก จึงมีความจำเป็นต้องจ้างบริษัทจากไต้หวันและ ทั่วโลกมาช่วยในการผลิต ทำให้ Intel ทำงานของตัวเองได้อย่างต่อเนื่องโดยไม่เจอปัญหา
?
ทำให้เราประสบความสำเร็จได้ไม่ยากนัก
และผู้บริหารระดับสูง Intel ยังทิ้งท้ายอีกว่าตลาด Mobile นั้นก้าวไปไวมาก และมีการแข่งขันสูง ในอนาคตเราก็ยังอยากจะเป็นผู้นำในการแข่งขันอยู่ เราจึงจำเป็นต้องตีนผีเหยียบคันเร่ง และเดินหน้าก้าวต่อไปด้วยการพัฒนาเทคโนโลยี 10 นาโนเมตร ในอนาคต หลังจากที่เราพัฒนาเทคโนโลยี 14 นาโนโนเมตร เสร็จเรียบร้อยในทันที และเราเชื่อว่าถ้าเรามีการวางแผนงานพัฒนาสินค้าต่างๆ อย่างต่อเนื่อง และจริงจังๆ อาจจะทำให้งานของเราง่ายขึ้น และทำให้ต้นทุนในการวิจัยลดลง ซึ่งจะทำให้เราประสบความสำเร็จได้ไม่ยากนัก
ที่มา : vr-zone