หลายต่อหลายคนเปลี่ยนโน๊ตบุ๊คเป็นว่าเล่น แต่หลายคนก็เลือกเปลี่ยนกันแบบนานๆ ครั้ง เพราะอย่าลืมว่าแม้โน๊ตบุ๊คจะราคาไม่ได้แพงเหมือนในอดีตแล้วก็ตาม แต่ก็ยังถือว่าเป็นค่าใช้จ่ายหลักหมื่นกันเลยทีเดียว
โดยเหตุผลในการเปลี่ยนโน๊ตบุ๊คของแต่ละคนนั้นไม่เหมือนกัน ยิ่งโน๊ตบุ๊ครุ่นใหม่ๆ ที่ออกมา ไม่ได้มีแค่คุณลักษณะที่เน้นความเร็ว แรงหรือบางเท่านั้น แต่ยังมีเรื่องของฟีเจอร์ ขนาด ฟังก์ชันการใช้งาน เทคโนโลยีและเรื่องของการใช้พลังงานเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยเช่นกัน จึงทำให้มีหลายปัจจัย ที่จะทำให้ผู้ใช้เลือกที่จะเปลี่ยนโน๊ตบุ๊คหรือซื้อโน๊ตบุ๊คใหม่ ไม่เหมือนกัน อย่างไรก็ดี ลองมาวิเคราะห์กันดีกว่าว่ามีสัญญาณใด ที่จะบอกให้ทราบได้ว่า ได้เวลาเปลี่ยนโน๊ตบุ๊คตัวใหม่ได้แล้ว
1.ทำงานช้าเกินไป
เป็นเหตุผลที่ค่อนข้างเบสิคที่หลายคนเลือกนำมาใช้ เวลาที่จะเปลี่ยนโน๊ตบุ๊ค โดยยกเอาเรื่องของประสิทธิภาพมาเป็นเรื่องหลัก ซึ่งดูจะมีน้ำหนักมากทีเดียว สำหรับบางคนก็น่าเห็นใจ เพราะที่ใช้อยู่ก็นานมากแล้ว ตั้งแต่ Windows XP จนบัดนี้ก้าวไปเป็น Windows 8.1 แล้ว ก็ยังใช้งานอยู่ แม้จะใช้งานทั่วไปได้ แต่ก็ช้ามาก บางครั้งเปิดโปรแกรมก็ต้องรอกันนานเลยทีเดียว อย่างนี้ก็น่าจะได้เวลาเปลี่ยน แต่สำหรับบางกลุ่มที่เจอผลกระทบค่อนข้างมากก็คือ เกมเมอร์ เพราะแนวโน้มของเกมมีความต้องการทรัพยากรสูงขึ้นตลอดเวลา ยิ่งถ้าอยากได้ภาพเนียนๆ เฟรมเรตต่อเนื่องด้วยแล้ว บางทีเครื่องที่ใช้อยู่อาจจะไม่สามารถทำได้เหมือนเดิม แต่ในกรณีนี้ถ้ายังไม่อยากเปลี่ยน ก็คงต้องลองปรับตั้งค่าต่างๆ ในการเล่นใหม่ ไม่ว่าจะเป็น Resolution, Detail หรือ Effect ก็ยังพอเล่นไปได้อีกสักระยะ แต่ถ้าเล่นแล้วไม่สนุกได้เหมือนเดิม ก็คงต้องเปลี่ยน
2.ไม่รองรับกับอุปกรณ์ใหม่ๆ
เป็นเรื่องที่หลายๆ พอจะเข้าใจดี เพราะบางครั้งก็ส่งผลต่อศักยภาพในการทำงานอยู่ด้วยเช่นกัน เพราะในเมื่ออุปกรณ์ที่ต่อพ่วงอยู่ทำงานช้า ก็ย่อมจะทำให้การทำงานช้าลงไปด้วย อย่างเช่น ปัจจุบันฮาร์ดดิสก์ส่วนใหญ่ก็เป็นแบบ USB 3.0 กันไปหมดแล้วหรือบางทีต้องไปต่อกับโปรเจกต์เตอร์ผ่านพอร์ต HDMI ก็ไม่สามารถทำได้ เนื่องจากโน๊ตบุ๊คที่มีเก่าเกินไป ไม่มีพอร์ตรองรับ ครั้นจะไปซื้ออแดปเตอร์มาต่อพ่วงก็ไม่สะดวก เพราะไม่คุ้มกัน อย่างนี้ก็เป็นเหตุผลที่น่าเปลี่ยนโน๊ตบุ๊คใหม่ ก่อนที่จะไม่สามารถทำอะไรได้มากกว่านี้
3.เก็บไฟไม่อยู่
เรื่องสามัญของผู้ใช้โน๊ตบุ๊คหลายๆ คน ซึ่งตามจริงแล้วอาจจะเข้าไปอยู่ในกลุ่มของสาเหตุความเสียหาย แต่ดูแล้วว่าน่าจะเป็นประเด็นใหญ่ ซึ่งเป็นเหตุผลคล้ายกับแบตฯ มือถือเสื่อม แล้วต้องเปลี่ยนเครื่อง เลยนำเอามาเป็นเรื่องหลักที่ต้องแยกออกมาอย่างชัดเจน เพราะเรื่องของแบตฯ โน๊ตบุ๊คต้องบอกว่าเป็นเรื่องใหญ่ หากเสียหรือเสื่อมไป ประสิทธิภาพและการใช้งานก็จะไม่เหมือนเดิม นอกจากนี้แล้วยังส่งผลต่อการใช้งานนอกสถานที่อีกด้วย เพราะจะมาชาร์จกันบ่อยๆ ก็คงไม่สะดวกนัก แม้ว่าในท้องตลาดเวลานี้จะมีแบตฯ ทั้งแท้และเทียบให้เลือกเปลี่ยน รวมถึงมีร้านซ่อมแบตฯ โน๊ตบุ๊คก็ตาม แต่เมื่อดูสนนราคาแล้ว บางรุ่นราคา 4-5 พันบาท เปลี่ยนไปก็คงจะดูไม่คุ้มนัก ยิ่งเปลี่ยนของเทียบ ถึงจะถูก ก็ต้องมาระแวงในเรื่องของประสิทธิภาพและการเก็บประจุ สู้ซื้อโน๊ตบุ๊คใหม่ สบายใจกว่าเยอะ
4.เข้ากับการใช้งานในชีวิตประจำวันไม่ได้
ฟังดูเหมือนเป็นเรื่องส่วนตัว จริงๆ แล้วก็คงคล้ายกัน สิ่งที่จะกล่าวถึงก็คือ บางครั้งวิถีชีวิตคนเปลี่ยนไป บางทีโน๊ตบุ๊คที่ใช้ไม่สามารถตอบโจทย์ได้เหมือนเดิม อย่างเช่น ต้องพกโน๊ตบุ๊คเดินทางกลับบ้าน ที่เคยอยู่ใกล้ออฟฟิศ ต้องย้ายที่ไปไกล จะแบกโน๊ตบุ๊คตัวใหญ่ไปด้วยก็คงจะแย่หรือต้องทำงานนอกสถานที่บ่อย ก็ต้องเปลี่ยนเป็นโน๊ตบุ๊คที่กินไฟน้อยลง บางคนต้องการหน้าจอที่กว้างขึ้นสำหรับใช้งานที่เฉพาะเจาะจง โน๊ตบุ๊คตัวเดิมจอ 12? ก็คงไม่ตอบโจทย์นัก สาเหตุที่ควรจะต้องเปลี่ยนก็เพราะ ขึ้นชื่อว่าใช้ในชีวิตประจำวัน นั่นก็หมายถึงว่าต้องใช้อยู่ด้วยเป็นเวลานานๆ หากตอบสนองการทำงานไม่ได้ตามใจแล้ว ก็จะทำให้เสียเวลาและอาจลดประสิทธิภาพในการทำงานลง ซึ่งไม่คุ้มกันอย่างแน่นอน
5.เริ่มมีความเสียหาย
เป็นประเด็นสำคัญที่จะต้องทำการเปลี่ยนโน๊ตบุ๊คอย่างเร่งด่วน เพราะบางอาการถ้าเสียก็จะหมายความว่าทำงานไม่ได้เลย อย่างเช่น เครื่องร้อน ติดๆ ดับๆ หน้าจอแสดงผลไม่ครบ สีเพี้ยน เข้าระบบไม่ได้ ฮาร์ดดิสก์ไม่ทำงาน เพราะในเมื่อเปิดขึ้นมาทำงานไม่ได้ โน๊ตบุ๊คก็แทบจะหมดประโยชน์ในทันที ยกเว้นว่าจะเกิดอาการอย่างเช่น เห็นแรมไม่ครบ ไดรฟ์เปิดไม่ได้ พอร์ต USB เสียหรือแม้แต่ทัชแพดพัง ก็ยังพอหาอุปกรณ์มาใช้ทดแทน แต่แม้อาการหนักๆ จะซ่อมได้ก็ตาม แต่บางทีก็ต้องแลกมาด้วยค่าใช้จ่ายที่สูง ความคงทนอาจไม่เหมือนเดิมหรือมีอาการอื่นแทรกซ้อนตามมา ก็ไม่สามารถใช้งานได้อย่างมั่นใจได้เหมือนเดิมนั่นเอง ในข้อนี้ก็คงต้องขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของแต่ละบุคคล
6.เงินเหลือ เบื่อของเก่า
ในข้อนี้ก็ไม่ว่ากันเพราะขึ้นอยู่กับปัจจัยและเงินในกระเป๋าของแต่ละคน ก็อยากให้มองว่าโน๊ตบุ๊คก็ไม่ได้ต่างไปจากอุปกรณ์ไอทีทั่วไป บางครั้งใช้มานานอาจจะอยากเปลี่ยนให้เข้ากับยุคหรือเทรนด์ที่กำลังมา รวมถึงเปลี่ยนให้สอดคล้องกับการใช้งานและวิถีชีวิต แม้จะมีโน๊ตบุ๊คตัวเดิมที่ยังใช้งานได้ดีอยู่ แต่ยังพอมีกำลังทรัพย์ที่จะเปลี่ยนตัวใหม่ให้ดียิ่งขึ้น ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะถ้าซื้อไปแล้วไม่ได้เดือดร้อนหรือได้ใช้งานตามที่ต้องการจริงๆ ก็ดูจะคุ้มค่ามากทีเดียว ซึ่งบางคนก็อาจจะขายตัวเก่าหรือระบายให้กับคนใกล้ตัวไปใช้ประโยชน์ก็ยังได้เช่นกัน
ส่วนสุดท้ายนี้ก็คงจะต้องกล่าวว่าเหตุผลบางอย่างในการเปลี่ยนโน๊ตบุ๊คไม่ได้เป็นคำตอบที่แท้จริง เพราะทุกสิ่งก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของผู้ใช้เอง ซึ่งบางทีก็ไม่ต้องมีเหตุผลมาก เพราะหลายคนใช้การตัดสินใจชั่วแวบเดียวในการเปลี่ยนโน๊ตบุ๊คก็มี แต่สิ่งสุดท้ายก็คือ ควรต้องพิจารณาอย่างจริงๆ จังๆ เพื่อให้ได้โน๊ตบุ๊คที่คุ้มกับเงินที่จ่ายไปนั่นเอง