เปิดตัวกันไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วกับพระเอกของงานอย่าง iPad รุ่นใหม่ทั้งสองรุ่น ที่มาคราวนี้เป็น iPad Air (iPad 5) และ iPad mini with Retina Display (iPad mini 2) ซึ่งหลักๆ แล้วสำหรับการเปลี่ยนแปลงก็เป็นไปตามคาดการณ์และบรรดาข่าวลือต่างๆ ที่ออกมาก่อนหน้านี้
โดยในส่วนของ iPad?Air (iPad 5) ได้รับการต่อยอดมาจาก iPad with Retina Display (iPad 4) ซึ่งเรื่องที่เห็นได้ชัดก็คือด้านการดีไซน์ที่มีการปรับให้มีความบางและเบากว่าเดิม โดยมีลักษณะคล้ายกับ iPad mini ขยายส่วน ที่เรียกได้ว่าหากเทียบกับ iPad รุ่นก่อนหน้าแล้ว จะมีความบางลงไปกว่า 20% และน้ำหนักก็ลดลงไปประมาณ 200 กรัมทีเดียว เรียกได้ว่าคราวนี้ก็จับถือได้สบายและถนัดมากยิ่งขึ้นแล้ว สำหรับชิปประมวลผลของ?iPad?Air (iPad 5) ได้มีการใช้เป็น Apple A7 และ Apple M7 อย่างที่ใช้ใน iPhone 5s ซึ่งให้ประสิทธิภาพการทำงานที่สูงกว่าเดิม ที่สำคัญคือยังทำงานแบบ 64-bit อีกด้วย
สรุปคุณสมบัติของ iPad Air (iPad 5)
- ดีไซน์เปลี่ยนไป คล้าย iPad mini ที่มีขนาดใหญ่
- ขนาดหน้าจอและความละเอียดยังเท่าเดิม
- ตัวเครื่องบางลงเป็น 7.4 ม.ม. จากเดิม 9.4 ม.ม.
- น้ำหนักเบาลงเหลือเพียง 469 กรัมเท่านั้น
- ขอบตัวเครื่องด้านข้างแคบลง
- กล้องความละเอียดเท่าเดิมแต่ปรับปรุงให้ดียิ่งขึ้น
- ไมโคโฟนติดตั้งมาเป็นแบบคู่
- มีสองสีให้เลือกคือ?Space Gray และ Silver
- ราคาเริ่มต้นที่ $499 (ประมาณ 16,000 บาท)
นอกเหนือจากนี้ยังมีการเปิดตัว iPad mini รุ่นที่สอง หรือตามชื่ออย่างเป็นทางการของ Apple ก็คือ?iPad mini with Retina Display ซึ่งก็เป็นไปตามคาดเช่นกันก็คือ หลักๆ ก็ยังใช้งานดีไซน์เป้นแบบเดิม แต่เพิ่มในส่วนของความละเอียดหน้าจอลงไปให้เป็น Retina Display รวมไปถึงชิปประมวลผลก็เลือกใช้เป็นตัวเดียว iPad Air และ iPhone 5s อย่าง?Apple A7 และ Apple M7 อีกด้วย?
สรุปคุณสมบัติของ iPad mini with Retina Display?(iPad mini 2)
- ตัวเครื่องยังดีไซน์แบบเดิมๆ เหมือนรุ่นก่อน
- ความละเอียดหน้าจอเพิ่มขึ้นเป็น?2048 x 1536 พิกเซล ทำให้เป็น Retina Dislay
- กล้องความละเอียดเท่าเดิมแต่ปรับปรุงให้ดียิ่งขึ้น
- แบตเตอรี่อยู่ได้ยาวนาน 10 ชั่วโมง
- มีสองสีให้เลือกคือ?Space Gray และ Silver
- ราคาเริ่มต้นที่ $399 (ประมาณ 12,500 บาท)
ซึ่งต้องบอกว่า iPad Air และ iPad mini with Retina Display ยังไม่มีในส่วนของคุณสมบัติ Touch ID และมีสีทองให้เลือกแบบ iPhone 5s ตามที่เคยมีข้อมูลลือมาก่อนหน้านี้นะครับ
รวมไปถึง iPad Air และ iPad mini with Retina Display ยังมีอุปกรณ์เสริมอย่าง Smart Case รุ่นใหม่ด้วย ซึ่งสนนราคาก็อยู่ที่ $79 (ประมาณ 2,500 บาท) ?และ $39 (ประมาณ 1,300 บาท) ตามลำดับ อีกทั้งทาง Apple ประกาศออกมาแล้วว่าจะเริ่มจำหน่าย iPad รุ่นใหม่นี้อย่างเป็นทางการสำหรับประเทศกลุ่มแรก ในวันที่ 1 พฤศจิกายน (ซึ่งก็ไม่มีไทยตามเคย แต่เชื่อได้ว่าไม่เกินเดือนมาแน่ๆ)
เป็นอย่างไรกันบ้างครับ ถือว่าสมการรอคอยหรือเปล่า อันนี้คงต้องให้ผู้ที่จะใช้งานตัดสินใจกันเอาเองแล้วครับ?