Connect with us

Hi, what are you looking for?

Other News

Wacom จัดมาใหม่อีกรอบ Cintiq Companion ไม่ต้องต่อ PC เปิดใช้งานได้ในตัวเองเลย

ย้อนกลับไปเมื่อช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมา Wacom ได้ปล่อยอุปกรณ์แบบใหม่ออกมา ที่เป็นลักษณะเหมือนกับเครื่องแท็บเล็ต แต่เน้นด้านการใช้งานเพื่อนักออกแบบกราฟิก

ย้อนกลับไปเมื่อช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมา Wacom ได้ปล่อยอุปกรณ์แบบใหม่ออกมา ที่เป็นลักษณะเหมือนกับเครื่องแท็บเล็ต แต่เน้นด้านการใช้งานเพื่อนักออกแบบกราฟิกโดยเฉพาะ หรือก็คือเจ้าแครื่อง Cintiq 13HD นั่นเอง ที่เป็นจับเอาชื่อเครื่องตระกูล Cintiq สุดแพงระดับ High-end มาลดขนาดให้เล็กลง และทำให้พกพาได้ง่ายขึ้นมากกว่าเดิม และยังคงจุดเด่นด้วยการรองรับการใช้งานปากกที่เป็นเทคโนโลยีเฉพาะของ Wacom เอง แต่ว่าการใช้งานนั้น ก็จำเป็นที่ต้องเชื่อมต่อเข้ากับเครื่องคอมพิวเตอร์เพื่อใช้งาน

wacom cintiq companion

Advertisement

ล่าสุดนี้ Wacom ได้ทำการเปิดตัวเครื่องรุ่นใหม่ ในชื่อว่า Cintiq Companion และ Cintiq Companion Hybrid ที่จะเป็นลักษณะเหมือนกับ โดยภายนอกรวมนั้น ก็จะคล้ายกันกับเครื่องตัวเก่า ไม่ว่าจะเป็นขนาดหน้าจอที่ 13.3 นิ้ว แบบ LCD TFT พร้อมความละเอียดที่ 1,920 x 1,080 พิกเซล มีค่า contrast ratio ที่ 700:1 แสดงผลสีได้ทั้งหมด 16.7 ล้านสี คิดเป็น 75 เปอร์เซ็นต์ของค่า Adobe RGB Gamut และตามมาด้วยฟีเจอร์อันเป็นเอกลักษณ์ของ Wacom ไม่ว่าจะเป็น ExpressKeys, Rocker Ring, การปรับแต่งการควบคุมต่างๆ และระบบ multitouch gestures และอุปกรณ์สำหรับการใช้งานควบคู่กันที่ขาดไปไม่ได้ นั่นก็คือปากกา Pro Pen นั่นเอง ที่มีการตอบสนองต่อแรงกดที่แตกต่างกันได้ถึง 2,048 ระดับ ส่วนความแตกต่างระหว่างทั้งสองรุ่นนั้น ก็คือเรื่องของระบบซอฟท์แวร์ที่มีมาให้ภายในนั่นเอง โดยที่ตัว Companion นั้น จะมาพร้อมกับระบบ Windows 8 หรือ Windows 8 Pro ในขณะที่ตัว Companion Hybrid นั้น จะใช้เป็นระบบ Android 4.2 Jelly Bean

DTHW1300 Details Controls White 600

สำหรับตัวเครื่องนั้น ภายในก็จะใส่เป็นชิป Intel Core i7 รุ่นที่ 3 มาให้ แรมขนาด 8GB ชิปกราฟฟิกเป็น HD Graphics 4000 และอุปกรณ์สำหรับบันทึกข้อมูลเป็น SSD ถ้าเลือกเป็นรุ่นที่มาพร้อมกับระบบ Windows 8 ก็จะมีขนาดพื้นภายใน 256GB ส่วนถ้าเป็น Windows 8 Pro นั้น ก็จะมีพื้นที่จุสูงสุด 512GB ส่วนราคานั้น ก็จะเป็น $1,999 และ $2,499 ตามลำดับ

ku

ส่วนถ้าเป็นรุ่น Hybrid ที่มาพร้อมกับระบบ Android ก็จะใช้เป็นชิปภายในจาก NVIDIA ด้วย Tegra 4 แรมมีมาให้ 2GB และช่องสำหรับต่อ HDMI พร้อมพื้นที่ 16GB และ 32GB โดยราคาก็จะเป็น $1,499 และ $1,599 ตามความจุที่เลือกเลย แต่ตัวเครื่องก็ยังจะมีช่องสำหรับเสียบการ์ด MicroSD ให้เอาไว้เพิ่มขนาดพื้นที่สำหรับเก็บไฟล์ได้อีก นอกจากนั้น ก็ยังจะมีกล้องขนาดความละเอียด 8 ล้านพิกเซลมาให้เอาไว้ใช้ถ่ายภาพอีกด้วย ส่วนด้านหน้าก็มีมาให้ 2 ล้านพิกเซล เผื่อว่าจะเอาไว้ใช้คุยสนทนากับเพื่อนร่วมงานได้สบายๆ การเชื่อมต่อก็ไม่ขาดทั้ง WiFi และ Bluetooth สำหรับรุ่น Companion Hybrid นั้น จะพร้อมออกจำหน่ายในเดือนกันยายนนี้ ส่วนตัว Companion จะเป็นเดือนตุลาคม แต่ก็สามารถที่จะเริ่มสั่งของกันได้แล้วตอนนี้ ทั้ง 2 รุ่น

ที่มา: engadget

Click to comment
Advertisement

บทความน่าสนใจ

SOFTWARE

แม้ว่า ChatGPT ของ OpenAI จะซ่อนโมเดล GPT-4 ที่ดีกว่าไว้หลังจากที่คุณจ่ายเงินค่าสมาชิกไปแล้ว แต่ Copilot ของ Microsoft ก็เปิดให้ใช้งาน ChatGPT ได้ฟรี คุณอยากลง ChatGPT ฟรีหรือไม่ ถ้าใช่นี่คือคำตอบ มีการพูดถึง Microsoft Copilot มากมายในช่วงที่ผ่านมานี้ เนื่องจากบริษัท Microsoft...

Buyer's Guide

หลายปีที่ผ่านมาไม่ว่าจะแบรนด์นาฬิกาหรือสมาร์ทโฟนก็หันมาสร้าง Smart Watch กันอย่างต่อเนื่องจนหลายๆ คนคิดว่าจะซื้อ Smart Watch รุ่นไหนดี 2024 นี้ก็มีตัวเลือกจากแบรนด์ต่างๆ มากมาย ซึ่งแต่ละแบรนด์ก็จะมีเอกลักษณ์ส่วนตัวแตกต่างกันไป ไม่ว่าจะใช้งาน Google Wear OS ทำให้นาฬิกาเป็นส่วนเสริมของสมาร์ทโฟนให้ใช้งานได้สะดวกขึ้น ใช้จ่ายเงิน, ดูแผนที่ระหว่างเดินทางไปไหนมาไหนได้ง่าย ไปจนกลุ่มคนที่รักการออกกำลังกายและใช้ชีวิต Extreme ดำน้ำเดินป่าก็มี Smart Watch...

CONTENT

Google services 7 บริการที่เคยมี แต่วันนี้หายไป มีอะไรบ้าง ตามที่มีข้อมูลออกมา ก็นับเป็นเวลานานมากแล้วที่ Google services มีนโยบายค่อนข้างเปิดกว้างให้กับพนักงานของตนเองได้ลองเสนอไอเดีย สร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ออกมา เราจึงได้เห็นว่าจะมีบริการใหม่ออกมาอยู่เสมอ บางตัวก็ได้รับการใช้งานจนติดตลาดและกลายเป็นหนึ่งในบริการหลักไปเลย แต่บางตัวที่อาจจะได้รับความนิยมน้อยหน่อย หรือมีการปรับเปลี่ยนแนวทางภายใน เราก็มักจะเห็น Google ปิดบริการเหล่านั้น หรือยุบไปรวมกับบริการอื่นแทน ในบทความนี้เราจะมาดูกันว่ามีบริการใดบ้างที่ถูกปิดไปแล้ว ซึ่งบางตัวก็ต้องบอกว่ามันใช้งานได้ดีในยุคนั้น...

Buyer's Guide

แท็บเล็ตราคาไม่เกิน 3000 บาทอยากซื้อไว้ดูหนังหรืออ่านหนังสือก็ได้นะ! แม้แท็บเล็ตราคาไม่เกิน 3000 บาทจะดูราคาไม่แพงมากจนบางคนติดภาพว่าประสิทธิภาพของมันคงทำอะไรไม่ได้มาก แต่จริงๆ แล้วชิปเซ็ตยุคใหม่นี้ก็มีประสิทธิภาพดีขึ้นพอควร จะใช้ดูคลิปบน YouTube หรือใช้เป็น Ebook Reader ก็ยังได้ แถมส่วนใหญ่ติดตั้งพอร์ต USB-C มาให้โอนไฟล์และชาร์จแบตเตอรี่แล้ว และขนาดตัวเครื่องก็พกพาง่ายเพียง 8 นิ้วเท่านั้น จึงหยิบใส่กระเป๋าไปไหนมาไหนได้ง่ายขึ้นมาก อย่างไรก็ตามเนื่องจากเป็นแท็บเล็ตราคาประหยัดทำให้ผู้ผลิตไม่ค่อยอัปเดตเวอร์ชั่น Android ให้เป็นปัจจุบันนัก...

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

บันทึก