ฮาร์ดดิสก์แบบต่อภายนอกหรือ External Harddisk?จัดได้ว่าเป็นอุปกรณ์เสริมที่ได้รับความนิยมสูงชนิดหนึ่งในปัจจุบัน เพราะด้วยความที่ฮาร์ดดิสก์ภายในโน๊ตบุ๊คเองความจุอาจจะไม่เพียงพอต่อการใช้งานเต็มที่ กรณีในการเก็บหนังหรือแบ็กอัพไฟล์ต่างๆ ยิ่งถ้าเป็นในส่วนของโน๊ตบุ๊ครุ่นใหม่ที่มาพร้อมฮาร์ดดิสก์ความเร็วสูงอย่าง SSD ที่มีความจุน้อยกว่าฮาร์ดดิสก์ทั่วไปด้วยแล้วล่ะก็ ยิ่งใช้งานได้น้อยกันไปใหญ่
โดยฮาร์ดดิสก์ภายนอกนั้นหลักๆ แล้วแบ่งออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ ก็คือ ฮาร์ดดิสก์ขนาด 2.5″ ที่เรียกได้ว่าขนาดนั้นเล็กและพกพาไปใช้งานได้สะดวก เพราะใช้การเชื่อมต่อผ่านทางสาย USB เส้นเดียวเท่านั้น ซึ่งฮาร์ดดิสก์ภายในใช้ชนาดเดียวกับฮาร์ดดิสก์ในโน๊ตบุ๊ค ส่วนอีกประเภทจะเป็นฮาร์ดดิสก์ขนาด 3.5″ ซึ่งจัดได้ว่ามีขนาดค่อนข้างใหญ่ พกพาลำบาก เพราะนอกเหนือจากต้องเชื่อมต่อด้วยสาย USB แล้ว ยังต้องใช้เชื่อมต่อไฟบ้านในการใช้งานอีกด้วย ซึ่งฮาร์ดดิสก์ที่ใช้นั้นก็จะเป็นขนาดเดียวกับที่ใช้เครื่องคอมพิวเตอร์พีซีทั่วไป แต่อย่างไรก็ตามฮาร์ดิสก์ภายนอกขนาด 3.5″ นั้นก็มีเรื่องที่เหนือกว่า ก็คือ ความจุต่อราคานั้นจัดได้ว่าถูกกว่าฮาร์ดดิสก์ขนาด 2.5″ อีกทั้งในส่วนของประสิทธิภาพการทำงานก็ดีกว่าเล็กน้อย
ในบทความนี้เราจะมาพบกับรีวิวของฮาร์ดดิสก์ภายนอกขนาด 3.5″ ?ของแบรนด์ Seagate ที่เป็นหนึ่งในผู้ผลฺิตฮาร์ดดิสก์รายใหญ่ของโลก ในรุ่น Expansion ที่มีความจุ 1TB (1000GB) ส่วนการเชื่อมต่อเป็น USB 3.0 ซึ่งนับได้ว่าเป็นฮาร์ดดิสก์ภายนอกรุ่นหนึ่งในตลาดที่มีความคุ้มค่า เพราะมีราคาค่าตัวเพียง 1,690 บาทเท่านั้น แน่นอนว่ายังมาพร้อมการรับประกันถึง 3 ปีด้วยกันตามมาตรฐานของฮาร์ดดิสก์ภายนอก โดยฮาร์ดดิสก์ตัวนี้ผู้เขียนได้ซื้อมาใช้งานเอง ซึ่งจะเน้นใช้งานในเรื่องของการแบ็กอัพไฟล์และประมวลผลไฟล์ผ่านในตัวฮาร์ดดิสก์เป็นหลัก?
แพ็คเกจภายนอกของ Seagate Expansion มาในกล่องทรงมาตฐาน เน้นสีพื้นเป็นสีขาวเรียบๆ ตามสไตล์ของ Seagate ที่แล้วดูสวยงามแบบเรียบๆ โดยหน้ากล่องมุมบนมีระบุขนาดความจุอย่างชัดเจนว่า 1TB (มีสี่รุ่นด้วยกัน คือ 1TB, 2TB, 3TB และ 4TB) พร้อมด้วยรายละเอียดต่างๆ อย่างขนาดมิติของตัวฮาร์ดดิสก์ และรูปแบบการเชื่อมต่อการใช้งานที่รองรับทั้ง USB 2.0, USB 3.0 รวมถึงระบบฏิบัติการที่สนับสนุนทั้ง Windows XP, Windows Vista และ Windows 7 ที่ถึงแม้จะไม่ได้บอกว่ารองรับ Mac OS X และ Windows 8 แต่จากการใช้งานจริงก็สามารถเชื่อมต่อใช้งานได้ทันที
ภายในกล่องเมื่อแกะออกมาเราก็จะพบกับอุปกรณ์ต่างๆ ซึ่งอย่างแรกก็จะเป็นตัวฮาร์ดดิสก์, สายเชื่อมต่อ USB 3.0 ที่ด้านหนึ่งจะเป็นหัวไปเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ (Type A) ส่วนอีกด้านหนึ่งจะเป็นการเชื่อมต่อกับฮาร์ดดิสก์ (Micro-B) ความยาวประมาณ 1 เมตร และอแดปเตอร์ที่ทำหน้าที่เชื่อมต่อไฟ ที่มาพร้อมกับหัวแปลงปลั๊กหลายรูปแบบ ทำให้รองรับการใช้งานปลั๊กไฟต่างๆ ได้ทั่วโลก ซึ่งในส่วนของผู้ใช้งานสะดวกแบบใดก็เลือกกันได้ตามสบาย
ดีไซน์โดยรวมของ?Seagate Expansion มีลักษณะเป็นพลาสติกสีดำด้านที่เน้นความเรียบง่าย รูปทรงเป็นแบบสี่เหลี่ยมคางหมูซึ่งด้านหน้าของตัวฮาร์ดดิสหืมีความลาดชันเล็กน้อย พร้อมกับบริเวณมุมด้านล่างซ้ายมีโลโก้ Seagate สกรีนเอาไว้อยู่ จากการทดลองชั่งน้ำหนัก มรน้ำหนักอยู่ที่ 640 กรัม ถือได้ว่าหนักกว่าฮาร์ดดิสก์ภายนอกขนาด 2.5″ ทั่วไปประมาณ 4 เท่าได้
ด้านหลังของตัวฮาร์ดดิสก์มาพร้อมการเชื่อมต่อ 2 อย่าง ก็คือ การเชื่อมต่อ USB 3.0 และ การเชื่อมต่อไฟเอาอแดปเตอร์ นอกจากนี้ยังมีช่องระบายความร้อนทั้งในส่วนของด้านหลังและด้านล่างของตัวฮาร์ดดิสก์ เพื่อป้องกันฮาร์ดดิสก์มีิอุณหภูมิสูงจนเกินไปขณะใช้งาน ประกอบกับด้านล่างยังมีฐานรองให้ตัวฮาร์ดดิสกืมีความสูงขึ้นจากพื้นเล็กน้อย และยังทำหน้าที่กันลื่นไหล์ของตัวฮาร์ดดิกส์อีกด้วย
การใช้งานฮาร์ดดิสก์ภายนอก Seagate Expansion ก็ทำได้ง่ายๆ เพื่อเชื่อมต่อสายต่างๆ ในครบถ้วนทั้งสาย USB และอแดปเตอร์ เพียงเท่านี้ฮาร์ดดิสก์ก็จะพร้อมใช้งานแล้ว แต่อย่างไรก็ตามแนะนำว่าเพื่อประสิทธิภาพการใช้งานที่ดีที่สุด เราควรจะต่อสาย USB 3.0 เข้ากับช่อง USB 3.0 บนคอมพิวเตอร์เท่านั้น เพราะถ้าเรานำไปต่อกับช่อง USB 2.0 ล่ะก็ ความเร็วทำได้นั้นจะตกลงมาเป็นมาตรฐาน USB 2.0 เท่านั้น ซึ่งเรียกได้ว่าเร็วในการโอนถ่ายข้อมูลแตกต่างกันพอสมควรทีเดียว โดยขณะใช้งานจะมีไฟสถานะสีฟ้าค่อยกระพริบตลอดเวลา ซึ่งเป็นการแสดงว่าฮาร์ดดิสก์กำลังอ่านหรือเขียนอยู่ (ถ้าไม่อ่านหรือเขียนไฟจะไม่กระพริบ)
ซึ่งสำหรับการทำงานของตัว Seagate Expansion?จากการทดสอบ มีความเร็วในการอ่าน-เขียน ข้อมูลได้รวดเร็วดีมากๆ โดยผลการทดสอบผ่านพอร์ตแบบ USB 3.0 ทั้งในส่วนของไดร์ฟ Format Mac OS และ NTFS ด้วยโปรแกรม Disk Speed Test ใน OS X ก็พบว่าความเร็วในการอ่าน ? เขียนข้อมูล (Read ? Write) ของ USB 3.0 สามารถทำได้ถึง 190 MB/s ? 180MB/s เลยทีเดียว?ที่โดยส่วนตัวนั้นถือได้ว่ามีความใกล้เคียงกันหรือพูดง่ายๆ ก็คือแทบไม่แตกต่างกันนั่นเอง
* External Harddisk ที่เชื่อมต่อด้วยรูปแบบต่างๆ มาตรฐานความเร็วเฉลี่ย Read ? Write จะอยู่ที่ประมาณ :
- HDD 2.5″ Thunderbolt : 110MB/s – 100 MB/s
- HDD 2.5″ USB 3.0 : 100 MB/s ? 80 MB/s
- HDD 3.5″ USB 2.0 : 33MB/s ? 28MB/s
- HDD 3.5″ Firewire 800 : 60MB/s ? 55MB/s
- HDD 2.5″ eSATA : 60MB/s ? 50MB/s
สำหรับโปรแกรม HD Tune เมื่อทดสอบออกมาแล้วจะมีอัตราการถ่ายโอนข้อมูลที่สูงกว่าฮาร์ดดิสก์ภายนอกทั้วไป โดยค่าน้อยสุดจะอยู่ที่ 23.1MB/s และเพิ่มขึ้นไปสูงสุดที่ 170 MB/s ทำให้ค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 136 MB/s ทีเดียว อีกทั้งฮาร์ดดิสก์ Seagate Expansion ยังโดดเด่นเรื่องความเร็วในการเข้าถึงข้อมูลที่ทำได้อย่างรวดเร็วโดยใช้เวลาเพียง 14.3 ms เท่านั้น จัดได้ว่าน่าประทับใจมากๆ ทีเดียว กับฮาร์ดดิสก์ภายนอกขนาด 3.5″ ตัวนี้
เมื่อตรวจสอบเพิ่มเติมมด้วยโปรแกรม?HD Tune ด้วยโปรแกรมพบว่าฮาร์ดดิสก์ตัวนี้สามารถใช้งานจริงที่ความจุ 931.5GB โดยเป็นมาตรฐานการเชื่อมต่อ SATA 3 และยังเผยถึงอีกว่าเป็นฮาร์ดดิสก์ 7200 รอบ ที่ทำให้ไม่แปลกเลยว่าทำไมความเร็วถึงมากกว่าฮาร์ดดิสก์ขนาด 2.5″
นอกจากนี้ยังได้ทดลองใช้งานจริงด้วยการ?คัดลอกข้อมูลขนาด 4.7GB (1 แผ่น DVD) จากฮาร์ดดิสก์ SSD ในตัวเครื่องไปยัง Seagate Expansion?ซึ่งก็ใช้เวลาไปประมาณ 23 วินาทีเท่านั้นเอง รวมไปถึงได้ทดลองคัดลอกไฟล์ขนาด 90GB ก็ใช้เวลาไปเพียงประมาณ 9 นาที?(เขียนที่ประมาณ 180 – 190MB/s ตลอด) แน่นอนว่าเมื่อเทียบทั้งการทดสอบความเร็วหรือการโอนถ่ายไฟล์จริงๆ จะเห็นว่า Seagate Expansion มีความเร็วกว่าฮาร์ดดิสก์ภายนอกขนาด 2.5″ พอสมควร
สุดท้ายกับการทดลองโปรเซสไฟล์ภาพถ่ายด้วยโปรแกรม Aperture ใน MacBook Pro Retina 15 กับไฟล์จากกล้อง Canon EOS 5D Mark II แบบไฟล์ RAW และ JPEG ผ่านทางการเชื่อมต่อด้วย USB 3.0 ก็แทบจะไม่มีความรู้สึกว่าแตกต่างจากการใช้งาน SSD ในตัวเครื่องเท่าไหร่นัก เรียกได้ว่าน่าประทับใจทีเดียว?แต่อย่างไรก็ตามส่วนตัวนั้นยังไง SSD ก็ยังมีความลื่นไหลกว่าแบบรู้สึกได้นะครับ ซึ่งสำหรับใครถ้ามีความจำเป็นต้องประมวลไฟล์ผ่านทางฮาร์ดดิสก์ภายนอก Seagate Expansion ตัวนี้ก็ถือว่าตอบสนองได้ดีทีเดียว
สรุปปิดท้าย
เป็นอย่างไรกันบ้างครับกับการรีวิวของฮาร์ดดิสก์ภายนอก 3.5″ อย่าง Seagate Expansion?ที่มีความพิเศษในเรื่องของราคาที่ถูกกว่าฮาร์ดดิสก์ภายนอกขนาด 2.5″ ในช่วงความจุที่เท่ากัน สำหรับในเรื่องของความเร็วในการเขียน-อ่านข้อมูลก็ต้องขอบอกว่าเร็วกว่าฮาร์ดดิสก์ภายนอกขนาด 2.5″ เกือบเท่าตัวทีเดียว?แม้ว่าจะเป็นการเชื่อมต่อด้วย USB 3.0 เหมือนกันก็ตาม ซึ่งสาเหตุก็น่าจะมาจากตัวฮาร์ดดิสก์แบบจานแม่เหล็กภายในเอง ที่ขนาด 3.5″ นั้นอาจจะมีความเร็วรอบที่มากกว่าโดยอยู่ที่ 7200 รอบ ซึ่งแตกต่างจากฮาร์ดดิสก์ขนาด 2.5″ ที่ปกติแล้วจะมีความรอบอยู่ที่ 5400 รอบเท่านั้น แต่อย่างไรก็ตามฮาร์ดดิสก์แบบจานแม่เหล็กก็ยังไม่สามารถทำความเร็วได้สูงสุดจนถึงระดับที่มาตรฐาน USB 3.0 ทำได้ในขณะนี้ (นอกเสียจากจะเปลี่ยนเป็นฮาร์ดดิสก์ SSD)
โดยถ้าเทียบกับค่าตัวของฮาร์ดดิสก์ภายนอก 3.5″ลูกนี้ จะมีราคาสูงกว่าฮาร์ดดิสก์ภายนอกประมาณ 500 – 800 บาท?(ในความจุที่เท่ากัน) แน่นอนว่าในเรื่องของความคุ้มค่าและประสิทธิภาพนั้นมีมากกว่าฮาร์ดดิสก์ภายนอก 2.5″ แต่ก็จะลำบากในการพกพาไปใช้งานมากกว่า ทั้งขนาดตัวที่ใหญ่และหนัก รวมถึงต้องใช้ไฟจากอแดปเตอร์อีกด้วย ซึ่งโดยส่วนตัวที่ซื้อมานั้นก็ต้องการที่จะใช้ใส่ Library ของโปรแกรม Aperture เป็นหลัก เพื่อโปรเซสไฟล์ภาพถ่ายโดยตรงจากฮาร์ดดิสก์ เพราะความที่ฮาร์ดิสก์ SSD ในตัวเครื่อง MacBook Pro Retina 15 นั้น ไม่พอใช้งานนั่นเอง (มีฮาร์ดดิสก์ขนาด 2.5″ ใช้งานอยู่แล้ว) ประกอบกับไว้ใช้ทำ Time Machine เพื่อแบ็กอัพไฟล์ระบบโดยเฉพาะ ซึ่งก็ต้องขอบอกว่ามีความประทับใจพอสมควร ด้วยราคาประสิทธิภาพระดับนี้
เอาเป็นว่าถ้าเพื่อนๆ คนไหนมองหาฮาร์ดดิสก์ภายนอกที่ไม่เน้นให้เรื่องของการพกพาไปใช้งานนนอกสถานที่มากนัก ก็ให้ดูเป็น?Seagate Expansion ความจุ 1TB เอาไว้ เพราะสนนราคาแล้วถือว่าถูกมากๆ เพียง 1,690 บาทเท่านั้น แต่ถ้าใครจำเป็นต้องพกพาฮาร์ดดิสก์ไปใช้งานนอกสถานที่ด้วยนั้น ก็ต้องบอกว่าให้มองหาฮาร์ดดิสก์ภายนอกขนาด 2.5″ จะเหมาะสมกว่าครับ แม้จะต้องเพิ่มเงินไปอีกประมาณ 500 – 800 บาทก็ตาม