อย่างที่เรารู้เรื่องความล้มเหลวของเครื่องแท็บเล็ต Surface จาก Microsoft กันดี ว่ามันส่งผลลบต่อบริษัทมากขนาดไหน และนอกเหนือไปจากนั้น กับเรื่องผลลัพธ์ด้านการเงิน จากการที่ Microsoft ต้องลงเงินไปกับโปรเจ็คต์นี้ ก็ดูเหมือนว่าจะไม่อยากเปิดเผยต่อเหล่านักลุงทุนของบริษัทสักเท่าไหร่ด้วย
เพราะตอนนี้ ตัวบริษัทเอง ได้กำลังถูกตกเป็นเป้าของเหล่าผู้ร่วมลงทุนทั้งหลาย ในแง่ของการปิดบังความจริงถึงขั้นเป็นคดีความกันแล้ว โดยกล่าวหาว่า Microsoft นั้น ทำการบิดพลิ้วทำให้เกิดความเข้าใจผิดต่อเหล่าผู้ถือหุ้นทั้งหลาย เกี่ยวกับเรื่องยอดขายของเครื่อง Surface
โดยเรื่องนี้ได้ถูกฟ้องร้องจากผู้ถือหุ้นที่มีนามว่า Gail Fialkov โดยยื่นเรื่องว่าการชี้แจงของ Microsoft ในการประกาศเมื่อวันที่ 18 เมษายน นั้น ว่าบริษัทมีผลประกอบการที่ดีขึ้นกว่าเดิม 23 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันปีต่อปี ในแผนก Windows และผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องอย่างเครื่อง Surface ที่ก็มีการเติบโตขึ้นมาเช่นเดียวกัน หลังจากที่ได้ทำการเปิดตัวเครื่องรุ่น Surface Pro
และช่วงเวลาสั้นๆ หลังจากที่ Microsoft ได้ทำการเผยถึงรายได้ของบริษัทในช่วงไตรมาสที่ 3 บริษัทก็ได้จัดการประชุมผ่านทางโทรศัพท์ขึ้น จาก Chris Suh ผู้ดำรงตำแหน่งผู้จัดการทั่วไปด้านความสัมพันธ์กับผู้ลงทุน และมีการแจ้งถึงรายได้ของฝ่ายแผนก Windows Division ว่ามี่ตัวเลขที่คงที่ ส่วนรายได้แบบ non-OEM นั้น ก็มีการโตขึ้นมากว่า 40 เปอร์เซ็นต์ จากยอดขายของเครื่อง Surface และยังคงเติบโตที่หลักตัวเลข 2 หลัก จากธุรกิจด้าน volume licensing
ตามมาด้วยการประชุมชี้แจ้งถึงตัวเลขรายได้ earnings call ที่มีการชี้แจงผ่าน Peter Klein, เจ้าหน้าที่การเงินระดับสูง หรือ CFO ว่า Microsoft นั้น ขยายการจำหน่ายตัวเครื่อง Surface ออกไปทั่วโลก ไปยังประเทศใหม่ๆนอกเหนือจากที่มีอยู่ในตอนนี้
ซึ่งหลังจากนั้นก็ได้โดน SEC หรือที่รู้จักกันดีในชื่อ 10-Q ออกมาพูดถึงเรื่องการประกาศผลตัวเลขรายได้ของ Microsoft ว่ารายได้จาก Surface และการเพิ่มขึ้นของยอดขาย Windows นั้น Microsoft ใช้เป็นข้ออ้้างที่ทำให้สถานการณ์ของตนเองดูดี ทั้งที่จริงแล้วในปัจจุบันยอดขายของพีซี x86 กำลังอยู่ในสภาวะถดถอย ซึ่งหมายความว่า Microsoft เองก็กำลังผลักดัน Surface ให้กลายเป็นตัวทำเงินชดเชยกับสิ่งที่ตนเองเสียไปในตลาดพีซีอยู่เต็มตัวเช่นกัน และสถานการณ์ของ Microsoft เองในขณะนี้ก็ไม่ได้ดีเหมือนเมื่อก่อน
และในงานการประชุมอื่นต่อมาของ Microsoft ก็ได้มีการพูดถึงเครื่อง Surface ไปในทิศทางที่เติบโตดีอย่างต่อเนื่อง มีความต้องการจากผู้ใช้งานมากมาย ในหลากหลายประเทศ จนในที่สุดนั้น Microsoft ก็ได้ออกมาพูดถึงตัวเลขในไตรมาสที่ 4 ว่าขาดทุนไปกว่า 900 ล้านเหรียญสหรัฐฯ จากเครื่อง Surface ทีค้างสต็อกอยู่ เพราะไม่สามารถขายได้
นั่นจึงเป็นสาเหตุที่มาของคดึความที่ว่านี้ เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมานั้น มีการพูดถึงไปในเชิงด้านดีตลอด ซึ่งก็ทำให้นักลงทุนต่างๆนั้น เกิดความเข้าไปในทิศทางที่ว่า มันกำลังไปได้ด้วยดี แต่สุดท้ายก็มาเผยความจริงว่าไม่สามารถขายได้ ทำให้มันกลายเป็นเรื่องเป็นราวนั่นเอง คงต้องมาดูคำชี้แจงของ Microsoft กัน ว่าจะออกมาพูดว่าอะไรบ้างกับเรื่องนี้
ที่มา: VR-Zone