ผลสำรวจเก็บข้อมูลล่าสุด สำหรับยอดจำหน่ายเครื่อง iPad ทั่วโลกนั้น ก็ได้วิ่งมาถึงระดับ 51.7 ล้านเครื่องเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สำหรับในไตรมาสที่ 2 ของปี 2013 ที่เพิ่งผ่านพ้นไปไม่นาน ซึ่งในจำนวนทั้งหมดนั้น ก็นำมาโดยเครื่องระบบ Android ที่มีส่วนแบ่งตลาดทั้งหมดในตลาด อยู่ที่ 67 เปอร์เซ็นต์ ในขณะที่เบอร์ใหญ่เจ้าเก่าอย่าง iOS ของ Apple นั้น หล่นไปจากเดิม ถึงระดับที่ 28 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ส่วน Windows ที่ไม่ค่อยจะมีใครคาดหวังอะไรมากสักเท่าไหร่อยู่แล้ว ก็อยู่ที่ 4.5 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น
สำหรับยอดจำหน่ายเครื่องของไตรมาสนี้ ก็โตขึ้นมาเป็น 36.2 ล้านเครื่องในช่วงไตรมาส 2 ของปี 2013 เพิ่มขึ้นมาอีกกว่า 47 เปอร์เซ็นต์ในไตรมาสนี้ จากยอดเดิมที่ได้อยู่ที่ 24.6 ล้านเครื่องในไตรมาส 2 และเมื่อทำการนับรวมเข้ากับเครื่องแบรนด์เล็กแบรนด์น้อยอีก ก็จะมียอดรวมสูงถึง 51.7 ล้านเครื่องเลยทีเดียว ขึ้นมาเป็นตัวเลขกว่า 43 เปอร์เซ็นต์ เทียบกับ 36.1 ล้านเครื่อง จากไตรมาสที่ 2 ของปี 2012 ซึ่งถือว่าในตอนนี้ ระบบ Android นั้น ค่อยๆมาแรงมากขึ้นเรื่อยๆอย่างต่อเนื่อง และมีเหล่าพันธมิตรที่คอยผลิตเครื่องรุ่นใหม่ๆออกมาเติมอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็น Samsung, Amazon,Google หรือแบรนด์ใหม่ๆอีกมากมาย
ส่วนทางด้านของเครื่อง iPad จาก Apple นั้น ก็เรียกได้ว่ายอดจำหน่ายนั้นหดลงไปพอสมควรทีเดียว จากผลของไตรมาสล่าสุดนั้น ทำได้ที่ 14.6 ล้านเครื่อง ลดลงไปจากปีที่แล้วถึงกว่า 14 เปอร์เซ็นต์ เพราะในช่วงไตรมาสเดียวกันนี้ของปีที่แล้ว เป็นช่วงเวลาที่ Apple ได้ทำการเปิดตัวเครื่อง iPad ที่มาพร้อมกับหน้าจอความละเอียดสูง Retina Display และนั่นก็เป็นเหตุผลที่ว่าทำไมยอดขายตัวเครื่อง ถึงได้มีมาก แต่มาในปีนี้ Apple ไม่ได้เปิดตัวเครื่อง iPad รุ่นใหม่อะไร นอกซะจากเครื่อง iPad ใหม่ ที่มีขนาดเล็กลงอย่าง mini
ส่วนทางด้านของเบอร์ 3 อย่าง Microsoft นั้น แม้ว่าจะไม่ค่อยได้รับความนิยมมากสักเท่าไหร่ แต่ก็เรียกได้ว่ายังสามารถที่จะทำตัวเลขมาได้ถึง 4.5 เปอร์เซ็นต์ แต่ก็อาจจะมีตัวเลขที่เพิ่มมากขึ้นจากนี้ได้ ถ้าหากว่าในไตรมาสต่อไป สามารถทำผลงานการพัฒนาใหม่ๆ ออกมาแก้เกมให้กับระบบ Windows RT ได้ โดยเฉพาะการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าในเวลานี้ของ Microsoft อย่างการเอาเครื่องออกมาลดราคา แม้ว่าอาจจะไม่ได้ทำให้ตัวเครื่องดูถูกมากมายอะไร แต่ก็มากพอที่จะนำเอามาเปรียบเทียบ หรือว่าเรียกความสนใจจากผู้บริโภคได้ในระดับนึง ปัญหาหลักใหญ่นั้น ก็คงหนีไม่พ้นเรื่องความขาดแคลนแอพฯที่มีให้ใช้งานนั่นเอง และเมื่อมีคนนิยมใช้น้อย นั่นก็ยิ่งไม่ดึงดูดเหล่านักพัฒนาสักเท่าไหร่ตามไปด้วย เป็นปัญหาที่แก้ไม่ตกอยู่ต่อไป สำหรับ Microsoft
ที่มา: Strategy Analytics