หนึ่งในอุปกรณ์เกมมิ่ง (Gaming Gear) ที่ได้รับความนิยมมากในปัจจุบันคงจะหนีไม่พ้น Mechanical Keyboard หรือคีย์บอร์ดแบบกลไกที่เกมเมอร์หลายๆ ท่านให้ความนิยมเลือกใช้ซึ่งแต่ละรุ่นและแต่ละผู้ผลิตก็นิยมใส่ลูกเล่นมาให้แตกต่างกันไป แต่จะรู้หรือไม่ว่าคีย์บอร์ดกลไลรุ่นต่างๆ ที่เราเลือกซื้อมานั้นมีข้อมูลปลีกย่อยและรายละเอียดแตกต่างกันอย่างไรบ้าง? สวิตช์สีต่างๆ มีข้อแตกต่างกันอย่างไร? ครั้งนี้ทางทีมงานเตรียมข้อมูลเกี่ยวกับ Mechanical Keyboard มาฝากเพื่อนๆ ทุกคนด้วย
Mechanical Keyboard แต่ละรุ่นมีจุดเด่นแตกต่างกันนะ
สิ่งหนึ่งที่ทุกคนต้องรับทราบเอาไว้ก่อนเลือกซื้อ Mechaical Keyboard นั้น คือคีย์บอร์ดประเภทนี้จะมีความแข็งแรงคงทนเป็นพิเศษแต่ราคาก็จะสูงเช่นกัน ดังนั้นก่อนที่เราจะไปทำความรู้จัก Mechanical Keyboard นั้น ทางทีมงานขอนำทุกคนไปรู้จักกับรายละเอียดต่างๆ ของคีย์บอร์ดและข้อมูลต่างๆ ที่ทุกท่านควรรู้จักเกี่ยวกับคีย์บอร์ดที่มีจำหน่ายอยู่ในปัจจุบันว่ามีแบบไหนบ้าง
รูปแบบของคีย์บอร์ด
คีย์บอร์ดจะถูกแบ่งออกเป็นสองรูปแบบใหญ่ๆ ด้วยกัน คือคีย์บอร์ดแบบปุ่มเต็มหรือคีย์บอร์ดแบบสั้นโดยตัดโซนของปุ่ม Numpad ทิ้งไป ทำให้ตัวคีย์บอร์ดสั้นลงทำให้ประหยัดพื้นที่ใช้งานยิ่งขึ้น ซึ่งคีย์บอร์ดแบบสั้นที่ตอนนี้มีจำหน่ายอยู่ในประเทศไทยและได้รับความนิยมพอควรจะมี Razer Black Widow Tournament ที่เป็นคีย์บอร์ดแบบ Mechanical Keyboard พร้อมสวิตช์สีน้ำเงินและ Neolution E-Sport TITAN ที่ใช้สวิตช์สีแดง
ส่วนประเภทของคีย์บอร์ดที่เป็นส่วนต่อไปนั้นทางทีมงานจะอิงตามประเภทของคีย์บอร์ดที่ยังมีผลิตอยู่ในปัจจุบันเท่านั้น โดยจะแบ่งออกเป็น 3 แบบหลักๆ ได้แก่ Rubber Dome, Scissor Switch, Mechanical Keyboard
Rubber Dome Keyboard
เป็นคีย์บอร์ดแบบที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในปัจจุบันเพราะราคาไม่แพงและหาซื้อได้ง่ายมาก ส่วนของโครงของคีย์บอร์ดทำจากพลาสติกทำให้มีราคาไม่แพงและมีเพียงปุ่มพื้นฐานทั่วไปติดตั้งเอาไว้และบางรุ่นจะมีปุ่ม Multimedia ติตตั้งเพิ่มเข้ามาให้ใช้เช่นเพิ่ม/ลดเสียง, เปิดเช็คอีเมล์ ฯลฯ เป็นต้น อายุการใช้งานของปุ่มจะอยู่ราว 1 ล้านครั้งด้วยกัน ซึ่งคีย์บอร์ดของโน๊ตบุ๊คจะเป็นคีย์บอร์ดแบบ Rubber Dome เช่นนี้ด้วย
สาเหตุของชื่อ Rubber Dome นั้นเป็นเพราะชั้นเลเยอร์ที่เป็นแผ่นยางแผ่นเดียวที่ปิดเอาไว้ใต้ปุ่มของคีย์บอร์ดโดยจะเป็นแผ่นเดียวยาวทั้งผืน ซึ่งเวลาเกิดความเสียหายจนใช้งานไม่ได้ก็จะต้องซ่อมโดยเปลี่ยนแผ่นยางทั้งผืน ข้อดีของคีย์บอร์ดแบบ Rubber Dome นั้นคือเสียงที่เกิดขึ้นระหว่างใช้งานจะเบาและไม่รบกวนผู้อื่นที่อยู่ในบริเวณนั้นด้วย
Scissor Switch
คีย์บอร์ดแบบที่ได้รับการพัฒนาต่อจาก Rubber Dome โดยตัวคีย์บอร์ดจะมีชิ้นส่วนที่เป็นพลาสติกไขว้กันเป็นเครื่องหมายกากบาทเหมือนกับกรรไกร (Scissor) จึงกลายเป็นที่มาของคีย์บอร์ดประเภทนี้โดยระยะกดจะสั้นกว่า Rubber Dome ระดับหนึ่ง โดยจุดเด่นของคีย์บอร์ดแบบนี้ได้รับความนิยมเพราะตัวปุ่มจะส่งเสียงเบาและไม่ต้องใช้แรงกดมาก ปัจจุบันจะมีคีย์บอร์ดจาก Rapoo ยังผลิตคีย์บอร์ดที่ใช้สวิตช์แบบ Scissor Switch อยู่
Mechanical Keyboard
เป็นคีย์บอร์ดอีกรูปแบบหนึ่งที่ได้รับความนิยมมากในปัจจุบันสำหรับเกมเมอร์และคนที่ต้องการคีย์บอร์ดที่มีความแข็งแรงทนทานสูง โดยปุ่มแต่ละปุ่มจะถูกเรียกว่าสวิตช์ (Switch) ซึ่งผลิตโดยบริษัท Cherry Corp เพียงบริษัทเดียวในโลก ณ ปัจจุบัน ซึ่งสวิตช์แต่ละสวิตช์จะมีจุดเด่นแตกต่างกันตามสีของสวิตช์ที่ทางบริษัทผลิตออกมาจำหน่ายโดยปัจจุบันจะมีอยู่ทั้งหมด 6 สีคือสีดำ, แดง, น้ำตาล, น้ำเงิน, ขาว, เทาและเขียว โดยสวิตช์แต่ละตัวจะมีอายุการกดใช้งานราว 50 ล้านครั้งต่อปุ่มและน้ำหนักรวมทั้งหมดของคีย์บอร์ดจะอยู่ราว 1.5 กิโลกรัมขึ้นไป ซึ่งแต่ละปุ่มจะมีรายละเอียดปลีกย่อยแตกต่างกันพอสมควรและมีราคาจำหน่ายในหลักพันบาทขึ้นไป
ชื่อของสวิตช์จาก Cherry Corp ที่นิยมนำมาติดตั้งในคีย์บอร์ดนั้นจะถูกเรียกว่า Cherry MX ซึ่งรหัสตามว่า MX นั้นเป็นชื่อซีรี่ย์ของสวิตช์ที่ผู้ผลิตนิยมนำไปติดตั้งให้กับคีย์บอร์ดนั่นเอง
คีย์บอร์ดพร้อมสวิตช์หลากสีที่เกือบจะเป็นสีรุ้งแล้ว
ส่วนถ้าใครคิดว่า Mechanical Keyboard นั้นจะมีสวิตช์เพียงสีเดียวทั้งคีย์บอร์ดนั้นต้องเข้าใจว่าสวิตช์แต่ละตัวนั้นได้รับการออกแบบแยกเป็นชิ้นๆ แยกเป็นอิสระจากกันทั้งหมด ทำให้ Mechanical Keyboard บางรุ่นเลือกติดตั้งปุ่มมาให้หลากหลายสีด้วยกันเช่น Ducky Mechanical Keyboard Shine 2 ?78 Version? อันนี้ที่ติดตั้งสวิตช์มาให้ทั้งสีดำ, แดง, น้ำตาล, เทา, น้ำเงินและสีเขียวติดตั้งเอาไว้ในคีย์บอร์ดเดียวกันเพื่อจุดประสงค์การใช้งานที่แตกต่างกัน นอกจากนี้สวิตช์แต่ละตัวนั้นจะมีน้ำหนักสำหรับกดแตกต่างกันอีกด้วย
นอกจากนี้ทาง Cherry Corp ยังแบ่งสวิตช์ออกเป็นสองประเภทใหญ่ๆ ตามสัมผัสและอัตราการตอบสนองของสวิตช์ได้ 2 แบบใหญ่ๆ ซึ่งจะมี Linear Switch กับ Tactile Switch โดยทั้งสองแบบนี้จะมีความแตกต่างและประเภทของสวิตช์ดังนี้
Linear Switch จะเป็นสวิตช์ที่มีแรงต้านคงที่ตลอดการกดใช้งานหรือจะเรียกว่ามีจังหวะการกดเพียงหนึ่งจังหวะก็ได้เช่นกัน โดยจะมี Cherry MX Black Switch (สีดำ) และ Cherry MX Red Switch (สีแดง) ที่ถูกรวมเอาไว้ในกลุ่มนี้
Tactile Switch จะเป็นสวิตช์ที่ได้รับความนิยมพอสมควรในปัจจุบัน ซึ่งสวิตช์แบบนี้จะมีแรงต้านไม่คงที่โดยจะมีจังหวะการทำงานสองจังหวะคือจะมีช่วงต้านการกดและช่วงระยะที่ตัวปุ่มจะไม่ต้านการกด โดยกลุ่มนี้จะมี Cherry MX Brown Switch (สีน้ำตาล), Cherry MX Blue Switch (สีน้ำเงิน), Cherry MX White Switch (สีขาว) และ Cherry MX Green Switch (สีเขียว)
ด้านบนนี้จะเป็นการแบ่งกลุ่มของประเภทสวิตช์ต่างๆ ของ Mechanical Keyboard แบบละเอียดว่ามีสีและรหัสแบบไหนบ้าง โดยแรงกดของปุ่มสวิตช์ Cherry MX นั้นจะวัดค่าเป็น cN หรือเซ็นตินิวตัน (Centinewtons) โดยแรงกด 1 กรัมจะเท่ากับ 0.981 เซ็นตินิวตัน
Cherry MX Black Switch
สวิตช์สีดำของ Cherry MX โดยจะมีน้ำหนักการกดที่ 60 cN ซึ่งใช้แรงในการกดมากที่สุดในหมู่สวิตช์ที่นิยมนำมาติดตั้งใน Mechanical Keyboard ด้วยกัน โดยปุ่มจะเป็นแบบ Linear คือมีจังหวะการกดหนึ่งจังหวะซึ่งได้รับการยกย่องให้เป็นสวิตช์ที่ดีที่สุดสำหรับเล่นเกมโดยจะเหมาะกับผู้เล่นที่ชอบกดปุ่มผิดบ่อยๆ เพราะแรงต้านของปุ่มจะช่วยลดโอกาสกดผิดไปได้แต่จะไม่เหมาะสำหรับใช้พิมพ์งานแบบพิมพ์สัมผัสเพราะปุ่มกดแข็งเกินไป โดย Mechanical Keyboard ที่เลือกสวิตช์สีนี้ไปใช้งานจะมี SteelSeries 7G กับ Ducky บางรุ่น
Cherry MX White Switch
สวิตช์สีขาวของ Cherry MX โดยจะเป็นสวิตช์แบบ Tactile คือมีจังหวะกดสองจังหวะกับน้ำหนักในการกดที่ 60-70 cN ซึ่งสวิตช์นี้ไม่ค่อยได้รับความนิยมเท่าไหร่แต่ Mechanical Keyboard บางรุ่นยังเลือกไปติดตั้งเอาไว้ซึ่งด้วยน้ำหนักที่ใกล้เคียงกับสีดำทำให้หลายๆ คนที่สัมผัสในครั้งแรกๆ จะเข้าใจผิดสลับกับสีดำอยู่บ่อยๆ
Cherry MX Red Switch
สวิตช์ที่มีน้ำหนักกดรองจากสีดำและเป็นสวิตช์แบบ Linear คือมีจังหวะกดเพียงจังหวะเดียวเหมือนกัน ส่วนน้ำหนักกดอยู่ที่ 45 cN โดยจะเป็นสวิตช์อีกสีที่ได้รับความนิยมในปัจจุบัน เป็นสวิตช์อีกสีที่จะนำไปเล่นเกมก็ได้หรือจะพิมพ์งานก็ดีเช่นกันด้วยน้ำหนักกดที่นุ่มกว่าสีดำ ซึ่งพอใช้งานนานๆ จะไม่เกิดอาการเกร็งระหว่างใช้งานและมีเสียงรบกวนน้อย สำหรับสวิตช์สีแดงนี้จะมีคีย์บอร์ดกลไกหลายรุ่นนิยมนำไปติดตั้ง ซึ่งจะมี Neolution E-Sport TITAN ที่เลือกใช้สวิตช์สีนี้
Cherry MX Brown Switch
สวิตช์อีกสีที่ได้รับความนิยมไม่แพ้กันกับสวิตช์สีอื่นๆ โดยจะเป็นสวิตช์แบบ Tactile คือมีจังหวะกดสองจังหวะเหมือนกับ Cherry MX Blue (สีน้ำเงิน) โดยจะมีน้ำหนักในการกดเริ่มต้นที่ 45 cN และเริ่มทำงานเมื่อน้ำหนักกดเพิ่มขึ้นถึง 55 cN ซึ่งแม้สีน้ำตาลจะเป็น Tactile คือกดสองจังหวะก็ตามแต่ได้รับการแก้ไขให้มีเสียงกดระหว่างใช้งานลดลงจากสีน้ำเงินระดับหนึ่ง โดยสวิตช์สีน้ำตาลจะมี Mechanical Keyboard รุ่น Razer Black Widow Stealth ที่เลือกใชื้สวิตช์สีนี้ทั้งที่ปกติจะเป็นสีน้ำเงิน
Cherry MX Blue Switch
สวิตช์สียอดนิยมสำหรับ Mechanical Keyboard หลายๆ รุ่นในปัจจุบัน โดยเป็นสวิตช์แบบ Tactile คือมีสองจังหวะและมีเสียง ?คลิ๊ก? เมื่อกดปุ่มไปถึงระยะที่คีย์ทำงานที่ผู้ใช้หลายๆ คนชื่นชอบนั่นเอง โดยตัวปุ่มจะต้องการแรงกดที่ 50 cN และจะเริ่มทำงานเมื่อแรงกดเพิ่มขึ้นถึง 60 cN ซึ่งสวิตช์สีนี้เหมาะกับการนำไปใช้พิมพ์สัมผัสมากที่สุดและจะนำไปใช้เล่นเกมก็ได้เช่นกัน แต่ถ้าเป็นเกมที่ต้องการการกดปุ่มที่รัวและถี่อาจจะตอบสนองได้ไม่ดีเท่าที่ควรเพราะจุดที่ปุ่มจะเริ่มทำงาน (Operating Point) กับจุดที่ปุ่มจะรีเซ็ตและรอรับคำสั่งใหม่ (Reset Point) จะห่างกันพอตัว และด้วยเสียงที่ดังชัดเจนนั้นอาจจะรบกวนผู้ใช้คนอื่นระหว่างใช้งานอีกด้วย ซึ่งสวิตช์สีน้ำเงินนี้จะมี Mechanical Keyboard หลายๆ รุ่นนิยมนำไปติดตั้งแต่รุ่นเด่นๆ นั้นจะมี Razer Black Widow ทั้งรุ่น Ultimate และ Tournament กับ Rosewill ก็จะมีสวิตช์สีน้ำเงินเช่นกัน
Cherry MX Green Switch
เป็นสวิตช์อีกสีที่ยังมีผลิตจำหน่ายแต่ยังมีคีย์บอร์ดไม่กี่รุ่นเท่านั้นที่นำไปติดตั้งเพราะราคาของสวิตช์ต่อตัวจะสูงกว่าสวิตช์สีน้ำเงินหรือดำ โดยสวิตช์จะเป็นแบบ Tactile และมีเสียง ?คลิ๊ก? เช่นเดียวกับสีน้ำเงิน แต่ว่าปุ่มกดจะค่อนข้างแข็งที่ 80 cN ด้วยกัน โดยปุ่มที่แข็งนี้เหมาะสำหรับเกมเมอร์ที่กดปุ่มค่อนข้างแรงและต้องการปุ่มที่ตอบสนองการเล่นเกมได้มากกว่าสีดำโดยจะมีแบรนด์ Ducky ที่ผลิต Mechanical Keyboard พร้อมสวิตช์สีนี้มาวางจำหน่าย
คลิปนี้จะเป็นการทดสอบให้ดูว่าสวิตช์แต่ละสีจะมีเสียงระหว่างใช้งานดังแค่ไหน ซึ่งจะเริ่มต้นทดสอบเสียงตั้งแต่นาทีที่ 1.38 เป็นต้นไป
จะเห็นได้ว่าสวิตช์แต่ละสีจะมีเสียงและเสียงระหว่างใช้งานที่แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะสวิตช์สีน้ำเงินจะมีเสียงระหว่างใช้งานที่ค่อนข้างดังถึงดังมากผิดกับสวิตช์สีอื่นๆ โดยภายในคลิปนั้นผู้ทดสอบจะกดแป้นพิมพ์คีย์บอร์ดค่อนข้างแรงทำให้หลายๆ คนรู้สึกว่า Mechanical Keyboard นั้นส่งเสียงดังพอตัวซึ่งอันที่จริงแล้วสวิตช์แต่ละสีจะส่งเสียงระหว่างใช้งานที่ดังในระดับหนึ่งแต่สวิตช์สีน้ำเงินจะส่งเสียงดังสุดเมื่อใช้งานจริง
ถือเป็นคีย์บอร์ดที่ได้รับความนิยมมากขึ้นในปัจจุบันเมื่อ Gaming Keyboard เริ่มมีวางจำหน่ายมากขึ้นและมีราคาลดลงจากในอดีต ทำให้เกมเมอร์หลายๆ คนเลือกใช้งานคีย์บอร์ดประเภทนี้มากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งคีย์บอร์ดนั้นก็เป็นอีกส่วนสำคัญที่เพิ่มอรรถรสระหว่างเล่นเกมให้ดีขึ้นกว่าเดิมมากแต่อย่างไรก็ตามสิ่งสำคัญก็ยังคงเป็นฝีมือและน้ำใจในการเล่นเกมเช่นกันซึ่งอุปกรณ์ที่ดีมากแค่ไหนแต่ถ้าไม่หมั่นฝึกซ้อมเล่นเกมนั้นบ่อยๆ ก็ไม่อาจเก่งขึ้นได้เช่นกัน