แฟลชไดรฟ์เป็นตัวเลือกอันดับแรกๆ สำหรับคนที่ต้องการบันทึกข้อมูลเก็บเอาไว้เพราะทั้งพกพาสะดวกและมีน้ำหนักไม่มากนัก โดยในตอนนี้เองก็มีหลากหลายความจุตั้งแต่ 4 GB จนถึง 64 GB แต่ถ้าความจุ 64 GB ยังไม่จุใจล่ะก็ Kingston เองก็มีแฟลชไดรฟ์รุ่น Kingston HyperX Predator แฟลชไดรฟ์ความจุสูงถึง 512 GB และ 1TB สำหรับผู้ที่มีไฟล์สำคัญจำนวนมากและต้องการความเร็วในการถ่ายโอนข้อมูลที่สูงอีกด้วย โดยตอนนี้มีวางจำหน่ายในประเทศไทยแล้วกับราคาราวสองหมื่นบาทและหาซื้อได้จากผู้จัดจำหน่ายอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ชั้นนำ ซึ่งในวันนี้ทางทีมงาน Notebookspec จะมารีวิวแฟลชไดรฟ์?Kingston HyperX Predator ให้ได้ชมกัน
Design
เนื่องด้วยเป็นผลิตภัณฑ์ระดับ Hi-End จากผู้ผลิตชั้นนำอย่าง Kingston แล้ว บรรจุภัณฑ์ของ Kingston HyperX Predator จึงเป็นกล่องเหล็กสกรีนชื่อรุ่นเอาไว้ด้านหน้ากล่อง พร้อมระบุมาตรฐานการเชื่อมต่อ USB 3.0 กับความจุเอาไว้อีกด้วย ภายในจะบุโฟมตัดเข้ารูปเป็นช่องสำหรับใส่อุปกรณ์ต่างๆ ได้แบบพอดีๆ ส่วนภายในกล่องนั้นนอกจากแฟลชไดรฟ์แล้วจะมีสายเคเบิ้ล USB 3.0 พร้อมกับพวงกุญแจอีกหนึ่งชุดเพื่อคล้องเข้ากับแฟลชไดรฟ์
แฟลชไดรฟ์จะมีขนาดใหญ่กว่าแฟลชไดรฟ์ขนาดปกติเนื่องด้วยความจุขนาด 512 GB ทำให้ต้องมีชิ้นส่วนสำหรับบันทึกข้อมูลมากกว่าแฟลชไดรฟ์ทั่วไปพอควร (คาดว่าเป็นชิป 128GB มาเรียงกัน 4 ชิป) วัสดุภายนอกจะเป็นอะลูมิเนียมสีเงินพร้อมกับพลาสติก เมื่อมองด้านข้างจะเห็นว่ามีเส้นร่องอยู่ เวลาต้องการใช้บันทึกข้อมูลก็จัดการสไลด์ให้หัวเชื่อมต่อยื่นออกมา ส่วนท้ายของแฟลชไดรฟ์จะมีห่วงสำหรับห้อยกับพวงกุญแจที่มาในชุดจำหน่ายพร้อมสลักชื่อ ?Kingston? เอาไว้
พวงกุญแจที่มีมาให้ในชุดจำหน่ายนั้นจะทำมาจากอะลูมิเนียมเช่นเดียวกับแฟลชไดรฟ์ โดยจะมีส่วนที่เป็นหูร้อยกับตัวแฟลชไดรฟ์เป็นห่วงสำหรับห้อยพวงกุญแจและอีกด้านจะเป็นหูตะขอสปริงสำหรับห้อยกับหูร้อยเข็มขัดของกางเกงหรือกระเป๋าได้ด้วยโดยสปริงจะค่อนข้างแข็งเล็กน้อยไม่ให้หลุดง่าย เวลาเกี่ยวกับสิ่งของนั้นเราสามารถดึงส่วนของหูตะขอออกมาแล้วหมุนเล็กน้อยให้คานเอาไว้กับชิ้นส่วนโลหะวงรีก่อนนำไปคล้องกับข้าวของอื่นๆ ได้
พอร์ต USB 3.0 สีน้ำเงินสำหรับรับส่งข้อมูลของแฟลชไดรฟ์ชิ้นนี้ปกติปลายจะอยู่ระดับเดียวกับส่วนอะลูมิเนียม เวลาใช้งานนั้นต้องสไลด์ออกมาเพื่อถ่ายโอนข้อมูลและเลื่อนเก็บเข้าไปได้
เวลาถ่ายโอนข้อมูลแล้ว ไฟแสดงสถานะการทำงานสีน้ำเงินที่ติดตั้งเอาไว้ข้างๆ พอมีการถ่ายโอนข้อมูลแล้ว ไฟสีน้ำเงินจะกระพริบเพื่อบอกให้ทราบว่าขณะนี้กำลังถ่ายโอนข้อมูลระหว่างแฟลชไดรฟ์กับตัวเครื่องอยู่
สำหรับการเชื่อมต่อกับโน๊ตบุ๊คนั้น ถ้าเป็นโน๊ตบุ๊คขนาดปกติก็สามารถเชื่อมต่อได้โดยไม่มีปัญหาเพราะความหนาของ Kingston HyperX Predator นั้นจะหนาเท่ากับขนาดของตัวเครื่องพอดี แต่ถ้าเป็นโน๊ตบุ๊คที่ออกแบบให้ตัวเครื่องบางเช่น Ultrabook หรืออาจจะเป็น MacBook Pro with Retina Display ที่เป็นตัวอย่างในภาพจะเห็นได้ว่าเวลาเชื่อมต่อแฟลชไดรฟ์เข้ากับโน๊ตบุ๊คโดยตรงแล้วแฟลชไดรฟ์จะหนากว่าพอสมควร ซึ่งถ้าไม่ได้ตั้งโน๊ตบุ๊คเอาไว้บนแท่นรองโน๊ตบุ๊คก็จะทำให้พอร์ตเชื่อมต่อแฟลชไดรฟ์นูนจนเกิดความเสียหายได้ ดังนั้นเวลาเชื่อมต่อแฟลชไดรฟ์เข้ากับโน๊ตบุ๊คบางเบาล่ะก็ ถ้าไม่ใช้สายต่อ USB 3.0 ที่มีมาในชุดจำหน่ายเป็นตัวกลางเชื่อมต่อ ก็ควรจะหาสิ่งของมารองด้านใต้โน๊ตบุ๊คให้มีพื้นที่ว่างระหว่างแฟลชไดรฟ์กับพื้นโต๊ะสักนิดเพื่อลดโอกาสที่จะเกิดความเสียหายลงไปได้
ส่วนน้ำหนักของแฟลชไดรฟ์อันนี้จะอยู่ที่ 63 กรัมด้วยกัน ซึ่งโดยทั่วไปแล้วแฟลชไดรฟ์ขนาดปกติที่วางจำหน่ายอยู่ในท้องตลาดตอนนี้จะมีน้ำหนักอยู่ราว 5-15 กรัมโดยประมาณให้พกพาได้สะดวก จึงถือได้ว่า Kingston HyperX Predator นั้นเป็นแฟลชไดรฟ์ที่มีน้ำหนักมากอันหนึ่งทีเดียว คาดว่าเป็นเพราะวัสดุอะลูมิเนียมที่นำมาประกอบตัวแฟลชไดรฟ์นั่นเอง
Performance
มาตรฐานการเชื่อมต่อของ Kingston HyperX Predator นั้นจะเป็น USB 3.0 ซึ่งจะเห็นได้ว่าขั้วเชื่อมต่อจะเป็นสีน้ำเงินซึ่งจะสามารถถ่ายโอนข้อมูลได้เร็วที่สุดเมื่อเชื่อมต่อเข้ากับพอร์ต USB 3.0 เหมือนกัน แต่ก็รองรับการเชื่อมต่อเข้ากับพอร์ต USB 2.0 ได้เช่นกันแต่ความเร็วการถ่ายโอนจะทำได้เต็มที่ตามที่มาตรฐานความเร็วของ USB 2.0 รองรับเท่านั้น
ส่วนของพื้นที่เก็บข้อมูลนั้นจะมีให้ใช้จริงอยู่ 478 GB เพราะการคำนวนพื้นที่ของคอมพิวเตอร์ด้วยเลขฐานสองนั่นเอง แต่ปกติแล้วพื้นที่เก็บข้อมูลขนาด 478 GB นั้นก็ถือได้ว่าพื้นที่สำหรับบันทึกข้อมูลก็มีให้ใช้อยู่มากทีเดียว
จากการทดสอบกับโปรแกรม Disk Speed Test ในระบบปฏิบัติการ OS X แล้ว ความเร็วการเขียน (Write) อยู่ที่ 173 MB/s ส่วนความเร็วการอ่าน (Read) อยู่ที่ 269 MB/s ด้วยกัน จะสังเกตได้ว่าความเร็วการอ่าน (Read) ที่มีผลตอนถ่ายโอนข้อมูลจากแฟลชไดรฟ์ไปยังโน๊ตบุ๊คนั้นสูงมากส่วนของการถ่ายโอนข้อมูลเข้าสู่แฟลชไดรฟ์ในส่วนของการเขียน (Write) ก็ทำได้สูงไม่แพ้กัน ดังนั้นตอนถ่ายโอนข้อมูลจริงแล้วจะเห็นได้ว่าประสิทธิภาพนั้นสูงน่าพอใจ
หลังจากทดสอบในฝั่งของ OS X แล้ว ส่วนของ Windows เองก็ทำงานได้ดีไม่แพ้กัน ซึ่งจากการทดสอบด้วยโปรแกรม HD Tune แล้วจะเห็นว่าความเร็วขั้นต่ำสุดจะอยู่ที่ 210 MB/s และสูงสุดที่ 237 MB/s ทำให้ค่าเฉลี่ยได้ออกมาเสถียรมากที่ 227 MB/s และมีค่า Access Time ที่น้อยมาก เพียง 0.45 ms เท่านั้น เวลาเข้าถึงข้อมูลในแฟลชไดรฟ์เองก็สามารถทำงานได้อย่างรวเร็ว และสังเกตว่าค่า Burst rate ที่เป็นค่าความเร็วสูงสุดเมื่อถ่ายโอนข้อมูลต่อเนื่องนั้นจะอยู่ที่ 128 MB/s นับว่าสูงทีเดียวสำหรับแฟลชไดรฟ์ด้วยกัน ทำให้เวลาถ่ายโอนไฟล์ขนาดใหญ่จะใช้เวลาน้อยลงกว่าเดิมมาก
จากกราฟทดสอบของ HD Tune ทำให้เราเห็นได้ว่า Kingston HyperX Predator นั้นเป็นแฟลชไดรฟ์ USB 3.0 ที่ทำงานได้อัตราการถ่ายโอนข้อมูลที่เสถียรมากรุ่นหนึ่ง สังเกตได้จากความเร็วสูงสุดและต่ำสุดไม่หนีกันมากนักและจากการทดสอบถ่ายโอนไฟล์ในสถานการณ์จริงแล้ว ทางทีมงานพบว่าความเร็วในการถ่ายโอนนั้นใกล้เคียงกับค่า Burst rate ที่โปรแกรมแจ้งเอาไว้และถ่ายโอนที่ความเร็วระดับนั้นจนจบ จึงถือได้ว่าเป็นแฟลชไดรฟ์ที่ถ่ายโอนข้อมูลได้เสถียรมากรุ่นหนึ่ง
ทดสอบด้วยโปรแกรม AS SSD แล้วจะเห็นได้ว่าความเร็วในการอ่าน (Read) จะอยู่ที่ 274 MB/s ส่วนเขียน (Write) จะอยู่ที่ 194 MB/s ด้วยกัน ซึ่งถือว่าความเร็วของแฟลชไดรฟ์นี้ทำงานได้เร็วมากกว่าที่สเปกหน้ากล่องสินค้าสกรีนเอาไว้ ทำให้ถ้านำแฟลชไดรฟ์นี้ไปเชื่อมต่อใช้งานจริงเพื่อถ่ายโอนข้อมูลก็สามารถทำได้อย่างรวดเร็วทีเดียว
ด้านของโปรแกรมทดสอบอย่าง CrystalDiskMark เพื่อทดสอบความเร็วการถ่ายโอนข้อมูลจะเห็นว่าไม่ต่างกับที่ AS SSD แสดงนัก โดยมีค่าความเร็วในการอ่าน (Read) อยู่ที่ 268 MB/s ส่วนความเร็วในการเขียน (Write) จะอยู่ที่ 73 MB/s น่าแปลกที่ความเร็วในการเขียนกลับได้น้อยกว่าที่ AS SSD แสดงให้เห็น ซึ่งคาดว่าน่าจะเกิดจากบั๊กของโปรแกรมก็เป็นไปได้ เพราะตอนที่ทดสอบใช้งานจริงแล้วการถ่ายโอนไฟล์ก็สามารถทำได้รวดเร็วตามที่ AS SSD แจ้งเอาไว้
จากการทดสอบใช้งานจริงแล้วทางทีมงานพบว่า Kingston HyperX Predator นั้นเป็นแฟลชไดรฟ์ที่ติดตั้งมาตรฐานการเชื่อมต่อแบบ USB 3.0 มาให้ ทำให้ความเร็วในการถ่ายโอนข้อมูลทำได้ดีและรวดเร็วมาก นอกจากนี้ระหว่างการถ่ายโอนไฟล์นั้นยังมีอัตราการถ่ายโอนที่เสถียรในระดับ 100 MB/s ขึ้นไปตามที่โปรแกรม HD Tune แจ้งให้ทราบอีกด้วย ซึ่งถ้าสังเกตจากกราฟการถ่ายโอนข้อมูลแล้วจะเห็นได้ว่าในช่วงแรกที่เริ่มต้นถ่ายโอนข้อมูลนั้นจะมีอัตราการถ่ายโอนไฟล์ที่เร็วแล้วค่อยลดลงเข้าสู่อัตราความเร็วปกติที่เสถียรตลอดการทำงานจนจบการทำงาน
ข้อสังเกตหนึ่งที่ทางทีมงานพบคือระหว่างตอนทดสอบด้วย AS SSD และ CrystalDiskMark นั้น ส่วนที่เป็นอะลูมิเนียมของแฟลชไดรฟ์จะเกิดความร้อนค่อนข้างสูง คาดว่าเป็นเพราะพื้นที่ว่างภายในตัวแฟลชไดรฟ์มีจำกัดทำให้ตอนที่ถ่ายโอนไฟล์แล้วเกิดความร้อนขึ้นกับชิ้นส่วนภายในแล้วต้องระบายความร้อนผ่านทางชิ้นส่วนอะลูมิเนียมแทน ซึ่งถ้าตอนที่ถ่ายโอนไฟล์ขนาดใหญ่เป็นระยะเวลานานๆ แต่อย่างไรก็ตามก็ไม่ใช้เรื่องน่ากังวลอะไรมากนัก
Conclusion
นอกจากดีไซน์ที่โดดเด่นแตกต่างและประสิทธิภาพการทำงานที่โดดเด่นแล้ว Kingston HyperX Predator นั้นจัดเป็นแฟลชไดรฟ์ระดับ Hi-End รุ่นหนึ่งที่ มาพร้อมประสิทธิภาพกับความจุที่สูง แน่นอนว่าราคาก็เลยสูงเช่นกันโดยอยู่ที่ราวๆ สองหมื่นบาท ที่ก็ไม่แปลกใจหากหลายๆ คนจะมองว่าราคาในระดับนี้สูงเกินไป เพราะถ้าได้ความจุเพียงแค่นี้เปลี่ยนไปเลือกซื้อ External Harddisk ไม่ดีกว่าหรือ? เพราะจะว่าไปแฟลชไดรฟ์รุ่นนี้มูลค่าก็พอๆ กับโน๊ตบุ๊คสเปกดีสักเครื่องหนึ่งเลยทีเดียว
ซึ่งถ้ามองในแง่ราคาต่อความจุแล้วก็นับว่าความคิดนั้นไม่ผิดนัก แต่ถ้ามองในเรื่องของความเร็วที่ได้แล้วจะเห็นว่า Kingston HyperX Predator นี้คุ้มค่ากว่ามากด้วยความเร็วการถ่ายโอนที่เสถียรในระดับ 200-240 MB/s และมีค่า Burst rate ที่สูงถึง 128 MB/s ซึ่งความเร็วในระดับนี้นั้นเกิดจากชิปประสิทธิภาพสูงภายในแฟลชไดรฟ์กับมาตรฐานการถ่ายโอนข้อมูลที่เป็น USB 3.0 ทำให้ขีดความเร็วเพิ่มขึ้นมาสูงมากในระดับนี้ หากเทียบกับ External Harddisk ที่มีเงื่อนไขเหมือนกัน คือเป็น USB 3.0 แต่ภายใน External Harddisk จะเป็นเพียงฮาร์ดดิสก์ปกติ ทำให้ค่าความเร็วอยู่ในระดับ 29-35 MB/s และได้ค่า Burst rate เฉลี่ยอยู่ราว 33 MB/s ซึ่งถ้านำอุปกรณ์ทั้งสองชิ้นนี้มาทดสอบถ่ายโอนไฟล์เทียบกันแล้วก็จะเห็นได้ชัดว่าใครทำงานได้เร็วกว่า หรือกรณีฮาร์ดดิสก์ภายในเลือกใช้เป็น SSD ความจุ 512GB ในส่วนของราคาก็แทบไม่ต่างจากแฟลชไดร์ฟ?Kingston HyperX Predator รุ่นนี้อยู่ดี
ซึ่งถ้าใครให้ความสำคัญเรื่องความจุก็คงตอบได้โดยง่ายว่า External Harddisk แบบฮาร์ดดิสก์ปกตินั้นเป็นคำตอบเพราะได้ราคาที่ไม่สูงนักและได้ความจุที่มากกว่า (ปัจจุบันราคาความจุ 1TB อยู่ที่ประมาณสามพันบาทต้นๆ เท่านั้น) แต่ถ้าโจทย์คือความเร็วในการถ่ายโอนข้อมูลและความสะดวกในการพกพาล่ะก็ Kingston HyperX Predator นั้นเป็นคำตอบที่ควรนำมาพิจารณาร่วมด้วย แม้จะมีราคาสูงแต่ถ้าเทียบกับประสิทธิภาพที่ได้ก็ตอบได้เต็มปากว่าแฟลชไดรฟ์อันนี้น่าสนใจกว่าหลายเท่าทีเดียว แม้เวลาสั่งซื้อจะต้องสั่งจองแล้วรอสินค้าสักหน่อยก็ตาม เพราะถือว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่น้อยคนนักจะใช้งาน ซึ่งคาดว่าในส่วนของคนที่ใช้งานคงต้องเป็นคนที่ต้องการพกพาข้อมูลขนาดใหญ่ไปด้วยตลอดเวลาแน่นอน
ข้อดี
- ดีไซน์โดดเด่นมีเอกลักษณ์ วัสดุแข็งแรงทนทาน
- แพ็คเกจจำหน่ายเป็นกล่องสวยงามและหรูหรา
- มีอุปกรณ์เสริมเป็นสายต่อ USB 3.0 มาให้ในชุด
- มีอัตราถ่ายโอนข้อมูลที่เร็วและเสถียรมาก
- เป็นสื่อเก็บข้อมูลขนาดใหญ่แต่พกพาได้สะดวก
ข้อสังเกต
- แฟลชไดรฟ์มีขนาดใหญ่ ทำให้เวลาเชื่อมต่อบางครั้งไม่สะดวกนัก
- เวลาถ่ายโอนไฟล์ที่มีขนาดใหญ่ต่อเนื่องจะเกิดความร้อนขึ้นพอควร
- ความจุต่อราคาไม่คุ้มค่านัก