MSI หรือ Micro-Star International เป็นบริษัทไต้หวันที่สร้างชื่อเสียงเกี่ยวกับวงการคอมพิวเตอร์มามาก ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์สำหรับคอมพิวเตอร์พีซีอย่างเมนบอร์ด, กราฟิกการ์ด ส่วนโน๊ตบุ๊คสร้างชื่อจะเป็นเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คที่โด่งดังในกลุ่ม GE และ GT Series และหน้าจอเองก็เป็นส่วนสำคัญที่ทาง MSI ใส่ใจเป็นพิเศษว่าต้องเป็นพาเนลอย่างดีเพื่อให้อรรถรสเวลาเล่นเกมได้อย่างเต็มที่และรองรับการทำงานที่หลากหลายอีกด้วย
สำหรับแท็บเล็ตจากทาง MSI รุ่นใหม่ในชื่อ MSI Enjoy 71 นั้นเลือกใช้พาเนลหน้าจอ IPS รวมทั้งติดตั้งพอร์ต Mini HDMI ติดตั้งมาให้ด้วย และออกแบบให้พกพาได้ง่ายด้วยหน้าจอขนาด 7 นิ้ว มีราคา 4,990 บาท เท่านั้น เป็นแท็บเล็ตรุ่นหนึ่งที่ให้สเปกมาคุ้มค่ากับราคาที่ตั้งมาจำหน่ายในประเทศไทยตอนนี้ โดยถ้าใครกำลังมองหาแท็บเล็ตที่ราคาไม่สูงนักก็น่าพิจารณาแท็บเล็ตรุ่นนี้ด้วย
Specification
MSI Enjoy 71 เป็นแท็บเล็ตขนาด 7 นิ้ว หน้าจอเป็น LED พาเนล IPS ความละเอียด 1024 x 600 พิกเซล อัตราส่วนหน้าจอที่ 16:9 เพียงพอต่อการใช้งานในชีวิตประจำวัน รวมทั้งรองรับการทัชสกรีนพร้อมกันได้ 5 จุด และติดตั้งซีพียู Amlogic AML8726-MX เป็นซีพียูแบบ Dual-Core หน่วยประมวลผลกราฟิกเป็น Mali400MP2 มีแรมขนาด 1 GB ติดตั้งมาให้ ภายในเครื่องมีพื้นที่ความจุ 8 GB กับแบตเตอรี่แบบ Li-ion ขนาด 3200 mAh
พอร์ตเชื่อมต่อนั้นรองรับ Micro USB, Mini HDMI และยังรองรับ Wi-Fi มาตรฐาน 802.11 b/g/n รวมถึง Audio Jack ขนาด 3.5 นิ้ว แต่ไม่ติดตั้ง Bluetooth มาให้ ส่วนของ Micro SD Card เพิ่มหน่วยความจำภายนอกได้สูงสุด 32 GB และติดตั้งกล้องมาให้สองตัว โดยกล้องหน้ามีความละเอียด 3 แสนพิกเซล ส่วนกล้องหลังอยู่ที่ 2.0 ล้านพิกเซล ราคา 4,990 บาท
Hardware / Design
MSI Enjoy 71 เครื่องนี้เลือกใช้วัสดุหลักเป็นอะลูมิเนียมผสมกับพลาสติก โดยด้านหน้าจะเป็นพลาสติกสีดำพร้อมกับติดตั้งกล้องความละเอียด 3 แสนพิกเซลเอาไว้ที่ขอบบนของตัวเครื่องและมีขอบเป็นพลาสติกซอฟท์ทัช ส่วนของฝาหลังจะใช้วัสดุเป็นอะลูมิเนียมพร้อมโลโก้ MSI เอาไว้ ส่วนของขอบบนและล่างเป็นพลาสติกซอฟท์ทัช และส่วนบนจะติดตั้งกล้องหลังที่มีความละเอียด 2 ล้านพิกเซลไว้
ขอบเครื่องจะดีไซน์ให้โค้งเล็กน้อยให้รับกับมือของผู้ใช้และฝาหลังใช้เป็นอะลูมิเนียมให้ความสวยงาม ในส่วนแนวตั้งจะสัมผัสส่วนของวัสดุซอฟท์ทัชได้น้อยกว่าส่วนแนวนอนที่มีส่วนสัมผัสพลาสติกซอฟท์ทัชมากกว่าอะลูมิเนียมทำให้ลื่นหลุดมือได้ยากกว่า
Screen / Speaker
หน้าจอขนาด 7 นิ้วของแท็บเล็ตรุ่นนี้จะมีความละเอียด 1024 x 600 พิกเซล อัตราส่วนหน้าจอที่ 16:9 เป็นจอแบบ LED พร้อมพาเนล IPS (In-Plane Switching) เด่นเรื่องสีสันที่สวยงามสมจริงและมีองศาการมองกว้างกว่าพาเนลจอแบบ TN และสามารถแสดงผลการใช้งานกลางแจ้งได้ดีระดับหนึ่ง รวมทั้งความละเอียดระดับ 1024 x 600 พิกเซล ทำให้แสดงภาพได้คมชัดและมีพื้นที่การมองกว่าแท็บเล็ตขนาด 7 นิ้ว บางรุ่นที่เลือกใช้ความละเอียดหน้าจอเพียง 800 x 600 พิกเซล
ลำโพงจะติดตั้งเอาไว้ที่ขอบล่างของตัวเครื่อง มองเห็นได้ชัดเจนและให้เสียงที่ดังและดีสมราคาแต่เสียงจะไม่ Surround นัก โดยการออกแบบให้ลำโพงติดตั้งอยู่ที่ขอบล่างนั้นจะให้เสียงที่ดีสุดในแนวตั้ง แต่ในแนวนอนแล้วต้องปรับมือวิธีการจับเครื่องสักหน่อยเพื่อไม่ให้มือไปปิดหรือป้องเอาที่ลำโพงของตัวเครื่อง
Connector / Thin And Weight
พอร์ตต่างๆ จะถูกรวมเอาไว้ที่ขอบบนของเครื่อง จากซ้ายมือจะเป็นปุ่มเปิดปิดเครื่องพร้อมไฟแจ้งเตือนสถานะต่างๆ เวลาใช้งาน ถัดมาเป็นพอร์ต Micro USB, Mini HDMI, Audio Jack ขนาด 3.5 มิลลิเมตรอีกหนึ่งช่อง ส่วนขอบขวามือจะติดตั้งปุ่มเพิ่มลดเสียงกับช่องสำหรับกดรีเซ็ตเอาไว้ ส่วนของขอบบนฝาหลังจะมีช่องให้เปิดออกได้โดยง่าย ภายใต้กรอบจะมีช่องสำหรับ microSD Card ติดตั้งเอาไว้ด้านซ้ายของกล้องหลังที่ไม่มีชิ้นส่วนสำหรับป้องกันเลนส์จากมือที่อาจสัมผัสโดนหรือฝุ่นละอองต่างๆ ดังนั้นเวลาเปิดฝาหลังออกมาแล้วควรหาผ้ามาเช็ดทำความสะอาดเลนส์ด้วย
ขนาดตัวเครื่องขนาด 191 x 199 x 8.9 มิลลิเมตร หนัก 299 กรัมตามในข้อมูลสเปก แต่พอชั่งน้ำหนักจริงแล้วอยู่ราว 306 กรัม เวลาใช้งานจริงแล้วถือว่าความหนา 8.9 มิลลิเมตรกับน้ำหนักระดับนี้ไม่หนักเกินไปสำหรับการถือใช้งานมือเดียว รวมทั้งบอดี้ออกแบบให้ขอบข้างโค้งกระชับมือเพื่อความสะดวกในการจับถือ ทำให้นำไปใช้อ่าน e-book หรือท่องเว็บฯ เป็นเวลานานได้สะดวก
Performance / Software
ตัวเครื่องติดตั้งซีพียูแบบ Dual-Core มาให้พร้อมกับระบบปฏิบัติการที่ติดตั้งมาให้เป็น Android เวอร์ชั่น 4.0.4 “Ice Cream Sandwich” ที่ตอบสนองการทำงานได้รวดเร็วทีเดียว และคาดว่าจะได้รับการอัพเกรดเป็น Jelly Bean ในภายหลัง ซึ่งเวลาใช้งานจริงแล้วก็ตอบสนองได้รวดเร็วพอควร ความจุภายในเครื่องอยู่ที่ 8 GB นับว่ามีมากพอสำหรับติดตั้งแอพฯ และเกมที่ใช้เล่นประจำได้มากระดับหนึ่งแล้ว แต่ถ้ามีไฟล์หนังหรือไฟล์เพลงมากก็สามารถติดตั้ง microSD Card เพิ่มได้มากถึง 32 GB ด้านของแรมภายในเครื่องมีขนาด 1 GB ด้วยกัน โดยตัวระบบจะนำไปใช้ราว 300-400 MB ด้วยกัน และเหลือไว้ให้ใช้งานราว 550 MB ด้วยกัน ซึ่งแรมที่เหลือระดับนี้ถือว่ามากพอรองรับโปรแกรมที่จะเปิดใช้งานเพิ่มและลดโอกาสเกิดอาการแรมไม่พอใช้งานด้วย
สำหรับ MSI Enjoy 71 จะรองรับการทัชสกรีนได้ 5 จุดพร้อมๆ กัน โดยปุ่มทัชเมื่อไขว้นิ้วเข้าหากันแล้วมีโอกาสทำงานผิดพลาดได้บ้างแต่เวลาใช้งานจริงแล้วโอกาสเกิดก็ยิ่งน้อยลงเพราะปกติแล้วไม่ค่อยมีโอกาสให้ปลายนิ้วสองนิ้วมาชิดกันมากนัก
คะแนนจาก Antutu Benchmark ทำได้ 3,795 คะแนน ซึ่งคะแนนที่ได้ระดับนี้เป็นเพราะซีพียูแบบ Dual-Core ที่ติดตั้งมาให้ในเครื่อง เป็นรองเพียงแค่ Asus Transformer Prime และ HTC One X ที่มีราคาสูงกว่าหลายเท่าตัว นับได้ว่าประสิทธิภาพของแท็บเล็ตเครื่องนี้คุ้มค่ามาก พอทดสอบกับ Antutu Benchmark V3.2.2 แล้วได้ 9,665 คะแนน
ส่วนของ GLBenchmark 2.5.1 ทดสอบด้วย Egypt Classic ได้ 44 FPS ถ้าเปิด Offcreen จะอยู่ที่ 26 FPS ถ้าเป็น Egypt HD ได้ 7.9 FPS ถ้าเปิด Offscreen จะอยู่ที่ 7.1 FPS แสดงให้เห็นว่าแท็บเล็ตเครื่องนี้สามารถเล่นเกมสามมิติได้ดีเช่นกัน
ทดลองเล่นเกมสามมิติแล้วก็สามารถแสดงผลได้อย่างดีไม่มีปัญหา แต่ถ้าฉากที่กินทรัพยากรเครื่องมากก็จะมีอาการหน่วงเล็กน้อยแต่ก็ไม่เสียอรรถรสระหว่างเล่นเกมนัก โดยทดสอบกับ Samurai vs. Zombies และ Subway Surfers แล้วสามารถเล่นได้ดีไม่มีปัญหาทำงานได้ราบลื่น แต่ในบางฉากที่มีตัวละครออกมาเยอะใน Samurai vs. Zombies หรือฉากที่มีรถไฟเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิมใน SubwaySurfers แล้วจะทำงานช้าลงเล็กน้อยแต่ไม่ถึงกับกระตุกหรือระบบเกิดการหน่วงจนทำงานไม่ได้
Conclusion / Award
สำหรับราคา 4,990 บาทเทียบกับสเปกที่ได้นั้นถือว่าไม่แพงนัก โดยเฉพาะหน้าจอที่เป็นส่วนสำคัญของแท็บเล็ตเองก็เลือกใช้พาเนล IPS เพื่อให้แสดงผลได้อย่างดีซึ่งถือว่าเป็นข้อดีของแท็บเล็ต MSI Enjoy 71 เครื่องนี้และยังติดตั้งพอร์ต Mini HDMI มาให้เพื่อใช้แสดงผลขึ้นหน้าจอเสริมได้เพื่อรับชมคลิปที่ต้องการได้อย่างเต็มอิ่ม รวมทั้งทำงานได้อย่างรวดเร็วด้วยซีพียู Dual-Core กับแรม 1 GB อีกด้วย
ข้อควรใส่ใจคือ MSI ติดตั้ง Wi-Fi มาให้เพียงอย่างเดียว ดังนั้นเวลานำไปใช้งานนอกสถานที่แล้วต้องการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตผ่านทางแท็บเล็ต MSI รุ่นนี้นั้น คือต้องเตรียมสมาร์ทโฟนเพื่อทำ Tethering Wi-Fi hotspot หรือใช้เป็น Wi-Fi hotspot แบบพกพาที่ผู้ให้บริการเครือข่ายมือถือนำมาจำหน่ายมาใช้งานก็ได้เช่นกัน ส่วนอีกวิธีหนึ่งคือไปใช้งานในสถานที่ๆ ให้บริการสัญญาณ Wi-Fi เช่นร้านกาแฟหรือร้านอาหารเป็นต้น
?
ดังนั้นใครที่กำลังมองหาแท็บเล็ตขนาด 7 นิ้วไว้ใช้อ่าน e-book ต่อเนื่องเป็นเวลานานๆ หรือมักใช้แท็บเล็ตท่องเว็บหรือดูคลิปบ่อยๆ แล้ว แท็บเล็ตเครื่องนี้เป็นอีกเครื่องที่ไม่ควรมองข้ามเช่นกัน ซึ่งนับแล้วคุ้มค่ากว่าแท็บเล็ตที่มีขนาดและราคาใกล้เคียงกัน เทียบกับ ASUS MeMO Pad แล้วแท็บเล็ต MSI เครื่องนี้เหนือกว่าที่พาเนลหน้าจอเป็น IPS ให้องศาการมองกว้างกว่าและติดตั้งกล้องหลังมาให้ด้วยในขณะที่ ASUS ไม่ติดตั้งมาให้ และน้ำหนักของ MSI Enjoy 71 เองก็เบากว่าอีกด้วย
ถึง Acer ICONIA B1 จะราคาถูกกว่า MSI Enjoy 71 กว่า 1 พันบาทก็ตามที แต่พาเนลหน้าจอยังเป็นแบบ TN ธรรมดาซึ่งให้องศาการมองและสีสันได้ไม่เท่ากับ MSI รุ่นนี้ รวมทั้งมีกล้องหน้าเพียงแค่ตัวเดียวและแรมเพียงแค่ 512 MB ซึ่งรองรับการเปิดแอพฯ พร้อมๆ กันหลายๆ แอพฯ ได้ไม่ดีเท่ากับ MSI Enjoy 71 ที่ติดตั้งแรมขนาด 1 GB มาให้ รวมทั้ง Acer ICONIA B1 ยังไม่มีพอร์ต Mini HDMI ติดตั้งมาให้อีกด้วย จึงนับได้ว่าราคา 1 พันบาทที่เพิ่มเข้ามานั้นคุ้มค่ากว่าอย่างแน่นอน
หากเทียบกับ iPad mini นั้น ตัวเครื่องของ iPad จะใหญ่กว่าเล็กน้อยและในส่วนของน้ำหนักนั้นจะไล่เลี่ยกัน แต่ iPad mini กลับบางและมีระยะเวลาการใช้งานแบตเตอรี่ยาวนานกว่า คาดว่าเป็นเพราะปัจจัยอื่นๆ เช่นการปรับปรุงระบบภายในเครื่องเป็นต้น ซึ่ง iPad mini กับ MSI Enjoy 71 นั้นทำตลาดคนละกลุ่มลูกค้ากัน จึงนับว่า MSI Enjoy 71 เองเป็นแท็บเล็ตคุ้มค่าในกลุ่มแท็บเล็ตราคาย่อมเยาว์
ข้อดี
- งานประกอบทำได้เรียบร้อยสวยงาม ใช้วัสดุเป็นอะลูมิเนียมสวยงาม
- ราคาเทียบกับสเปกแล้วคุ้มค่าในกลุ่มแท็บเล็ตราคาย่อมเยาว์
- ติดตั้งพอร์ต Mini HDMI มาให้พร้อมกับมีโปรแกรมปรับตั้งความละเอียดได้ด้วย
- หน้าจอพาเนล IPS ให้สีสันสวยงามสมจริง
- ติดตั้งกล้องมาให้ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง
ข้อสังเกต
- ไม่ติดตั้ง Bluetooth มาให้
- ระยะเวลาทำงานของแบตเตอรี่ยังไม่ยาวนัก ควรเตรียมแบตเตอรี่เสริมไว้ชาร์จไฟด้วย
Battery / Heat
ระบบการจัดการพลังงานของ MSI Enjoy 71 ทำออกมาได้ดีทีเดียว โดยตั้งค่าความสว่างหน้าจอสูงสุดและใช้งานต่อเนื่องทั้งเล่นเกมและเล่นเน็ตจะทำได้ราว 3 ชั่วโมงพอทดสอบเปิดความสว่างหน้าจอเพียงครึ่งเดียวและทดลองเล่นเกมแล้วจะเพิ่มเป็น 4 ชั่วโมงครึ่ง อาจเป็นเพราะตัวเครื่องที่บางและมีชิ้นส่วนภายในหลายชิ้น ทำให้ไม่สามารถบรรจุแบตเตอรี่เข้ามามากๆ ได้ สามารถแก้ไขได้โดยหาแบตเตอรี่เสริมมาเตรียมไว้จะดีที่สุด
ส่วนการทดสอบใช้งานโดยตั้งความสว่างหน้าจอสูงสุดและถอดสายชาร์จแบตเตอรี่ในเวลา 7 โมงเช้าแล้วใช้ทั้งเล่นเกมและท่องเว็บรวมทั้งล็อคหน้าจอเมื่อไม่ได้ใช้งานแล้วยังเหลือแบตเตอรี่อยู่ 30% เมื่อกลับถึงบ้านตอนสี่ทุ่ม แต่น่าสังเกตที่ตัวเครื่องจะเกิดความร้อนง่าย คาดว่าเพราะเป็นบอดี้อะลูมิเนียมนำความร้อนได้ดีทำให้เวลาใช้งานแล้วจะรู้สึกอุ่นๆ ที่ส่วนเหนือโลโก้ MSI และพอเปิดเข้าสู่หน้าเว็บไซต์หลายๆ แท็บแล้วความร้อนจะเพิ่มขึ้นบ้างแต่ยังอยู่ในเกณฑ์รับได้
Specification
MSI Enjoy 71 เป็นแท็บเล็ตขนาด 7 นิ้ว หน้าจอเป็น LED พาเนล IPS ความละเอียด 1024 x 600 พิกเซล อัตราส่วนหน้าจอที่ 16:9 เพียงพอต่อการใช้งานในชีวิตประจำวัน รวมทั้งรองรับการทัชสกรีนพร้อมกันได้ 5 จุด และติดตั้งซีพียู Amlogic AML8726-MX เป็นซีพียูแบบ Dual-Core หน่วยประมวลผลกราฟิกเป็น Mali400MP2 มีแรมขนาด 1 GB ติดตั้งมาให้ ภายในเครื่องมีพื้นที่ความจุ 8 GB กับแบตเตอรี่แบบ Li-ion ขนาด 3200 mAh
พอร์ตเชื่อมต่อนั้นรองรับ Micro USB, Mini HDMI และยังรองรับ Wi-Fi มาตรฐาน 802.11 b/g/n รวมถึง Audio Jack ขนาด 3.5 นิ้ว แต่ไม่ติดตั้ง Bluetooth มาให้ ส่วนของ Micro SD Card เพิ่มหน่วยความจำภายนอกได้สูงสุด 32 GB และติดตั้งกล้องมาให้สองตัว โดยกล้องหน้ามีความละเอียด 3 แสนพิกเซล ส่วนกล้องหลังอยู่ที่ 2.0 ล้านพิกเซล ราคา 4,990 บาท
Hardware / Design
MSI Enjoy 71 เครื่องนี้เลือกใช้วัสดุหลักเป็นอะลูมิเนียมผสมกับพลาสติก โดยด้านหน้าจะเป็นพลาสติกสีดำพร้อมกับติดตั้งกล้องความละเอียด 3 แสนพิกเซลเอาไว้ที่ขอบบนของตัวเครื่องและมีขอบเป็นพลาสติกซอฟท์ทัช ส่วนของฝาหลังจะใช้วัสดุเป็นอะลูมิเนียมพร้อมโลโก้ MSI เอาไว้ ส่วนของขอบบนและล่างเป็นพลาสติกซอฟท์ทัช และส่วนบนจะติดตั้งกล้องหลังที่มีความละเอียด 2 ล้านพิกเซลไว้
ขอบเครื่องจะดีไซน์ให้โค้งเล็กน้อยให้รับกับมือของผู้ใช้และฝาหลังใช้เป็นอะลูมิเนียมให้ความสวยงาม ในส่วนแนวตั้งจะสัมผัสส่วนของวัสดุซอฟท์ทัชได้น้อยกว่าส่วนแนวนอนที่มีส่วนสัมผัสพลาสติกซอฟท์ทัชมากกว่าอะลูมิเนียมทำให้ลื่นหลุดมือได้ยากกว่า
Screen / Speaker
หน้าจอขนาด 7 นิ้วของแท็บเล็ตรุ่นนี้จะมีความละเอียด 1024 x 600 พิกเซล อัตราส่วนหน้าจอที่ 16:9 เป็นจอแบบ LED พร้อมพาเนล IPS (In-Plane Switching) เด่นเรื่องสีสันที่สวยงามสมจริงและมีองศาการมองกว้างกว่าพาเนลจอแบบ TN และสามารถแสดงผลการใช้งานกลางแจ้งได้ดีระดับหนึ่ง รวมทั้งความละเอียดระดับ 1024 x 600 พิกเซล ทำให้แสดงภาพได้คมชัดและมีพื้นที่การมองกว่าแท็บเล็ตขนาด 7 นิ้ว บางรุ่นที่เลือกใช้ความละเอียดหน้าจอเพียง 800 x 600 พิกเซล
ลำโพงจะติดตั้งเอาไว้ที่ขอบล่างของตัวเครื่อง มองเห็นได้ชัดเจนและให้เสียงที่ดังและดีสมราคาแต่เสียงจะไม่ Surround นัก โดยการออกแบบให้ลำโพงติดตั้งอยู่ที่ขอบล่างนั้นจะให้เสียงที่ดีสุดในแนวตั้ง แต่ในแนวนอนแล้วต้องปรับมือวิธีการจับเครื่องสักหน่อยเพื่อไม่ให้มือไปปิดหรือป้องเอาที่ลำโพงของตัวเครื่อง
Connector / Thin And Weight
พอร์ตต่างๆ จะถูกรวมเอาไว้ที่ขอบบนของเครื่อง จากซ้ายมือจะเป็นปุ่มเปิดปิดเครื่องพร้อมไฟแจ้งเตือนสถานะต่างๆ เวลาใช้งาน ถัดมาเป็นพอร์ต Micro USB, Mini HDMI, Audio Jack ขนาด 3.5 มิลลิเมตรอีกหนึ่งช่อง ส่วนขอบขวามือจะติดตั้งปุ่มเพิ่มลดเสียงกับช่องสำหรับกดรีเซ็ตเอาไว้ ส่วนของขอบบนฝาหลังจะมีช่องให้เปิดออกได้โดยง่าย ภายใต้กรอบจะมีช่องสำหรับ microSD Card ติดตั้งเอาไว้ด้านซ้ายของกล้องหลังที่ไม่มีชิ้นส่วนสำหรับป้องกันเลนส์จากมือที่อาจสัมผัสโดนหรือฝุ่นละอองต่างๆ ดังนั้นเวลาเปิดฝาหลังออกมาแล้วควรหาผ้ามาเช็ดทำความสะอาดเลนส์ด้วย
ขนาดตัวเครื่องขนาด 191 x 199 x 8.9 มิลลิเมตร หนัก 299 กรัมตามในข้อมูลสเปก แต่พอชั่งน้ำหนักจริงแล้วอยู่ราว 306 กรัม เวลาใช้งานจริงแล้วถือว่าความหนา 8.9 มิลลิเมตรกับน้ำหนักระดับนี้ไม่หนักเกินไปสำหรับการถือใช้งานมือเดียว รวมทั้งบอดี้ออกแบบให้ขอบข้างโค้งกระชับมือเพื่อความสะดวกในการจับถือ ทำให้นำไปใช้อ่าน e-book หรือท่องเว็บฯ เป็นเวลานานได้สะดวก
Performance / Software
ตัวเครื่องติดตั้งซีพียูแบบ Dual-Core มาให้พร้อมกับระบบปฏิบัติการที่ติดตั้งมาให้เป็น Android เวอร์ชั่น 4.0.4 “Ice Cream Sandwich” ที่ตอบสนองการทำงานได้รวดเร็วทีเดียว และคาดว่าจะได้รับการอัพเกรดเป็น Jelly Bean ในภายหลัง ซึ่งเวลาใช้งานจริงแล้วก็ตอบสนองได้รวดเร็วพอควร ความจุภายในเครื่องอยู่ที่ 8 GB นับว่ามีมากพอสำหรับติดตั้งแอพฯ และเกมที่ใช้เล่นประจำได้มากระดับหนึ่งแล้ว แต่ถ้ามีไฟล์หนังหรือไฟล์เพลงมากก็สามารถติดตั้ง microSD Card เพิ่มได้มากถึง 32 GB ด้านของแรมภายในเครื่องมีขนาด 1 GB ด้วยกัน โดยตัวระบบจะนำไปใช้ราว 300-400 MB ด้วยกัน และเหลือไว้ให้ใช้งานราว 550 MB ด้วยกัน ซึ่งแรมที่เหลือระดับนี้ถือว่ามากพอรองรับโปรแกรมที่จะเปิดใช้งานเพิ่มและลดโอกาสเกิดอาการแรมไม่พอใช้งานด้วย
สำหรับ MSI Enjoy 71 จะรองรับการทัชสกรีนได้ 5 จุดพร้อมๆ กัน โดยปุ่มทัชเมื่อไขว้นิ้วเข้าหากันแล้วมีโอกาสทำงานผิดพลาดได้บ้างแต่เวลาใช้งานจริงแล้วโอกาสเกิดก็ยิ่งน้อยลงเพราะปกติแล้วไม่ค่อยมีโอกาสให้ปลายนิ้วสองนิ้วมาชิดกันมากนัก
คะแนนจาก Antutu Benchmark ทำได้ 3,795 คะแนน ซึ่งคะแนนที่ได้ระดับนี้เป็นเพราะซีพียูแบบ Dual-Core ที่ติดตั้งมาให้ในเครื่อง เป็นรองเพียงแค่ Asus Transformer Prime และ HTC One X ที่มีราคาสูงกว่าหลายเท่าตัว นับได้ว่าประสิทธิภาพของแท็บเล็ตเครื่องนี้คุ้มค่ามาก พอทดสอบกับ Antutu Benchmark V3.2.2 แล้วได้ 9,665 คะแนน
ส่วนของ GLBenchmark 2.5.1 ทดสอบด้วย Egypt Classic ได้ 44 FPS ถ้าเปิด Offcreen จะอยู่ที่ 26 FPS ถ้าเป็น Egypt HD ได้ 7.9 FPS ถ้าเปิด Offscreen จะอยู่ที่ 7.1 FPS แสดงให้เห็นว่าแท็บเล็ตเครื่องนี้สามารถเล่นเกมสามมิติได้ดีเช่นกัน
ทดลองเล่นเกมสามมิติแล้วก็สามารถแสดงผลได้อย่างดีไม่มีปัญหา แต่ถ้าฉากที่กินทรัพยากรเครื่องมากก็จะมีอาการหน่วงเล็กน้อยแต่ก็ไม่เสียอรรถรสระหว่างเล่นเกมนัก โดยทดสอบกับ Samurai vs. Zombies และ Subway Surfers แล้วสามารถเล่นได้ดีไม่มีปัญหาทำงานได้ราบลื่น แต่ในบางฉากที่มีตัวละครออกมาเยอะใน Samurai vs. Zombies หรือฉากที่มีรถไฟเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิมใน SubwaySurfers แล้วจะทำงานช้าลงเล็กน้อยแต่ไม่ถึงกับกระตุกหรือระบบเกิดการหน่วงจนทำงานไม่ได้
Conclusion / Award
สำหรับราคา 4,990 บาทเทียบกับสเปกที่ได้นั้นถือว่าไม่แพงนัก โดยเฉพาะหน้าจอที่เป็นส่วนสำคัญของแท็บเล็ตเองก็เลือกใช้พาเนล IPS เพื่อให้แสดงผลได้อย่างดีซึ่งถือว่าเป็นข้อดีของแท็บเล็ต MSI Enjoy 71 เครื่องนี้และยังติดตั้งพอร์ต Mini HDMI มาให้เพื่อใช้แสดงผลขึ้นหน้าจอเสริมได้เพื่อรับชมคลิปที่ต้องการได้อย่างเต็มอิ่ม รวมทั้งทำงานได้อย่างรวดเร็วด้วยซีพียู Dual-Core กับแรม 1 GB อีกด้วย
ข้อควรใส่ใจคือ MSI ติดตั้ง Wi-Fi มาให้เพียงอย่างเดียว ดังนั้นเวลานำไปใช้งานนอกสถานที่แล้วต้องการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตผ่านทางแท็บเล็ต MSI รุ่นนี้นั้น คือต้องเตรียมสมาร์ทโฟนเพื่อทำ Tethering Wi-Fi hotspot หรือใช้เป็น Wi-Fi hotspot แบบพกพาที่ผู้ให้บริการเครือข่ายมือถือนำมาจำหน่ายมาใช้งานก็ได้เช่นกัน ส่วนอีกวิธีหนึ่งคือไปใช้งานในสถานที่ๆ ให้บริการสัญญาณ Wi-Fi เช่นร้านกาแฟหรือร้านอาหารเป็นต้น
?
ดังนั้นใครที่กำลังมองหาแท็บเล็ตขนาด 7 นิ้วไว้ใช้อ่าน e-book ต่อเนื่องเป็นเวลานานๆ หรือมักใช้แท็บเล็ตท่องเว็บหรือดูคลิปบ่อยๆ แล้ว แท็บเล็ตเครื่องนี้เป็นอีกเครื่องที่ไม่ควรมองข้ามเช่นกัน ซึ่งนับแล้วคุ้มค่ากว่าแท็บเล็ตที่มีขนาดและราคาใกล้เคียงกัน เทียบกับ ASUS MeMO Pad แล้วแท็บเล็ต MSI เครื่องนี้เหนือกว่าที่พาเนลหน้าจอเป็น IPS ให้องศาการมองกว้างกว่าและติดตั้งกล้องหลังมาให้ด้วยในขณะที่ ASUS ไม่ติดตั้งมาให้ และน้ำหนักของ MSI Enjoy 71 เองก็เบากว่าอีกด้วย
ถึง Acer ICONIA B1 จะราคาถูกกว่า MSI Enjoy 71 กว่า 1 พันบาทก็ตามที แต่พาเนลหน้าจอยังเป็นแบบ TN ธรรมดาซึ่งให้องศาการมองและสีสันได้ไม่เท่ากับ MSI รุ่นนี้ รวมทั้งมีกล้องหน้าเพียงแค่ตัวเดียวและแรมเพียงแค่ 512 MB ซึ่งรองรับการเปิดแอพฯ พร้อมๆ กันหลายๆ แอพฯ ได้ไม่ดีเท่ากับ MSI Enjoy 71 ที่ติดตั้งแรมขนาด 1 GB มาให้ รวมทั้ง Acer ICONIA B1 ยังไม่มีพอร์ต Mini HDMI ติดตั้งมาให้อีกด้วย จึงนับได้ว่าราคา 1 พันบาทที่เพิ่มเข้ามานั้นคุ้มค่ากว่าอย่างแน่นอน
หากเทียบกับ iPad mini นั้น ตัวเครื่องของ iPad จะใหญ่กว่าเล็กน้อยและในส่วนของน้ำหนักนั้นจะไล่เลี่ยกัน แต่ iPad mini กลับบางและมีระยะเวลาการใช้งานแบตเตอรี่ยาวนานกว่า คาดว่าเป็นเพราะปัจจัยอื่นๆ เช่นการปรับปรุงระบบภายในเครื่องเป็นต้น ซึ่ง iPad mini กับ MSI Enjoy 71 นั้นทำตลาดคนละกลุ่มลูกค้ากัน จึงนับว่า MSI Enjoy 71 เองเป็นแท็บเล็ตคุ้มค่าในกลุ่มแท็บเล็ตราคาย่อมเยาว์
ข้อดี
- งานประกอบทำได้เรียบร้อยสวยงาม ใช้วัสดุเป็นอะลูมิเนียมสวยงาม
- ราคาเทียบกับสเปกแล้วคุ้มค่าในกลุ่มแท็บเล็ตราคาย่อมเยาว์
- ติดตั้งพอร์ต Mini HDMI มาให้พร้อมกับมีโปรแกรมปรับตั้งความละเอียดได้ด้วย
- หน้าจอพาเนล IPS ให้สีสันสวยงามสมจริง
- ติดตั้งกล้องมาให้ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง
ข้อสังเกต
- ไม่ติดตั้ง Bluetooth มาให้
- ระยะเวลาทำงานของแบตเตอรี่ยังไม่ยาวนัก ควรเตรียมแบตเตอรี่เสริมไว้ชาร์จไฟด้วย
Battery / Heat
ระบบการจัดการพลังงานของ MSI Enjoy 71 ทำออกมาได้ดีทีเดียว โดยตั้งค่าความสว่างหน้าจอสูงสุดและใช้งานต่อเนื่องทั้งเล่นเกมและเล่นเน็ตจะทำได้ราว 3 ชั่วโมงพอทดสอบเปิดความสว่างหน้าจอเพียงครึ่งเดียวและทดลองเล่นเกมแล้วจะเพิ่มเป็น 4 ชั่วโมงครึ่ง อาจเป็นเพราะตัวเครื่องที่บางและมีชิ้นส่วนภายในหลายชิ้น ทำให้ไม่สามารถบรรจุแบตเตอรี่เข้ามามากๆ ได้ สามารถแก้ไขได้โดยหาแบตเตอรี่เสริมมาเตรียมไว้จะดีที่สุด
ส่วนการทดสอบใช้งานโดยตั้งความสว่างหน้าจอสูงสุดและถอดสายชาร์จแบตเตอรี่ในเวลา 7 โมงเช้าแล้วใช้ทั้งเล่นเกมและท่องเว็บรวมทั้งล็อคหน้าจอเมื่อไม่ได้ใช้งานแล้วยังเหลือแบตเตอรี่อยู่ 30% เมื่อกลับถึงบ้านตอนสี่ทุ่ม แต่น่าสังเกตที่ตัวเครื่องจะเกิดความร้อนง่าย คาดว่าเพราะเป็นบอดี้อะลูมิเนียมนำความร้อนได้ดีทำให้เวลาใช้งานแล้วจะรู้สึกอุ่นๆ ที่ส่วนเหนือโลโก้ MSI และพอเปิดเข้าสู่หน้าเว็บไซต์หลายๆ แท็บแล้วความร้อนจะเพิ่มขึ้นบ้างแต่ยังอยู่ในเกณฑ์รับได้
