ปัจจุบัน ผู้คนนิยมซื้อหาแท็บเล็ตมาใช้งานมากกว่าโน๊ตบุ๊คเพราะน้ำหนักเบาและพกพาง่ายกว่าโน๊ตบุ๊คสักเครื่องหนึ่ง เพราะสาเหตุนี้ทำให้ยอดจำหน่ายของแท็บเล็ตในตลาดไอทีเติบโตอย่างต่อเนื่องมาก โดยคาดการณ์จาก IDC คาดว่าอัตราการเติบโตของแท็บเล็ตจากปี 2012-2017 อยู่ที่ 78.4% เท่ากับ 128 ล้านยูนิตและคาดว่ายอดจำหน่ายนี้จะนำเดสก์ท็อปพีซีได้ในปี 2013 นี้ และนำโน๊ตบุ๊คในปี 2014
ในปี 2012 ที่ผ่านมานั้น แท็บเล็ตเติบโตกว่าเดิมถึง 29.1% มียอดจำหน่ายกว่า 576.9 ล้านดอลล่าร์ ซึ่งส่วนแบ่งการตลาด (Market Share) ในปี 2012 อยู่ที่ 10.7% และจะเพิ่มเป็น 16% ในปี 2017 โดยทาง IDC กล่าวว่าอัตราเติบโตของแท็บเล็ตนั้นเหนือกว่าอุปกรณ์ไอทีทั้งหมดในตลาดตอนนี้ด้วย รวมทั้งทำนายว่าอัตราเติบโตของแท็บเล็ตจะเพิ่มขึ้นกว่า 174.5% และโตอย่างต่อเนื่องเหนืออุปกรณ์ชิ้นอื่นๆ
ด้านของคอมพิวเตอร์พีซีในปีที่ผ่านมา (2012) อัตราเติบโตลดลง 5% และทำให้ส่วนแบ่งการตลาดลดเหลือ 12.4% ด้วยกัน คาดว่า Market Share ในปี 2017 ก็จะลดลงเหลือ 6% เท่านั้น ส่วนของโน๊ตบุ๊คในปี 2012 มีส่วนแบ่งการตลาดที่ 16.8% และคาดว่าปี 2017 ที่จะถึง จะเหลือส่วนแบ่งการตลาดเพียงแค่ 11% จากทั้งหมด แต่อัตราเติบโตจากปี 2012-2017 จะอยู่ที่ 19.3%
?ปัจจุบันผู้ใช้เห็นว่าคอมพิวเตอร์พีซี, แท็บเล็ตและสมาร์ทโฟนแทบไม่ต่างกันมากนัก จะแตกต่างกันก็แค่ขนาดของหน้าจอเท่านั้น จุดตัดสินใจที่ผู้ใช้จะเลือกซื้ออุปกรณ์ใหม่คืออุปกรณ์นั้นๆ ตอบสนองความต้องการของพวกเขาได้มากน้อยแค่ไหน? Mr. Bob O?Donnell ผู้เป็น Program Vice President for Clients and Displays ของ IDC ได้กล่าวกับทางสื่อต่างประเทศเกี่ยวกับอัตราเติบโตของตลาดในตอนนี้
จะว่าไป มองไปทางไหนก็เห็นคนถือแท็บเล็ตใช้งานกันเยอะไม่แพ้กับสมาร์ทโฟนทีเดียว ผู้เขียนก็เห็นด้วยกับที่ Mr. Bob ว่าเหมือนกัน เพราะให้ใช้งานได้ใกล้เคียงและพกพาสะดวกก็นับว่าโอเคแล้ว ถ้ามากกว่านั้นก็กลับไปใช้คอมพิวเตอร์พีซีอีกทีดีกว่า
ที่มา : techcrunch