เรียกได้ว่าตั้งแต่ Windows 8 ได้มีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการออกมาเหล่าบรรดาคอมพิวเตอร์รุ่นใหม่ๆ ต่างๆ ก็ได้มีการส่งรุ่นใหม่ๆ มาให้ผู้บริโภคอย่างเราๆ เลือกใช้เหมือนกัน โดยในวันนี้ที่ทางทีมงานได้นำมารีวิวก็คือ Sony Vaio Duo 11 ซึ่งจัดได้ว่าเป็น Ultrabook รูปแบบใหม่ ที่สามารถพับเก็บคีย์บอร์ดแล้วกลายเป็นแท็บเล็ตได้ แน่นอนว่ามาพร้อมกับหน้าจอทัชกรีนที่ทำให้เราสามารถใช้งานได้ไม่ต่างกับการใช้งานแท็บเล็ตทั่วๆ ไป ที่สำคัญก็คือ Sony Vaio Duo 11 ได้ติดตั้งระบบปฏิบัติการ Windows ที่มาพร้อมกับโปรแกรมและแอพพลิเคชั่นมากมาย ที่ถึงแม้ว่าสเปกอาจจะไม่ได้แรงอะไรมากมายเพราะเป็น Ultrabook แต่ก็รองรับกับความบันเทิงหรือเล่นเกมทัชสกรีนได้อย่างสบายๆ
Sony Vaio Duo 11 ที่มีหน้าตาดูแล้วไม่เหมือนกับ Ultrabook ในท้องตลาดทั่วไปกับการที่มีหน้าจอสไลด์ขึ้น แล้วเมื่อสไลด์หน้าจอลงก็จะเป็นแท็บเล็ต โดยมาพร้อมหน้าจอสัมผัสที่รองรับมัลติทัชถึง 10 จุด และปากกาสไตลัสที่มีมาให้ในตัว และซอฟต์แวร์เอกสิทธิ์ต่างๆ จาก Vaio อีกทั้งยังถือได้ว่า Sony Vaio Duo 11 เป็น Vaio D Series ตัวแรก นั่นก็หมายความว่าในอนาคตทาง Sony ก็จะมีการส่ง Ultrabook หรือโน๊ตบุ๊คลักษณะนี้ออกมาอีก
Sony Vaio Duo 11 สเปกจัดได้ว่าอยู่ในกลุ่ม Ultrabook ทั่วไปกับขนาดหน้า 11.6 นิ้ว ความละเอียด Full HD พาเนลคุณภาพสูง IPS ซึ่งให้สีสันที่สวยสมจริงและมุมมองที่กว้างขว้าง ด้านประสิทธิภาพด้วยอย่างการใช้ซีพียู Intel Core i5-3317U ความเร็ว 1.7GHz ที่สามารถเร่งการทำงานไปได้ถึง 2.6GHz โดยเป็นชิปประหยัดพลังงานพิเศษ แบบ 2 คอร์ 4 เทรด ซึ่งแน่นอนว่าให้ทั้งความแรงและใช้งานได้ยาวนาน ส่วนแรมก็ติดตั้งมาให้ขนาด 4GB DDR3 ที่ถึงแม้ว่าอาจจะอัพเกรดเพิ่มเติมไม่ได้ แต่ก็พอเพียงกับการใช้งานแน่นอน ในส่วนของกราฟิกการ์ดก็เป็นแบบออนบอร์ด Intel HD Graphics 4000 ตามมาตรฐานของซีพียู Core i Gen 3 ที่จัดได้ว่ามีความแรงที่พอเพียงในระดับหนึ่ง อีกทั้งฮาร์ดดิสก์ยังเป็นแบบ SSD ที่มีความเร็วสูงทั้งเขียนและอ่านกว่าฮาร์ดดิสก์แบบปกติหลายเท่าตัว
นอกจากนี้ยังมีการติดตั้งทั้งกล้องด้านหน้าและด้านหลัง โดยกล้องด้านหน้ารองรับการใช้งาน VDO Call ส่วนกล้องด้านหลังสามารถทำให้เราใช้ถ่ายภาพต่างๆ ได้ทันที เหมือนอย่างที่ใช้สมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตในการถ่ายภาพ และด้วยน้ำหนัก 1.3 กิโลกรัมถือได้ว่าเป็น Ultrabook ที่มีน้ำหนักเบาพกพาสะดวก ซึ่งแน่นอนว่ามาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Windows 8 ที่สนับสนุนการใช้จอสัมผัสได้อย่างเต็มรูปแบบ อีกทั้งยังได้ติดตั้งเซ็นเซอร์ต่างๆ ที่ในแท็บเล็ตไฮเอนด์ทั้งหมดมีอย่าง GPS, หมุนภาพอัตโนมัติ, ตรวจจับวัตถุใกล้เคียง, เซ็นเซอร์หมุนภาพ 3 แกน, ปรับแสงสว่างอัตโนมัติ, เข็มทิศ เป็นต้น
Sony Vaio Duo 11 วัสดุของตัวเครื่องเป็นอลูนิเนียมประกอบเข้าด้วยกันกับไฟเบอร์กลาส ที่ให้ความแข็งแรงทนทานกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วๆ ไป นอกจากนี้ยังให้ในเรื่องของน้ำหนักที่เบากว่าการใช้พลาสติกแบบปกติ โดยหน้าจอเป็นกระจกแบบชิ้นเดียวทั้งหมดที่มีคุณสมบัติกันรอยขีดขวน ทำให้เมื่อใช้งานส่วนของการทัชกรีนใน Windows 8 นั้นทำได้อย่างลื่นไหล และไม่ต้องกังวลในเรื่องของการที่จอเป็นรอยเสียหาย เพื่อรองรับการใช้งานบนโต๊ะหรือตักได้อย่างลงตัว สำหรับปุ่มตรงกลางด้านล่างจะเป็นปุ่ม Windows ตามมาตรฐานของแท็บเล็ต Windows 8 ที่ต้องมีทุกรุ่นโดยไว้สำหรับเข้าสูงหน้า Live Tiles พร้อมกล้องเว็บแคมด้านหน้าความละเอียด Full HD และเซ็นเซอร์ตรวจจับวัตถุใกล้เคียง, ปรับแสงสว่างอัตโนมัติอยู่ด้านบน
Sony Vaio Duo 11 ได้ติดตั้งหน้าจอมัลติทัชกรีนขนาดหน้าจอ 11.6 นิ้ว ความละเอียด Full HD หรือ 1920 x 1080 พิกเซล ที่สำคัญยังเลือกใช้พาเนลคุณภาพสูงอย่าง IPS ที่มีความสามารถในเรื่องของการแสดงสีสันที่สดใสและกว้างกว่าพาเนลทั่วไปที่ส่วนมากใช้ในโน๊ตบุ๊คปกติ ซึ่งจากการใช้งานจริงก็พบว่าทั้งจากความละเอียดของหน้าจอที่สูงและสีสันที่สวยนั้น ให้ประสบการณ์การใช้งานที่ค่อนข้างน่าประทับใจกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไป รวมไปถึง Ultrabook อีกหลายๆ รุ่น ส่วนเรื่องเสียงที่ได้ออกจากลำโพงถือที่มีการติดตั้งอยู่มุมตัวเครื่องด้านหน้า จัดได้ว่ามีเสียงที่ดังชัดเจน โดยเน้นไปโทนกลางเป็นหลักตามสไลต์ลำโพงจากโน๊ตบุ๊คทั่วไป ซึ่งอย่างไรก็ตามหากต้องการเสียงคุณภาพแนะนำให้ต่อลำโพงแยกหรือต่อกับหูฟัง
คีย์บอร์ดจะอยู่ซ่อนอยู่ใต้หน้าจอ เมื่อเราจะใช้งานก็เพียงสไลด์หน้าจอขึ้น ก็จะพบกับคีย์บอร์ด QWERTY ดีไซน์มาตรฐานตามรูปแบบของ Sony แต่มีข้อสังเกตที่ว่าไม่มีทัชแพดมาให้แต่อย่างใด โดยเข้าใจว่าเป็นข้อจำกัดในเรื่องของการออกแบบ โดยถึงแม้ว่าจะไม่มีทัชแพดแบบปกติมาให้ ทาง Sony เอง ก็ได้ติดตั้งทัชแพดขนาดเล็กเอาไว้บริเวณตรงกลางแป้นคีย์บอร์ด (การใช้งานคล้ายกับแป้น Trackpad บนสมาร์ทโฟน BlackBerry) มีรูปร่างหน้าตาลักษณะเป็นปุ่มเล็กๆ ซึ่งเราสามารถใช้งานได้เหมือนกับทัชแพดแบบปกติ (คลิกได้ด้วย) อีกทั้งยังมาพร้อมกับปุ่มกดคลิกซ้าย-ขวา ตามมาตรฐานของโน๊ตบุ๊คทั่วไปอีกด้วย
ทางด้านซ้ายก็จะเป็นพอร์ต VGA, ช่องอ่านการ์ด และช่องหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร ส่วนขอบทางขวาด้านหน้าตัวเครื่องก็จะเป็นไฟ LED แสดงสถานะต่างๆ ด้านหลังก็จะมีเพียงพอร์ต LAN แบบพับเก็บได้และช่องต่ออแดปเตอร์ พร้อมช่องระบายความร้อนเพียงเท่านี้
ด้านหน้าตัวเครื่องทางขวาก็จะเป็นสถานะไฟ LED ต่างๆ รวมไปถึงทางซ้ายจะเป็นควบคุมต่างๆ อย่างระดับเสียง, ล๊อคการหมุนหน้าจอ และ Assist
ด้านหลังของตัวเครื่องจะมีลักษณะการออกแบบเรียบๆ โดยมีฐานรองเครื่องทั้ง 4 ด้าน โดยฐานรองด้านหลังยังสามารถปรับให้สูงขึ้นได้เล็กน้อยอีกด้วย ที่สำคัญ Sony Vaio Duo 11 ยังได้มีการติดตั้ง NFC (Near field communication) มาไว้ภายในเครื่อง เพื่อที่จะรองรับการเชื่อมต่อข้อมูลไร้สายกับอุปกรณ์ต่างๆ ที่รองรับ NFC อย่างสมาร์ทโฟนและหูฟัง, ลำโพง โดยตัว NFC ได้ถูกติดตั้งบริเวณโลโก้ NFC ตามภาพแรก นอกจากนี้แล้วยังจะพบกับกล้องดิจิตอลความละเอียด Full HD อีกตัว
ทดสอบการพับหน้าจอลงให้กลายเป็นแท็บเล็ตขนาด 11.6 นิ้ว ก็พบว่าในการถือด้วยมือเดียวนั้นอาจจะลำบากไปซักเล็กน้อย ถ้าให้ดีให้วางหรือถือสองมือพร้อมๆ กันจะเหมาะสมที่สุด ซึ่งในการใช้งานเป็นแท็บเล็ต Windows 8 ก็ถือว่าสอบผ่านอย่างสบายๆ ทั้งในเรื่องของการแสดงผล ความลื่นไหนของระบบ รวมไปถึงประสบการณ์ใช้งานที่แปลกใหม่ เหนือสิ่งอื่นใดงานประกอบโดยรวมของ Sony Vaio Duo 11 จัดได้ว่ามีความเรียบร้อย ตามมาตรฐานของ Sony ซึ่งในภาพจะแสดงให้เห็นถึงช่องระบายความร้อนขนาดเล็ก ที่เพียงพอต่อระบบระบายความร้อนของเครื่อง
Sony Vaio Duo 11 ตัวทดสอบนี้มาพร้อมกับชิปประมวลผลจาก Intel Core i5-3317U ซึ่งเป็นซีพียูใช้พลังงานไฟต่ำมาก มีความเร็วในการประมวลผลอยู่ที่ 1.70 GHz แต่สามารถเร่งประสิทธิภาพขึ้นไปได้สูงสุดถึง 2.6 GHz นะครับ เป็นซีพียูแบบ 2 Core 4 Threads ที่เพียงพอสำหรับการใช้งานทั่วไป หรือถ้างานที่ต้องประมวลผลหนักก็รองรับได้อย่างสบายๆ แต่ก็ต้องยอมรับว่าอาจจะสูงกว่าพวก Core i7 ตัวปกติไม่ได้
กราฟิกการ์ดเป็นแบบออนบอร์ดอย่าง Intel HD Graphics 4000 ที่ให้พลังในการประมวลผลที่ดีในระดับหนึ่ง อย่างในเรื่องของกราฟิก 2 มิตินั้นก็รองรับได้อย่างสบายๆ หรือถ้าเป็น 3? มิติก็ต้องบอกว่ารองรับการทำงานได้ในระดับเบื้องต้นเท่านั้น แต่เอาเข้าจริงๆ ก็สนับสนุนการเล่นเกมได้ในระดับนึงเหมือนกัน
เริ่มแรกเรามาดูคะแนนของ Windows 8 กันก่อน ซึ่งจัดว่าอยู่ในระดับที่ค่อนข้างกลางๆ ค่อนไปทางสูง ด้วยเครื่องนี้อาจจะไม่ได้เน้นประสิทธิภาพที่แรงมาก เพราะยังขาดในเรื่องของกราฟิกการ์ด แต่สำหรับในส่วนของฮาร์ดดิสก์แบบ SSD ที่ติดตั้งมาแล้วส่งผลให้มีคะแนนโดยรวมดีขึ้นทีเดียว อย่างไรก้ตามสำหรับ Sony Vaio Duo 11 เครื่องนี้คงเน้นไปในการใช้งานที่หลากหลายมากกว่างานด้านกราฟิกหรือประมวลผลหนักๆ
สำหรับโปรแกรมทดสอบ CINEBENCH ที่เน้นในเรื่องของพลังประมวลผลซีพียู คะแนนก็อยู่ในระดับกลางๆ เปรียบเทียบกับ CPU ที่เป็นรหัส U ด้วยกันแล้ว ก็ทำได้ดี แต่ก็ดีกว่าปกตินิดหน่อยจากการที่มี SSD เข้ามาช่วยเสริม
สำหรับการทดสอบความเร็วในการอ่านเขียน SSD ได้ใช้โปรแกรม AS SSD Benchmark ทดสอบ ผลที่ได้ออกมาก็คือมีความเร็วที่สูงมากในการอ่านข้อมูล ซึ่งถึงแม้ว่าความเร็วในการเขียนจะได้เพียงครึ่งหนึ่งของความเร็วในการอ่าน ก็ยังจัดได้ว่าน่าพอใจอยู่ แน่นอนว่าความรู้สึกของการใช้งานจริงจะมีความเร็วกว่าโน๊ตบุ๊คที่ใช้ฮาร์ดดิสก์กว่าหลายเท่าตัว โดยร่วมทำงานกับเทคโนโลยี Rapid Wake ของทาง Sony ส่งผลให้ในการเปิดปิดเครื่องใช้เวลาเพียงไม่กี่วินาทีและ Sleep/Wake Up จะใช้เวลาเพียง 1-2 วินาทีเท่านั้นเองครับ
ทดลองด้วย Benchmark เกม Street Fighter IV จะเห็นได้ว่าอยู่ในเกณฑ์ที่น่าพอใจ ซึ่งจากสเปกทั้งหมดก็ถือว่าเป็นผลเกณฑ์ที่ดีกว่ามาตรฐาน ซึ่งคาดว่าน่าจะมาจากผลของการใช้งานเป็น SSD แทนฮาร์ดดิสก์ปกติ
สำหรับ Benchmark เกม Resident Evil ก็เช่นเดียวกัน โดยในส่วนของการใช้งานจริงเรียกได้ว่าเล่นลื่นในระดับนึงทีเดียว ฉะนั้นใครอยากจะเล่นเกม 3 มิติ บน Sony Vaio Duo 11 ก็ทำได้นะครับ แต่อาจจะปรับค่าเกมให้ต่ำลงหน่อยเท่านั้นเอง
ต่อมาเรามาดูส่วนของทัชสกรีนเพื่อใช้งานในการเล่นเกมต่างๆ กันบ้าง ที่ต้องบอกเลยว่าใครที่เคยมีประสบการณ์แย่ๆ เกี่ยวกับการใช้งานหน้าจอทัชสกรีนบน Windows รุ่นก่อนๆ ให้ลืมไปได้เลย เพราะ Windows 8 และซอฟต์แวร์ทัชสกรีนต่างๆ นั้นสามารถทำได้ดีเทียบชั้น iOS และ Android ได้แล้ว และที่สำคัญ Sony Vaio Duo 11 รุ่นนี้รองรับ Multi Touch ถึง 10 จุดเลยทีเดียว ที่นับได้ว่าเป็นหน้าจอทัชสกรีนระดับสูง สำหรับในการทดสอบกับเกมที่เพื่อนๆ น่าจะรู้จักกันดีในสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตทั่วไป ซึ่งเกมเหล่านี้มีทั้งแบบเป็นเกมฟรี หรือเกมแบบเสียเงินนะครับ ลักษณะเกมก็จะเป็นแนวให้ความสนุกสนานโดยไม่กินทรัพยากรเครื่องด้านกราฟิกมากมายอะไร อย่างเกมแรกก็จะเป็น Fruit Ninja 2 แน่นอนว่าในการเล่นแล้ว เรียกได้ว่าตอบสนองการใช้งานได้เป็นอย่างดี
ต่อมาก็จะเป็น Pinball FX 2 และ Angry Bird Star War
ปิดท้ายด้วย Jetpack และ ReckLess Racing
เรียกได้ว่าผลการทดสอบใช้งานเล่นเกมทัชสกรีนนั้นสามารถทำได้ดีมากๆ อย่างเป็นที่น่าพอใจ ไม่มีอาการกระตุกหรือหน่วงให้เห็นเลย อีกทั้งจอภาพยังทัชได้อย่างแม่นยำอีกด้วย
นับได้ว่าเป็นอีกหนึ่งโน๊ตบุ๊คจาก Sony ที่มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการใหม่ล่าสุดอย่าง Windows 8 ที่เชื่อได้ว่าเมื่อทุกคนเห็นจะต้องให้ความสนใจกับมันอย่างแน่นอน กับ Sony Vaio Duo 11 ซึ่งเป็น Ultrabook ที่ก่อนหน้านี้เราอาจจะไม่เคยนึกหน้าตามันออก ว่าจะทำอย่างไรให้ใช้งานกับ Windows 8 ได้สมบูรณ์แบบที่สุด ซึ่งสุดท้ายแล้ว Sony ก็นำเสนอ Hybrid PC ที่นอกเหนือจากจะเป็นโน๊ตบุ๊คบางเบาแล้ว ยังมีคุณสมบัติแปลงร่างเป็นแท็บเล็ตได้ โดยการปรับเปลี่ยนนั้นก็ทำได้ไม่ยาก ด้วยการสไลด์หน้าจอขึ้นลงด้วยกลไกที่แข็งแรง ต่างจากโน๊ตบุ๊คบางรุ่นที่สามารถทัชสกรีนหน้าจออย่างเดียวได้เท่านั้น แถมยังใช้เวลาในการเปิด-ปิดเครื่องเพียงไม่กี่วินาทีและ Sleep/Wake Up ก็ใช้เวลาเพียงวินาทีเดียว
ประกอบกับหน้าจอที่มีความละเอียดถึง Full HD ในขนาดหน้าจอเพียง 11.6 นิ้ว ทำให้การแสดงผลดูเรียบเนียนตา ที่แทบว่ามองไม่เห็นเม็ดพิกเซลเลยทีเดียว พร้อมกันนั้นยังสนับสนุนการทัชกรีนหน้าจอถึง 10 จุดพร้อมๆ กัน ส่งผลให้การเล่นเกมหรือใช้งาน Windows 8 ไม่มีการติดขัด ส่วนสเปกอื่นๆ ก็ถือว่าเป็นในกลุ่มของ Ultrabook ทั่วไปตามตลาดในปัจจุบัน ฉะนั้นในเรื่องของความแรงหรือประสิทธิภาพใช้งานได้อย่างสบายใจได้ นอกจากนี้ในด้านของเทคโนโลยีในการใช้งานก็มีมาอย่างครบครับ อาทิ รองรับปากกาสไตลัส, ชิป GPS, หมุนภาพอัตโนมัติ, Gesture Control, เซ็นเซอร์หมุนภาพ 3 แกน, ปรับแสงสว่างอัตโนมัติ, เข็มทิศ และชิป NFC เป็นต้น
และด้วยเทคโนโลยี Rapid Wake + Eco ที่จะปรับเครื่องเข้าสูโหมด sleep แบบกินไฟต่ำ แต่ยังสามารถเก็บรักษาข้อมูลเอาไว้ได้ถึงกว่า 10 วัน และเมื่อเปิดฝาเครื่องกลับขึ้นมา ทุกอย่างก็จะพร้อมใช้งานต่อได้ภายใน 2 วินาที พอร์ต USB ที่มากับตัวเครื่อง ก็ยังสามารถใช้ชาร์จไฟได้ แม้ว่าจะไม่ได้เปิดเครื่องอยู่ก็ตาม โดยหากใครต้องการความต่างอย่างมีสไตล์กับผลิตภัณฑ์ Windows 8 แล้ว ในส่วนของตัว Sony Vaio Duo 11 ตอบโจทย์การใช้งานที่หลากหลายที่เราต้องการได้อย่างแน่นอนครับ สนนราคาค่าตัวอยู่ที่ 44,900 บาท ตามมาตรฐานของ Ultrabook ระดับสูงครับ