WD รายงานผลประกอบการของไตรมาสเดือนธันวาคม พร้อมรายงานสถานการณ์น้ำท่วมในไทย ไตรมาสมีนาคมพร้อมผลิต Head Slider ในไทยและมาเลเซียเต็มสูบ การเสนอเข้าซื้อ HGST คาดเสร็จสมบูรณ์ในไตรมาสมีนาคม ศกหน้า
เวสเทิร์น ดิจิตอล คอร์ป (WD) ได้รายงานแนวโน้มผลประกอบการประจำไตรมาสเดือนธันวาคม พร้อมรายงานความคืบหน้าของแผนปฏิบัติการฟื้นฟูหลังจากประสบอุทกภัยในประเทศไทย นอกจากนี้ บริษัทยังให้มุมมองเกี่ยวกับสภาวะของอุตสาหกรรมในช่วงไตรมาสธันวาคม ปี 2554 และช่วงถัดไป
แนวโน้มผลประกอบการประจำไตรมาส 2 ของปีงบประมาณ
สำหรับไตรมาสธันวาคมนี้ บริษัทคาดว่าจะมีรายได้รวมอย่างน้อย 1.8 พันล้านเหรียญสหรัฐ และอัตรากำไรขั้นต้นสูงกว่าช่วงสูงสุดที่ใช้เป็นแบบจำลองทางธุรกิจที่ร้อยละ 18 เป็นร้อยละ 23 โดยมีค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานโดยประมาณ 265 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งรวมค่าใช้จ่ายที่เพิ่มจากปกติที่เกี่ยวข้องกับปัญหาน้ำท่วม และค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการซื้อกิจการและการดำเนินคดี สำหรับค่าใช้จ่ายที่ผิดจากปกติที่เกี่ยวข้องกับน้ำท่วม ในไตรมาสธันวาคมคาดว่าจะอยู่ระหว่าง 225 ถึง 275 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งรวมค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับประกันภัยเพื่อการฟื้นฟูทุกอย่าง โดยบริษัทคาดว่าจะยื่นเรียกร้องความเสียหายของทรัพย์สินเป็นมูลค่าอย่างน้อย 50 ล้านเหรียญสหรัฐ และเรียกร้องเพิ่มเติมสำหรับการหยุดชะงักทางธุรกิจในช่วงไตรมาสธันวาคม และการถือปฏิบัติกับบัญชีรายการเหล่านี้ขึ้นอยู่กับสถานะของแต่ละรายการ ณ สิ้นสุดไตรมาส ซึ่งบริษัทคาดว่าค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการซื้อกิจการในไตรมาสเดือนธันวาคมจะอยู่ที่ประมาณ 15 ล้านเหรียญสหรัฐ
บริษัท จะดำเนินการอย่างจริงจังเกี่ยวกับข้อโต้แย้งการใช้อนุญาโตตุลาการที่ได้ประกาศเมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2554 ในเรื่องทางกฎหมายกับ Seagate และยังไม่ได้กำหนดการปฏิบัติต่อบัญชีรายการที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ โดยบริษัทคาดว่าจะรักษาตำแหน่งเงินสดสุทธิในระดับเดียวกับที่เคยได้ในช่วงสิ้นไตรมาสก่อนหน้านี้
การฟื้นฟูความเสียหายจากเหตุการณ์น้ำท่วมในประเทศไทย
?ด้วยความกระตือรือร้น ความขยันหมั่นเพียร และความคล่องแคล่วในการดำเนินงานของทีมงาน WD ช่วยให้บริษัทมีความคืบหน้าในการปฏิบัติฟื้นฟูความเสียหายจากเหคุการณ์น้ำท่วมในประเทศไทย จนสามารถกลับมาดำเนินงานในบางส่วนได้เร็วกว่าที่คาดการณ์เอาไว้? มร. จอห์น คอยน์ ประธานกรรมการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) ของ WD กล่าวและว่า
“มีภาระกิจอีกมากมายรอให้เราทำ แต่เราจะไม่สามารถประสบความสำเร็จในกิจเหล่านี้ได้เลยหากปราศจากการสนับสนุนที่ดีเยี่ยมจากเหล่าพันธมิตรที่เป็นซัพพลายเออร์และลูกค้าของเรา”
ประเด็นเฉพาะ บริษัทได้ระบุไว้ว่า :
– เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายนที่ผ่านมา บริษัทกลับมาดำเนินการผลิตฮาร์ดไดรฟ์ตามปรกติของตึกแห่งหนึ่งในส่วนโรงงานที่บางปะอิน (BPI) หนึ่งสัปดาห์ล่วงหน้าตารางภายใน ซึ่งโรงงานแห่งนี้เคยถูกน้ำท่วมสูงราวๆ หกฟุตตั้งแต่วันที่ 15 ตุลาคมที่ผ่านมา และมีการสูบน้ำออกจนแห้งเมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน โดยแหล่งพลังงานหลักได้ถูกติดตั้งกลับคืนในวันที่ 26 พฤศจิกายน บริษัทจึงสามารถกลับมาผลิตฮาร์ดไดรฟ์ได้ตามปรกติเมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายนดังกล่าว
– บริษัทได้นำอุปกรณ์การผลิตหัวอ่านฮาร์ดไดรฟ์ (Slider) ที่จมน้ำทั้งหมดออกจากโรงงานบางปะอิน และจัดการกับอุปกรณ์ที่มีคราบเปื้อน รวมทั้งการบูรณะอาคารที่เหลือในโรงงานบางปะอิน
– บริษัทคาดการณ์ว่าจะกลับมาเริ่มผลิต head slider ของโรงงานบางปะอินในไตรมาสเดือนมีนาคม 2555 (ไตรมาส 3 ของปีงบประมาณ 2555) และเริ่มทำการผลิต Slider Fab แห่งใหม่ของ WD ที่อยู่ในปีนัง ประเทศมาเลเซีย ภายในกรอบเวลาเดียวกัน
– โรงงานผลิตฮาร์ดไดรฟ์อีกหนึ่งแห่งในประเทศไทยของ WD ที่ตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมนวนครยังมีน้ำท่วมในระดับความลึกประมาณสองฟุต ซึ่งคาดว่าจะสามารถสูบน้ำออกจนหมดภายในสิบวัน นับจากจุดที่เริ่มการขจัดน้ำขจัดคราบเปื้อนและขัดแต่งใหม่
สภาวะของอุตสาหกรรม:
บริษัทเชื่อว่ายอดจัดส่งสินค้าฮาร์ดไดรฟ์ของทั้งอุตสาหกรรมโดยรวมในช่วงไตรมาสเดือนธันวาคมนี้ จะแตะที่ประมาณ 120 ล้านยูนิต อันเป็นผลมาจากข้อจำกัดในการผลิตสินค้าและซัพพลายขาดแคลนอันเนื่องจากปัญหาน้ำท่วมที่หนักหน่วงเป็นประวัติการณ์ของประเทศไทย โดยยอดดังกล่าวนี้รวมจำนวนยูนิตของฮาร์ดไดรฟ์ที่คงอยู่ในสต็อกสินค้าในช่วงต้นไตรมาส
บริษัทเชื่อว่าอุปสงค์ของฮาร์ดไดรฟ์สำหรับไตรมาสธันวาคม จะอยู่ในช่วงระหว่าง 170-180 ล้านยูนิต และบริษัทเชื่อว่าข้อจำกัดของซัพพลายในอุตสาหกรรมฮาร์ดไดรฟ์จะยังคงส่งผลกระทบต่อเนื่องไปจนถึงไตรมาสในเดือนมีนาคม ศกหน้า และหลังจากนั้นอีก
ความคืบหน้ากรณียื่นเสนอเข้าซื้อธุรกิจ HGST
การยื่นเสนอเตรียมเข้าซื้อฮิตาชิ โกลบอล สตอเรจ เทคโนโลยีส์ (ฮิตาชิ จีเอสที) บริษัทกำลังดำเนินการเพื่อตอบสนองข้อบัญญัติของคณะกรรมาธิการยุโรป รวมถึงเงื่อนไขล่าสุดว่าด้วยการทำธุรกรรมซื้อขายและเพื่อให้ได้รับการอนุมัติจากหน่วยงานกำกับดูแลที่เหลืออื่นๆ ซึ่งบริษัทจะต้องเสร็จสิ้นขั้นตอนเหล่านี้ โดยคาดว่าการทำธุรกรรมผนวกรวมครั้งนี้จะเสร็จสมบูรณ์ในช่วงเดือนมีนาคม 2555