การแกะฝาหลังออกนั้นไม่สามารถทำได้อย่างง่ายดายเลย เพราะมันซ่อนน็อตทั้งหมดไว้ครับ แต่เราก็ยังสามารถถอดเองได้อยู่ โดยจะต้องแงะแผงคีย์บอร์ดขึ้นก่อน (มีร่อง 5 ร่องให้แซะขึ้นมา) แล้วจึงถอดแผงแท่นรองข้อมือออก จากนั้นก็ขันน็อตออก ฝาหลังก็จะหลุดออกมาให้เราถอดออกครับ
ก่อนจะไปดูด้านล่าง เราจะพบว่าใต้คีย์บอร์ดนั้นมีแผงแรมมาให้เราอัพเกรด 1 ช่องด้วยกัน
เมื่อจับพลิกดู ก็พบว่าจุดที่สะดุดตาที่สุดก็คือช่องว่างที่ตรงกับที่รองมือฝั่งขวาครับ โดยมันก็คือช่องใส่ HDD หรือ SSD อีกลูกนั่นเอง เพราะตามสเปกจริงๆแล้วมันจะต้องมี SSD มาให้อีกลูกหนึ่ง แต่ในเครื่องทดสอบที่เราได้มานั้นกลับไม่มีซะอย่างนั้น
โฉมหน้า HDD อีกลูกที่เหลืออยู่ครับ มีการป้องกันการกระแทกมาเป็นอย่างดี ซึ่งถ้าดูตามตำแหน่งนั้นมันก็อยู่ตรงกับทัชแพดพอดิบพอดีเลย
ถัดขึ้นมานิดนึงก็เป็นสล็อตแรม 2 ช่องด้วยกัน ส่วนอีกสล็อตหนึ่งนั้นซ่อนอยู่ภายใต้กรอบใหญ่ของเครื่องครับ ทำให้ไม่สามารถแกะออกมาชมกันได้ โดยมันจะอยู่บริเวณใกล้ๆกับสล็อตแรมในรูปนี้และทัชแพดครับ
หน้าตาของ heatpipe และ heatsink ที่ใช้ในการระบายความร้อนของ CPU และ GPU ครับ มีการทำสีให้เหมือนกับบอดี้ของเครื่องด้วย
ริมสุดก็มีการ์ด WLAN ติดตั้งอยู่บนพอร์ต PCI-E เช่นเดียวกับหลายๆรุ่นในปัจจุบัน
ทีนี้เรามาดูกันที่แบตกันบ้าง แบตที่ให้มาเป็นแบบ 8 cell ครับขนาดใหญ่ น้ำหนักก็มากเช่นเดียวกัน
ดูสเปกของแบตกันชัดๆไปเลย ไหนๆเครื่องแรงแล้ว แบตก็ต้องมาใหญ่หน่อยละนะ
คราวนี้มาดูตัวเครื่องด้านข้างกันบ้าง เริ่มด้วยด้านหน้าที่มี card reader และไฟแสดงสถานะการทำงานของเครื่อง
ฝั่งขวามีช่อง speaker, microphone, USB 2.0, USB 3.0, HDMI, VGA, LAN และช่องเสียบสาย adapter
ด้านหลังมีช่องระบายอากาศขนาดใหญ่พร้อมพัดลมอยู่ทั้ง 2 ฝั่ง ทำให้ไม่ต้องกลัวว่าเครื่องจะร้อนเลยล่ะ แถมยังมีช่อง Kensington Lock มาถึง 2 ช่องเลย ไหนๆเครื่องก็แพง คงต้องรักษาความปลอดภัยเยอะหน่อยละนะ
ส่วนฝั่งซ้ายมี Blu-ray reader (ที่เป็น DVD writerได้ด้วย) และ USB 2.0 อีก 2 พอร์ต
หน้าต่อไปก็จะเข้าสู่ส่วนการรีวิวทาง software แล้วครับ จะเป็นอย่างไร ไปดูกันเลย