ศึกสุดท้ายของป๋าแกเบรียลครั้งนี้!? คืออีกหนึ่งภาคเสริมที่สมควรหามาลอง
เครื่อง Notebook ขั้นต่ำที่ต้องการ:
CPU | Intel Core 2 Duo T5500 (1.66 GHz, 2 MB L2 Cache, 667 MT/s FSB) |
RAM | 1 GB RAM |
VGA Card | nVidia GeForce Go7600 / ATI Mobility Radeon X1600 |
HDD | 7 GB of free Hard Drive space |
OS | Windows XP, Windows Vista or Windows 7 |
เครื่อง Notebook ที่แนะนำ:
CPU | Intel Core 2 Duo T5800 (2.00 GHz, 2 MB L2 Cache, 800 MT/s FSB) |
RAM | 2 GB RAM |
VGA Card | nVidia GeForce 8400M GT/ ATI Mobility HD 2400 XT |
HDD | 7 GB of free Hard Drive space |
OS | Windows Vista or Windows 7 |
แม้ว่าอายุอานามของ WH40K: Dawn of War IIจะปาเข้าไป 3 ปีแล้วก็ตาม แต่ทาง Relic Entertainment ก็ยังเอาใจใส่ดูแลเกมของพวกเขาอย่างเสมอต้นเสมอปลายไม่ได้ขาด ครั้นจะเอาใจแต่เกมเมอร์ที่ชอบเล่น Multiplayer Mode ก็คงจะไม่ใช่ เพราะล่าสุดทีมพัฒนาสัญชาติแคนาดารายนี้ได้ปล่อยภาคเสริมรายปีภายใต้ชื่อ Retribution ออกมาเติมเต็มเนื้อหาที่ยังค้างคาใจจากภาค Chaos Rising ให้แฟนๆ หายคิดถึงแล้ว และจากที่ได้สัมผัสไปผมคงต้องก็ขอเดาว่านี่ก็คงจะไม่ใช่ภาคเสริมตัวสุดท้ายในซีรีส์นี้แน่ แต่กว่าจะถึงเวลานั้น… เรามาดูเลยดีกว่าว่าภาคเสริมตัวนี้มีอะไรใหม่ที่น่าสนใจบ้าง
สิ่งที่ทำให้ Retribution แตกต่างจากเกมภาคก่อนๆ ก็คือ ตัวเกมจะเปิดโอกาสให้คุณเลือกเล่นได้ทุกฝ่ายในโหมดเนื้อเรื่อง ไม่ได้ยืนพื้นแต่เหล่า Space Marine เพียงฝ่ายเดียวเหมือนภาคก่อนๆ อีกแล้ว แต่การเดินเรื่องหลักของทุกฝ่ายจะเหมือนกันทั้งหมดคือ การหาทางจัดการกับ Chapter Master Kyrasให้ได้ ถ้ามองเผินๆ แล้วคุณอาจจคิดว่าเกมเพลย์ในภาคนี้น่าจะเหมือนกับ Dark Crusade หรือไม่ก็ Soul Storm เพราะมีการเดินเรื่องบนเนื้อหาเดียวกันโดยหลากหลายฝ่าย แต่จริงๆ แล้วเกมภาคนี้ไม่ได้นำเสนอการเล่นในรูปแบบยึดพื้นที่ดาวแต่อย่างใด การเดินเรื่องยังคงนำเสนอผ่านภารกิจต่างๆ เรียงลำดับกันไป และถึงแม้ตัวเกมจะมีภารกิจย่อยให้คุณเลือกเล่นเป็นทางเลือกระหว่างมิชชั่น
แต่มันก็ไม่ได้ลดความเป็นเส้นตรงลงเลยแม้แต่น้อย ภารกิจย่อยที่แตกแขนงออกมาทั้งระหว่างการเล่นและบนแผนที่ดวงดาวนั้น ไม่ได้ส่งผลใดๆ หรือทำให้เกิดทางเลือกที่น่าสนใจต่อเนื้อเรื่องหลัก ซึ่งทำให้เหตุผลเดียวที่คุณสมควรจะเล่นภารกิจย่อยเหล่านี้ก็คงจะหนีไม่พ้นเพราะ Wargear สุดเจ๋งเพียงหรือโบนัสหลังจบฉากก็เท่านั้น และสิ่งที่น่าเสียดายอีกอย่างก็คือ โหมดเนื้อเรื่องในภาคนี้ค่อนข้างจะสั้นมาก สั้นจนบางคนอาจจะเพิ่งรู้สึกสนุกแต่เกมก็ดันจบลงซะก่อนแล้ว อย่างไรก็ตามการเล่นในส่วนนี้ก็ยังนับว่าคุ้มค่าอยู่ เพราะคุณสามารถเลือกบัญชาการฝ่ายอื่นนอกจาก Space Marine แล้วเรื่องการนำกลับมาเล่นเนื้อเรื่องซ้ำได้ แถมแต่ละฝ่ายก็ยังมีรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ที่น่าสนใจแตกต่างกันอีกด้วยครับ
สำหรับเกมเมอร์ที่ถวิลหาความแตกต่างแปลกใหม่ก็อาจจะโดนใจอยู่บ้าง เพราะ Retribution ได้นำเสนอการเล่นแบบใหม่อย่างการสร้างยูนิตในส่วนของเนื้อเรื่องด้วย คุณสามารถสร้างยูนิตต่างๆ ได้เหมือนกับการเล่นในส่วนของ Multiplayer เพียงแต่ในโหมดเนื้อเรื่องนี้ คุณจะต้องยึดจุดยุทธศาสตร์ที่กระจายอยู่ตามส่วนต่างๆ ในแผนที่เสียก่อน นอกจากนี้ยูนิตแต่ละชนิดยังสามารถอัพเกรดอาวุธต่างๆ เพื่อเพิ่มความสามารถได้อีกด้วย เช่น การอัพเกรดปืนพลาสม่าของเหล่า Guardsman, การติด Melta Bomb ให้ Assault Marine เป็นต้น คุณสามารถเลือกอัพเกรดให้ยูนิตในกองทัพได้จากการทำภารกิจต่างๆ และเลือกรับรางวัลในส่วนของโบนัสหลังจบฉาก (นี่ก็เป็นระบบใหม่ที่ถูกเพิ่มเข้ามา) และถ้าอยากรู้ว่ายูนิตในกองทัพของคุณสามารถอัพเกรดความสามารถใดๆ ได้บ้าง ตัวเกมก็มีการแสดงรายละเอียดเป็นแผนผังให้ดูที่มุมขวาล่างของแผนที่ดวงดาวอย่างชัดเจน