สิ่งแรกที่ทำให้ผมประทับใจสุดๆ จนเกือบเผลอกด Editor?s Choice (เกมที่ได้รับ 90 ขึ้นไป) ก็คือรายละเอียดของเกมในส่วนของเนื้อเรื่องครับ จริงที่ว่าใน Dragon Age II นี้เนื้อเรื่องอาจจะไม่อลังการงานสร้างเท่ากับ Dragon Age: Origins เพราะตัวเกมนั้นไม่ได้มาแนวนักสู้กู้โลก ทว่าตัวเกมนั้นจะเน้นการเล่าเรื่องผ่านตัวเอกของเราที่มีชื่อท้ายว่า ?Hawke? ผู้ที่อพยพหนีจาก Ferelden เพราะ The Blight (หายนะในภาคแรก) ไปยัง Kirkwall เพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่ ซึ่งในระหว่างที่อยู่ใน Kirkwall นี้เองที่เขาได้เข้าไปมีส่วนพัวพันกับเหตุการณ์วุ่นวายต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ปัญหาจากพวก Qunari ที่หาทางกลับบ้านไม่เจอต้องติดแหง็กอยู่ที่นี่, พวกโจรกลุ่มต่างๆ ที่มีอยู่มากมายจนนับกันแทบไม่ไหว, ปัญหาเกี่ยวกับพวก Blood Mage และ Templar และปัญหาอีกมากมายบลาๆๆๆ เท่าที่ตัวเนื้อหาจะเอื้ออำนวย ซึ่งตัวเนื้อหานั้นถ้าดูเผินๆ แล้วก็คงจะไม่ต่างไปจากเกม RPG ดาดๆ ทั่วไป แต่รายละเอียดยิบย่อยของภารกิจนี้แลที่น่าสนใจ จริงที่ว่าตัวเกมก็ยังคงเหมือน RPG อื่นๆ อยู่ตรงที่คุณต้องเดินทางไล่จาก A ไป B, B ไป C และ C ไป D เพื่อจบภารกิจ แต่ในช่วงระหว่าง A ไป B B ไป C และ C ไป D นี่ล่ะครับที่คุณจะได้มีโอกาสได้พบกับตัวเลือกบีบหัวใจ ซึ่งส่งผลอย่างร้ายกาจต่อตัวภารกิจ และเนื้อเรื่องในลำดับต่อไปอยู่เกือบจะตลอดเกม (แน่นอนว่าคุณจำเป็นต้องมีทักษะทางด้านภาษาพอตัว ไม่งั้นเล่นให้ตายก็คงสนุกกับมันไม่ลง) และก็บ่อยครั้งเลยทีเดียวที่คุณจะได้พบกับเหตุการณ์กระชากอารมณ์ที่ทำให้คุณอินตามไปกับเกมได้ไม่ยากเลย โดยรวมแล้วสำหรับคอ RPG ผู้ที่สนใจในเนื้อหามากกว่า Gameplay คุณจะไม่ผิดหวังกับเกมนี้แน่นอนครับ เพราะมันคือหนึ่งในเกมที่มีเนื้อเรื่องดีที่สุดเท่าที่ผมเคยเล่นมาเกมหนึ่งเลยทีเดียว
อีกสิ่งหนึ่งที่ผมชอบสุดๆ สำหรับ Dragon Age II ก็คือรายละเอียดในส่วนของ Companion (หรือเพื่อนร่วมทีม) ที่ถูกรังสรรค์ขึ้นมาใหม่เกือบทั้งหมดครับ ใน Dragon Age II นี้พวกเขาจะไม่ได้มีหน้าที่เพียงแค่ร่วมเดินไปกับคุณหรือยืนรอให้คุณไปคุยด้วยเป็นเพื่อนแก้เหงาอีกแล้ว ทว่าพวกเขาแต่ละคนนั้นล้วนแต่มีความเป็นตัวเองสูงมาก และล้วนแต่มีจุดมุ่งหมายของตัวเองทุกคน บ่อยครั้งทีเดียวที่พวกเขาจะออกความเห็นในกรณีที่เขา/เธอเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยโดยที่คุณไม่จำเป็นต้องร้องขอ และในบางสถานการณ์พวกเขายังสามารถใช้ความสามารถพิเศษ เช่น ?ทักษะการเจรจา?, ?ความรู้ทางด้านเวทมนตร์? หรือ ?ความสามารถเฉพาะตัว? เพื่อช่วยคุณและเพื่อนร่วมทีมให้รอดพ้นจากสถานการณ์คับขันได้อีกด้วย ด้วยเหตุนี้เองเพื่อนร่วมทีมที่คุณนำติดตัวไปด้วยจึงมีผลอย่างมากต่อเนื้อหาของเกมที่คุณจะได้พบในภายหลังครับ
ข้อดีของเกมอันที่จริงแล้วก็ไม่ได้มีเพียงเท่านี้นะ แต่ยังมีข้อดีอีกหลายข้อเลยทีเดียวที่พบเห็นได้จากเกม ไม่ว่าจะเป็น Dialogue Wheel (วงล้อตัวเลือกในระหว่างการสนทนา) ที่ช่วยให้คุณสามารถเข้าถึงตัวเกมได้ง่ายขึ้นแม้คุณจะมีทักษะทางด้านภาษาในระดับพออ่านออกเขียนได้ก็ตาม, Codex ของเกมที่ยังคงละเอียด และน่าสนใจเหมือนเดิม, ระบบ Inventory ที่ดูลงตัวขึ้น (แม้จะน่าขัดใจนิดตรงที่ไม่สามารถเปลี่ยนชุดของเพื่อนร่วมทีมได้เลย), ระบบ Ability Tree ที่ช่วยให้การอัพเกรดตัวละครนั้นมีความเป็นไปได้หลากหลายและง่ายขึ้น (แม้จะมี Ability ให้ใช้ได้น้อยลงก็ตาม) และระบบการต่อสู้ที่รวดเร็วและเร้าใจกว่าภาคแรกอยู่มากโข ซึ่งอันที่จริงก็อยากจะแถลงไขถึงข้อดีเหล่านี้อยู่ แต่เนื้อที่ของบทความดันหมดเสียแล้ว เอาเป็นว่าโดยรวมแล้วก็ยังพอมีข้อดีให้มองเห็นได้ละกันนะครับ
เมื่อหักลบข้อดีข้อด้อยเป็นที่เรียบร้อย Dragon Age II ก็ยังคงเป็น ?เกมที่ดี? เกมหนึ่งอยู่ดีครับ ถึงแม้จะไม่ชวนให้ประทับใจได้มากเท่ากับภาคแรกก็ตาม ก็แอบหวังๆ อยู่นะว่า Bioware จะคิดใส่ใจลูกค้าด้วยการออกแพตช์ตามมามากกว่าที่จะตั้งหน้าตั้งตาปั๊ม DLC ออกขายแบบที่เคยทำมาในภาคแรก ซึ่งถ้าแพตช์ที่ออกมาในภายหลังสามารถแก้ปัญหาแย่ๆ ที่ผมเอ่ยไปได้สัก 2/3 ของปัญหาทั้งหมดที่ตัวเกมมี ผมล่ะเป็นคนหนึ่งล่ะที่สัญญาว่าจะจงรักภักดีกับ Bioware ไปจนกระทั่งลิเวอร์พูลได้แชมป์พรีเมียร์ลีกเลยทีเดียว
เรื่อง: ณัฐพงษ์ วิรุฬหกุล
การเปลี่ยนแปลงหลายส่วนอาจขัดใจแฟนเก่าหลายต่อหลายคน การตัดส่วนสำคัญที่เป็นเสน่ห์ของเกม RPG ทิ้งไปอาจส่งผลเสียต่อตัวเกม และหากถามกันตรงๆ ว่า Dragon Age 2 นั้นยอดเยี่ยมกว่า Dragon Age: Origins หรือเปล่า คำตอบก็คือ ?ไม่? แต่นั่นไม่ได้หมายความว่า Dragon Age 2 คือเกมที่ไม่ควรค่าแก่การลิ้มลอง ตรงกันข้ามหากคุณชื่นชอบเรื่องราวในโลกของ Dragon Age รวมถึงตัวละคร และยิ่งคุณเป็นแฟนเกมภาคแรกมากเท่าไหร่ ผมยิ่งแนะนำให้เล่น
ข้อดี: เนื้อเรื่องยังคงน่าสนใจและน่าติดตามมากๆ อย่างเคย, เพื่อนร่วมทีมที่ดูมีชีวิตจิตใจมากกว่าภาคแรกเยอะ, ระบบจัดการ Inventory ที่ใช้ง่ายและดูเป็นระเบียบดี, Codex ที่อ่านได้เพลินกว่าไล่ตีเบ๊ในเกมเสียอีก, ระบบ Dialogue Wheel ที่ทำให้เข้าถึงเนื้อหาเกมได้ง่ายขึ้นมาก และระบบต่อสู้ที่เร้าใจกว่าเดิมอีกมากโข
ข้อด้อย: บั๊กที่สามารถพบได้ในทุกตรอกซอกซอยของ Kirkwall, ปัญหาการแสดงผลที่สามารถพบได้เมื่อเปิด DX11 และฉากที่ซ้ำกันไปมาจนน่ารำคาญ
โดยรวม: ก็ยังคงเป็นเกมที่ ?ดี? เกมหนึ่งและคุ้มค่าเงินที่จ่ายไปทุกบาททุกสตางค์แน่นอนสำหรับคอ RPG พันธุ์แท้ และอาจจะคุ้มค่ากว่านี้มากถ้าแพ็คเกจดูดีกว่านี้อีกหน่อยสำหรับ Signature Edition
ขอขอบคุณ :: นิตยสาร FuterGamer
http://www.futuregamer.co.th/
