ทีมพัฒนาของ WoW ไม่เคยลังเลที่จะเปลี่ยนแปลงเกมของพวกเขาเพื่อสิ่งที่ดีกว่า นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้ WoW ในวันนี้กับเมื่อหกปีที่แล้วมีความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงจนเกือบจะเหมือนเป็นคนละเกม
เครื่องขั้นต่ำที่ต้องการ:
CPU | Intel Pentium 4 1.3 GHz or AMD Athlon XP 1500 |
RAM | 1 GB |
VGA Card | NVIDIA GeForce FX or ATI RadeonTM 9500? หรือสูงกว่า |
HDD | 25 GB of free Hard Drive space |
OS | Windows XP / Windows Vista / Windows 7 |
เครื่องที่แนะนำ:
CPU | Intel Pentium D or AMD Athlon 64 X2 |
RAM | 2 GB RAM |
VGA Card | NVIDIA GeForce 8600 or ATI Radeon 2600 |
HDD | 25 GB of free Hard Drive space |
OS | Windows 7 |
ยกเครื่องใหม่ตั้งแต่รากฐาน
เดิมทีนั้นโลกของ WoW ถูกออกแบบมาให้เป็นโลกที่มีเนื้อเรื่องหลังจากเหตุการณ์ใน The Frozen Throne เป็นเวลา 4 ปี ซึ่งทาง Blizzard เห็นว่าแม้จะมีการพัฒนาระบบและปรับปรุงเพิ่มเติมสิ่งใหม่ๆ เข้าไปในเกมอยู่เสมอ แต่ตัวแกนหลักของเกม อย่างสภาพแวดล้อมและเควส ยังคงเป็นของเก่าที่มีอายุหกปีอยู่เช่นเดิม ซึ่งถือว่าล้าสมัยเกินไปแล้ว Blizzard จึงได้ทำการผ่าตัดเปลี่ยนแปลงและออกแบบเควสเลเวล 1 – 60 ใหม่ทั้งหมด เพื่อให้สอดคล้องกับสภาพแวดล้อมใหม่ด้วย ทำให้ตอนนี้โลกของ WoW กลายเป็นโลกของ Cataclysm ซึ่งมีเนื้อเรื่องหลังจากจบเหตุการณ์ใน Wrath of the Lich King
ผู้เล่นจะได้ออกผจญภัยในดินแดน Azeroth ที่แตกเป็นเสี่ยงเพราะการมาของเดทวิง อีกทั้งสงครามระหว่าง Horde และ Alliance ก็ปะทุขึ้นทั่วทุกหัวระแหง เควสที่ผู้เล่นได้รับจึงมีเนื้อหาที่เข้มข้น เชื่อมโยงกับวิกฏติการณ์ของแต่ละพื้นที่ ซึ่งเควสที่ออกแบบใหม่นี้ทั้งเข้าใจง่ายและมีเนื้อเรื่องน่าติดตาม นอกจากนี้ในเมืองใหญ่แต่ละเมืองยังมีบอร์ด Warchief Command หรือ Heroes Call (แล้วแต่ Faction ของผู้เล่น) ซึ่งทำหน้าที่เหมือนตัวนำทางที่จะบอกผู้เล่นว่าเลเวลนี้ควรจะไปที่ไหน ทำให้การเก็บเลเวลเป็นไปอย่างสะดวกและสนุกสนาน แม้แต่ผู้เล่นที่เก่าที่เคยผ่านส่วนนี้มาแล้วก็ยังอยากจะสร้างตัวใหม่เพื่อมาเล่นในโลกที่ถูกออกแบบใหม่นี้กันเลยทีเดียว
นอกเหนือจากสภาพแวดล้อมและตัวเควสแล้ว อีกอย่างที่ถูกยกเครื่องใหม่ก็คือระบบทาเลนท์ของเกม ซึ่งถูกออกแบบใหม่ให้มีความซับซ้อนน้อยลงโดยไม่เสียความหลากหลายในการเลือกใช้ นอกจากนี้ยังปรับสมดุลของทาเลนท์และสกิลต่างๆใหม่หมด ทำให้เมคานิกการเล่นต้องเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง ผู้เล่นเกือบทุกคลาส ทุกสาย ต่างก็ต้องเรียนรู้วิธีการเล่นที่ถูกต้องของคลาสตัวเองใหม่ ให้ความรู้สึกที่แตกต่างแม้จะเล่นคลาสเดิมก็ตามที ความเปลี่ยนแปลงนี้ยังทำให้แต่ละคลาสเล่นง่ายขึ้น แต่ก็ต้องอาศัยการฝึกฝนพอสมควรเพื่อจะดึงประสิทธิภาพสูงสุดออกมาได้ นับเป็นการออกแบบที่ถูกรังสรรค์ขึ้นมาเป็นอย่างดี
ดินแดนที่แท้จริงของ Cataclysm
ที่กล่าวถึงมาทั้งหมดนั้นเป็นส่วนที่ Blizzard มอบให้กับผู้เล่นทุกคนที่มี WoW ไว้ในครอบครองฟรีๆเท่านั้น แต่ดินแดนที่แท้จริงของ Cataclysm จะอยู่ในส่วนของเลเวล 80 ? 85 ซึ่งเฉพาะผู้ที่ซื้อ Cataclysm เท่านั้นจึงจะสามารถปลดล็อคมันได้ โดยเนื้อเรื่องของ Cataclysm จะนำคุณเข้าสู่ดินแดนใหม่ 5 แห่ง คือ Hount Hyjal, Vasj?ir, Deepholm, Uldum, และ Twilight Highland โดยผู้เล่นจะถูกขับเคลื่อนโดยเควสทั้งที่เกี่ยวและไม่เกี่ยวข้องกับเดทวิง นำพาไปกู้วิกฤติในดินแดนแต่ละแห่ง เช่นที่ Mount Hyjal ที่ตั้งของ World Tree ซึ่งหลายๆคนคงจะรู้จักกันดี ก็กำลังถูกโจมตีโดย Twilight Cult สมุนของเดทวิง ด้วยเจตนาที่จะโค่น World Tree ลง เพื่อทำให้ดินแดน Azeroth ต้องล่มสลายไปโดยสมบูรณ์ หรือที่ Uldum ดินแดนที่มีกลิ่นอายของอียิปต์โบราณให้คุณได้ผจญภัยและไขปริศนาอันลี้ลับในโบราณสถาน แต่ละพื้นที่นั้นต่างก็มีเอกลักษณ์เป็นของตัวเองทั้งในแง่ของสภาพแวดล้อมและรูปแบบการเล่น ซึ่งจะมอบประสพการณ์อันแปลกใหม่ให้กับผู้เล่นได้เป็นอย่างดี
โลกใหม่กับความท้าทายที่เหนือระดับ
สำหรับผู้ที่เคยเล่น WoW มาก่อน โดยเฉพาะในช่วงปลายแพทช์ของ Wrath of the Lich King นั้นอาจจะกังขาว่าเกมจะมีความท้าทายใหม่ๆ อะไรมานำเสนอ หรือสิ่งที่นำเสนอจะมีความท้าทายสักแค่ไหน เพราะในช่วงท้ายแพทช์ของ WotLK นั้น แต่ละคลาสนับว่ามีความสามารถที่เพิ่มขึ้นมาก จนดูว่าอะไรๆ ก็ง่ายดายไปหมด แต่เมื่อก้าวเข้าสู่ Cataclysm แล้วขอให้ลืมเรื่องราวที่ผ่านมาทั้งหมดนั้นไปซะ เพราะโลกที่คุณจะได้พบต่อไปนี้เป็นโลกที่จะแบ่งแยก ระหว่างผู้เล่นธรรมดา และผู้เล่นระดับสูงได้อย่างชัดเจน ผ่านทางความโหดหินของดันเจียนในแพทช์นี้
ด้วยการปรับเปลี่ยนเมคานิกของเกมใหม่เกือบทั้งหมด ทำให้ในแพทช์ก่อนหน้านั้นเหล่า Tank หรือ DPS มีความสามารถอยู่ในระดับที่เหนือมาตรฐานก็จริง แต่สำหรับ Healer นั้นกลับถูกใช้เป็นกุญแจสำคัญของ Blizzard ในการบังคับให้ผู้เล่นทุกคนในทีมจะต้องเค้นความสามารถทุกอย่างที่มีออกมาใช้ เพื่อไม่ให้เป็นภาระของ Healer เนื่องจากในแพทช์นี้ Healer ได้ถูกปรับให้สามารถใช้สกิลฮีลได้เท่าที่จำเป็นเท่านั้น กล่าวคือสำหรับการฮีล Tank อย่างเดียวนั้นไม่เป็นปัญหา แต่หาก DPS ไม่สามารถหลบดาเมจที่ควรจะหลบได้ ทำให้ Healer ต้องหันไปฮีลบ่อยๆ มานาก็จะหมด ส่งผลให้เกิดการไวป์ตามมาเพราะ Tank ตาย หรือถ้า DPS ทำดาเมจไม่ทัน การต่อสู้ยืดเยื้อนานไป Healer ก็จะมานาหมด และทำให้ตายยกเหรดเช่นกัน
ด้วยเหตุผลที่กล่าวมานี้ ทำให้การเล่นเป็นปาร์ตี้ใน Cataclysm ต้องอาศัยความสามาถเฉพาะตัวของผู้เล่นทุกคนทุกตำแหน่ง และในระดับที่สูงด้วย เพราะไม่มีใครสามารถชดเชยความผิดพลาดให้กันได้อีกแล้ว นอกจากนี้ความยากของมอนสเตอร์และบอสก็ยังอยู่ในระดับที่สูงขึ้นมาก รูปแบบการต่อสู้ประเภทวิ่งลากๆ ฆ่าๆไปทีละกลุ่มนั้นแทบจะใช้ไม่ได้อีกแล้ว โดยเฉพาะในความยากระดับ Heroic ผู้เล่นต้องกลับไปเรียนรู้วิธีการใช้ Crowd Control ลดจำนวนศัตรูที่ต้องสู้ในแต่ละครั้งลงให้เหลือน้อยที่สุด เพื่อลดความยากในการปะทะลง และแม้แต่มอนสเตอร์รายทางก็ยังต้องใช้ Strategy ที่ถูกต้องในการเผชิญหน้า มิฉะนั้นก็ไม่สามารถเอาชนะได้ นี่คือความท้าทายที่ Cataclysm นำเสนอ
ถามว่าอะไรที่ไม่เปลี่ยนจะง่ายกว่า
อย่างที่ได้เกริ่นไปก่อนหน้า ว่าความจริงแล้วการมาของ Cataclysm นำมาซึ่งความเปลี่ยนแปลงอีกมากมายเกินกว่าที่จะเอ่ยได้หมด กราฟฟิคของเกมที่ใช้เอนจิ้นอายุสิบปีก็ถูกอัพเกรดให้สวยงามขึ้น, คัทซีนมากมายที่คุณจะได้พบในระหว่างการทำเควส, ระบบรับ ? ส่งเควสระยะไกลสำหรับเควสต่อเนื่อง เพื่อไม่ให้ผู้เล่นต้องเดินย้อนไปย้อนมาโดยเปล่าประโยชน์, ผู้เล่นสามารถบินได้ในดินแดน Azeroth, และอื่นๆอีกมากมาย สารพัดข้อดีที่เอ่ยถึงได้ไม่หมดโดยแทบจะไม่มีข้อเสียเลยนี้เองที่ทำให้ Cataclysm มาตอกย้ำความเป็นราชันย์แห่งเกมออนไลน์ของ World of Warcraft ให้มั่นคงขึ้นไปอีก และคงจะเป็นเช่นนี้ต่อไปอีกนานเท่านาน
Blizzard ได้ทำการรื้อ World of Warcraft แบบเก่าทิ้งเกือบทั้งหมด แล้วประกอบมันขึ้นใหม่อย่างพิถีพิถันด้วยความคิดสร้างสรรค์ที่เหนือกว่าเดิมหลายเท่า ด้วยเนื้อเรื่องที่ให้อารมร่วมชนิดที่คุณไม่คาดคิดว่าจะได้รับจากเกมออนไลน์ ผ่านรูปแบบการนำเสนอที่ชาญฉลาด และประสพการณ์ในการเล่นที่ยากจะหาเกมไหนมาทัดเทียมได้ ต้องพูดว่า Cataclysm คือผลงานที่สมบูรณ์แบบที่สุดเท่าที่จะมีได้ในเวลานี้อย่างไม่ต้องสงสัย
ข้อดี: ดินแดนใหม่ที่นำเสนอด้วยเรื่องราวอันเข้มข้น, ตัวเกมพัฒนาขึ้นในทุกๆด้าน, ความท้าทายอีกระดับสำหรับผู้เล่นมือเก๋า
ข้อเสีย: ราคากล่องครบชุดอาจจะแพงไปนิด, ดันเจียนใน Cataclysm ต้องการทักษะของผู้เล่นระดับสูง ทีมเวิร์คที่ดีเยี่ยม และใช้ความทุ่มเทในระดับหนึ่งด้วย อาจไม่เหมาะกับผู้เล่นที่ห่วย หรือคนที่อยากเล่นชิลๆ สบายๆ สักเท่าไหร่
โดยรวม: ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไม WoW จึงเป็นเกมที่มีผู้เล่นนับสิบล้านคน และเพิ่มขึ้นเรื่อยๆทุกปี เพราะนี่คือหนึ่งในเกมที่ใส่ใจในการพัฒนาอยู่เสมอ และกล้าที่จะเปลี่ยนแปลง ตัดส่วนที่คิดว่าไม่ดีออกไปโดยไม่ลังเล เพื่อให้ได้เกมที่ดีที่สุด และ Cataclysm นี่แหละคือมาตรฐานใหม่ที่ Blizzard ยกระดับเกมออนไลน์ของตัวเองให้สูงล้ำขึ้นไปอีกขั้น หากคุณเบื่อกับเกมออนไลน์ที่ ?ฟรีไม่จริง? เอาแต่สูบเงินผู้เล่นผ่านไอเท็มมอล และอยากจะเล่นเกมออนไลน์ที่ให้ทุกอย่างกับผู้เล่นโดยไม่มีกั๊ก ก็ขอให้พิจารณา World of Warcraft ดู รับรองว่าจะไม่ผิดหวังอย่างแน่นอน