ต่อไปจะมาดูในส่วนคีย์บอร์ดกันบ้าง ลักษณะของการจัดวางก็เป็นแบบ chiclet ที่มีระยะห่างระหว่างปุ่มพอดีๆ ตัวปุ่มก็สามารถกดลงไปได้ง่ายทีเดียว นอกจากนี้ทางด้านขวาก็ยังมี numpad มาให้อีกด้วย
แน่นอนสำหรับ keyboard ของชาว gamer ย่อมมีการทำอะไรซักอย่างกับปุ่ม W, A, S, D เป็นแน่แท้ MSI GE620 นี้ก็เช่นกัน โดยได้มีการแปะสติ๊กเกอร์สีแดงเพื่อให้เห็นปุ่มได้อย่างชัดเจน แต่ไม่มีไฟส่องให้นะครับ มีแค่สติ๊กเกอร์เท่านั้น
มาดูกันที่แผงฟังก์ชันที่ต้องกดปุ่ม fn เพื่อเรียกใช้งานกันบ้าง ตัวที่เด่นๆก็ได้แก่
- Fn+F4? เพื่อเรียกโปรแกรมที่ต้องการโดยเราต้องตั้งค่าไว้ว่าจะให้เป็นโปรแกรมใด
- Fn+F5? เพื่อใช้งาน ECO Engine (ใช้ปรับโหมดการใช้พลังงาน มีด้วยกัน 4 โหมดคือ Movie Mode, Game Mode, Presentation Mode, Office Mode หรือเลือกปิดฟังก์ชันนี้ก็ได้)
- Fn+F8? เปิด-ปิด WLAN
- Fn+F10 เปิด-ปิด modem 3G (ในรุ่นนี้ไม่มีตัวโมเด็มติดตั้งมาให้ครับ)
ในส่วนของปุ่มลูกศรทั้ง 4 ก็มีการใช้สีแดงเพื่อความโดดเด่น และยังมีการใส่ฟังก์ชันมาในปุ่มอีกเช่นกัน
หน้าตาของ numpad ที่มีการเน้นสีแดงมาอีกเช่นกัน
ลงมาดูแถวล่างกันบ้าง เริ่มจากสติ๊กเกอร์แสดงสเปกที่เคยเรียกความฮือฮาใน Facebook ไปแล้ว
ขอข้ามมาดูทางขวาก่อนนะครับ ทางฝั่งนี้ก็จะมีสติ๊กเกอร์รับรองแปะมากมายไปหมด ไม่ว่าจะเป็นการรับรองด้านการประหยัดพลังงาน // ใช้ NVIDIA แล้วรวย // Intel Core i7 อยู่ข้างในนะ // เรามากับ Windows 7 // เสียงกระโห้กระหึ่มด้วย THX TruStudio Pro
ย้อนมาที่ touchpad กัน ตัวพื้นผิวจะมีลักษณะเป็นจุดๆ ทำให้รู้สึกว่าขรุขระ ผิวไม่เรียบพอสมควร แต่ก็ช่วยให้สามารถใช้งาน touchpad ได้อย่างไม่มีสะดุดครับ เพราะจุดๆเหล่านี้นี่ล่ะที่ช่วยลดแรงเสียดทานในการใช้งาน ตัวปุ่มกด touchpad ก็ดีไซน์ออกมาเป็นแท่งเดียวมีสองปุ่มซ้ายขวา การกดค่อนข้างยากและมีเสียงดังพอสมควร จุดแข็งของ touchpad นี้ก็คือมันสามารถใช้ gesture (ลากนิ้วแบบต่างๆ เพื่อการทำงานที่ต่างกันไป) แบบมัลติทัชได้ เช่น ใช้ 3 นิ้วเพื่อคลิกขวา ใช้นิ้ว 2 นิ้วแล้วลากนิ้วนึงเพื่อซูมเข้า-ออกรูป อะไรประมาณนี้ ซึ่งต้องทำการศึกษาจากในคู่มือครับ เพราะมีหลายรูปแบบอยู่เหมือนกัน
ปุ่มเล็กๆนี้ ใช้สำหรับเปิดปิด touchpad (แต่อันที่จริงก็สามารถเปิดปิดได้โดยปุ่ม Fn+F3 เหมือนกันนะ) ที่ถ้าใช้งานอยู่จะไม่มีไฟติด
ส่วนถ้าเราปิด touchpad ก็จะมีไฟสีส้มขึ้นมาครับ
เหลือบลงมาด้านล่าง จะเห็นว่าใต้ touchpad เป็นส่วนที่มีการแสดงสถานะการทำงานของเครื่อง โดยถ้าใช้งานอยู่ก็จะมีไฟสีฟ้าขึ้นมาอย่างในภาพ สถานะทั้ง 7 ได้แก่ การทำงาน HDD, Bluetooth, WLAN, Battery, Caps Lock, Num Lock และ Sleep
จับขึ้นชั่งน้ำหนักกันบ้าง น้ำหนักของตัวเครื่องอย่างเดียว+battery ประมาณ 2.5 kg ครับ ถือว่าหนักใช้ได้เลย
เมื่อรวม adapter กับสายไฟแล้ว รวมน้ำหนักได้ 3.3 kg หนักเลยละครับคราวนี้ เนื่องด้วย adapter ที่หนักร่วมครึ่งกิโล
ส่วนการเชื่อมต่อต่างๆรอบเครื่อง ไล่จากด้านหน้าก็จะมีเพียงแค่ Card Reader กับลำโพงอีก 2 ตัวซ้ายขวาเท่านั้นเอง
ช่องแนวยาวเล็กๆนั่นละครับ ช่อง Card reader ที่ถูกซ่อนมาเป็นอย่างดี
มาดูต่อทางด้านขวา ไล่จากซ้ายไปก็จะพบ DVD-writer, USB 2.0, VGA (D-Sub), LAN
ส่วนด้านหลัง ไม่มีอะไรเลย
ทางด้านซ้าย ไล่จากซ้ายมาจะพบ Kensington Lock, ช่องเสียบสาย Adapter, ช่องระบายอากาศ, HDMI, USB 3.0 จำนวน 2 พอร์ตติดกัน, Mic และ Audio
ดูกันชัดๆกับช่องระบายความร้อนครับ เดี๋ยวเราจะมาดูกันว่าช่องแค่นี้ จะเพียงพอหรือไม่
ปิดท้ายหน้านี้ด้วย USB 3.0 ทั้ง 2 พอร์ตครับ หน้าต่อไปเราจะมุดลงสู่เบื้องล่างและซอกซอนเข้าไปภายในกัน ถ้าพร้อมแล้ว คลิ๊กไปหน้าถัดไปกันเลยครับ