มาถึงอุปกรณ์ชิ้นสุดท้ายกันแล้วนะครับกับ Ozone Attack ชุดหูฟังแบบ Stereo Full-Size มาในโทนสีดำ-แดง ( ผลิตภัณฑ์ของ Ozone เขาดำ-แดงทั้งหมดนั่นแหละครับ )
Package เป็นกระดาษแข็งมีบางส่วนที่เป็นพลาสติกใสเผยให้เห็น Ear-Cup ด้านในทั้งสองข้าง ด้านหน้ามีคุณสมบัติบ่งบอกไว้เช่นเคย อาทิ สามารถปรับระดับได้ , รองรับระบบเสียง Stereo
ด้านหลังเองก็เช่นกันมีบอกคุณสมบัติต่างๆไว้เหมือนกับด้านหน้า นอกจากนั้นก็มี Specification กำกับไว้ด้านล่าง
Microphone
- Mic Dimensions: ?6.0 x 5.0mm
- Directivity: Omnidirectional
- Impedance: ?2.2K?
- SPL: -38dB?3dB
Headphones
- Driver Dimensions: ?40mm
- Impedance: 32?
- Frequency: Response 15~25kHz
- Sensitivity (SPL): 98dB?3dB
General
- Cord Length: 2.5m
- Plug: 3.5mm jack x2 (headphones + mic)
- Net Weight: 258g
Ozone Attack เป็นหูฟังแบบ Stereo วัสดุที่ใช้ทำจากพลาสติกเป็นหลัก พื้นผิวด้านนอกถูกหุ้มยางไว้แทบทั้งตัว
บริเวณ Ear-Cup ทั้ง 2 ข้างมีลวดลายพลาสติกสีแดงตัดดำ ( เป็นลักษณะ 2 ชั้น ) ซึ่งทั้ง 2 ข้างนั้นจะมีโลโก้ Ozone Attack บ่งบอกไว้อย่างชัดเจนครับ
แกนของ Ozone Attack ทำจากพลาสติก ตรงนี้ผมคิดว่าพลาดอย่างมหันต์เลยทีเดียว เพราะผมเองก็ใช้หูฟังมามาก หูฟังที่แกนเป็นพลาสติกเมื่อใช้ไปนานๆหรือหากไม่ระมัดระวังจะแตกหักเอาง่าย แต่พลาสติกที่ใช้นั้นยังเหนียวอยู่พอสมควรเหมือนกัน , Ozone Attack สามารถปรับยืดความยาวได้ 7 Step หรือประมาณ 5 เซนติเมตร
ไมโครโฟนที่ใช้ทำจากวัสดุพลาสติกเคลือบยางเหมือนกับส่วนอื่นๆ ไม่สามารถถอดแยกออกได้ หากไม่ต้องการใช้งานก็หมุนปรับขั้นไปเพียงเท่านั้นเองครับ เกลียวยามหมุนนั้นมีความแน่นหนา สามารถปรับระดับได้ง่าย หลังจากทดสอบทั้งเล่นเกมและใช้พูดคุยผ่าน Skype พบว่าเสียงที่ได้มีความคมชัด ส่วนเรื่องการตัดเสียงรบกวนจากภายนอกนั้นอยู่ในระดับกลางๆ คือ ไม่ได้ดีมากนั่นเอง
Ear-Cup เป็นฟองน้ำที่ถูกหุ้มด้วยหนังเทียม มีความนุ่มพอสมควร ตัว Ear-Cup นั้นสามารถครอบใบหูได้อย่างมิดชิดดีครับ แต่เรื่องการตัดเสียงรบกวนภายนอกอันนี้ต้องขอตินิดหน่อย เพราะยังไม่ดีเท่าที่ควร เสียงภายนอกยังเล็ดลอดเข้าไปได้ในระดับหนึ่ง , ส่วน Driver ที่ให้มานั้นมีขนาด 40 มิลลิเมตร ถือว่าเป็นมาตรฐานของหูฟังขนาด Full-Size ทั่วไป
ส่วนฟองน้ำที่รองรับศีรษะด้านบนเป็นแบบชิ้นเดียว ไม่สามารถถอดแยกได้ดังที่เคยเห็นในหลายๆรุ่น โดยฟองน้ำนั้นจะถูกหุ้มด้วยหนังเทียมอยู่อีกชั้นหนึ่ง หลังจากทดลองใส่เป็นระยะเวลานานพบว่าสามารถใช้งานได้อย่างต่อเนื่องโดยไม่เมื่อยล้า ( ไม่ล้าหัว แต่หูผมล้าแล้วครับ ฟังนานเกิน )
บริเวณสายมีรีโมทสำหรับควบคุมการเปิดไมโครโฟน พร้อมทั้งตัวปรับระดับโวลุ่มเสียง ด้านหลังมีคลิปหนีบสำหรับติดกับเสื้อยามใช้งาน
ในเรื่องของการเชื่อมต่อนั้นสามารถทำได้ผ่านพอร์ตแจ็คขนาดมาตรฐาน 3.5 มม. โดยแยกเป็น 2 เส้นระหว่างหูฟังกับไมโครโฟน , สายที่ให้มานั้นมีความยาวมากถึง 2.5 เมตร เรียกว่าลุกไปทำธุระหรือหยิบสิ่งของที่อยู่ใกล้ๆได้โดยไม่ต้องถอดชุดหูฟังออก นอกจากนั้นแล้วสายเองยังมีลักษณะหุ้มเชือกอีกด้วย ใครที่กังวลว่าจะเป็นแบบ USB แล้วนำไปใช้กับอุปกรณ์อื่นไม่ได้ สบายใจได้ครับ สามารถนำไปใช้กับอุปกรณ์อื่น อาทิ โทรศัพท์ , Mp3 ได้แบบสบายๆ ถ้าไม่ติดใจตรงไมโครโฟน