ส่วนเรื่อง Software นั้นออกเเบบมาให้ใช้ง่ายพอควรครับ ใช้เวลาเรียนในการใช้เจ้า Software ตัวนี้ (WD Smartware) ไม่นานเท่าไหร่ก็ใช้เป็นเเล้ว
?
สามารถตั้งชื่อ (Label) ให้กับตัวฮาร์ดดิสเราได้ด้วย ซึ่ง ณ ตอนนี้ผมตั้งชื่อให้มันว่า “My Book”
นอกจากนี้เรายังสามารถ ตั้ง Password (Security) ให้กับ My Book Elite ของเราได้ด้วย ซึ่งจะมีระบบป้องกันการ Hack ด้วยระบบ Encryption 256-bit ซึ่งเราต้องจำ Password ของให้ได้เเม่นนะครับ เพราะถ้าลืมมันจะลบข้อมูล Backup ทั้งหมดของเราอย่างเดียวไม่มีกู้คืนเลยครับ เพื่อกันการขโมยข้อมูลฮาร์ดดิสกันครับ
เรายังสามารถทำการ Backup ข้อมูลได้อย่างง่ายดายโดยในการกดปุ่มเเค่ปุ่มเดียว ซึ่งเราสามารถเลือกของที่จะ Backup ได้ด้วยใน Detailed View เช่น Pictures, Other, Music, Movies, เเละ Document เเต่ในที่นี้ผมเลือกที่จะ Backup ทั้งหมด
การ Retrive (กู้ข้อมูล Backup) ก็ทำได้ง่านเหมือนการ Backup เช่นกัน เเละสามารถเลือก Directory (เส้นทาง) ได้ว่าจะกู้คืนไปที่ไหน หรือจะซ้ำที่เดิมของไฟล์ก็ได้ครับ
ความเร็วในการกู้คืนไฟล์นั้นจะเร็วกว่าเวลา Backup พอควร ซึ่งไฟล์ทุกอันถูกกู้คืนอย่างสมบูรณ์เเบบ
ถึงเนื้อที่ของ My Book Elite จะมีให้ถึง 2TB เเต่ก็ต้องเสียไปมากกว่า 200GB ตามธรรมชาติของฮาร์ดดิสที่ต้องเเบ่งเนื้อที่บางส่วนไปกับพวกระบบฮาร์ดดิสเเละก็ Software ในตัว
ความเร็วของ My Book Elite นับว่าทำความเร็วได้ดีอยู่ ซึ่งความเร็วนั้นวิ่งอยู่ในระหว่าง 10 – 50MB/วินาที
ความเร็วในการอ่านข้อมูลนับว่าดีในระดับหนึ่ง สำหรับฮาร์ดดิสที่ยังใช้ระบบมาตรฐาน USB 2.0 อยู่
My Book Elite นั้นถือเป็นฮาร์ดดิสที่เหมาะสำหรับคนที่มีข้อมูลเยอะเเละต้องการพื้นที่ฮาร์ดดิสที่สูงเป็นหลัก โดย My Book Elite นั้นอาจไม่เหมาะกับการพกพาเท่าไหร่ เพราะมีขนาดที่ใหญ่กว่า My Passport โดยทั่วๆ ไปอยู่พอควร เเล้วยังต้องพก AC Adapter ไปมาในการใช้งานอีกด้วย โดยผมขอสรุปว่า My Book Elite นั้นถือเป็นอีกหนึ่งฮาร์ดดิสสำหรับการ Backup ข้อมูลได้ดีเเล้วยังมี Software ที่สามารถใช้งานได้ง่ายอีกด้วย
?