เมาส์เป็นหนึ่งในอุปกรณ์สำคัญสำหรับใช้งานคอมพิวเตอร์ในปัจจุบัน ถึงแม้ว่าในขณะนี้จะมีระบบสัมผัมจำพวก Touchpad หรือ Touchscreen เพื่อมาแทนที่ แต่ถึงกระนั้นก็คงปฏิเสธไม่ได้ว่าเมาส์ยังเป็นอุปกรณ์ที่ผู้ใช้อย่างเราๆถนัดมากที่สุด เมาส์เองก็มีมากมายหลายรุ่น
ในปัจจุบันเทคโนโลยีของเมาส์นั้นสามารถใช้งานบนพื้นผิวที่เป็นกระจกได้เรียบร้อยแล้ว ดังเช่นที่เคยได้รีวิวให้ดูไปครั้งก่อนกับเทคโนโลยี Darkfield ของ Logitech นอกจากนั้นปัจจุบัน Sensor ของเมาส์นั้นถูกพัฒนาให้เป็น Laser เพื่อแทนที่ Optical ด้วยคุณสมบัติที่แม่นยำกว่า ใช้งานบนพื้นผิวต่างๆได้ดีกว่า นอกจากนั้นเมาส์ยังมีให้เลือกทั้งแบบมีสายและไร้สายอีกด้วย เราจะมาดูกันครับว่าเราจะเลือกเมาส์อย่างไรให้เหมาะสมกับการใช้งานมากที่สุด
DPI คืออะไร ? DPI หรือ dot per inch ถ้าแปลตามตัวก็คือหน่วยที่บอกว่าภายในพื้นที่ 1 ตารางนิ้วมีทั้งหมดกี่จุด ยกตัวอย่างเช่น 1000 DPI เลื่อนไประยะ 1 นิ้ว ได้ค่าว่าเลื่อนไป 1000 หน่วย แต่ถ้าเมาส์มี DPI แค่ 500 เลื่อนในระยะ 1 นิ้วเท่ากัน ได้ค่าว่าเลื่อนไป 500 หน่วย ต้องเลื่อนถึง 2 นิ้วเพื่อให้ได้ค่าเท่ากัน ซึ่งค่า DPI จะมีผลมากในเกม FPS หรือเกมจำพวก Shooting ที่ต้องการใช้ความว่องไวสูง ถึงแม้ว่า Windows จะสามารถปรับ sensitivity เพื่อชดเชยความเร็วได้แต่ถึงกระนั้นความแม่นยำก็จะลดลงเพราะมีค่า DPI ที่ต่ำกว่านั่นเอง
สิ่งที่ควรคำนึงเมื่อมองหาเมาส์อันใหม่
การเลือกเมาส์ที่ดีนั้นสิ่งที่ต้องคำนึงเป็นอย่างแรกสุดไม่ใช่ความสวยงาม ( เพื่อนผมบางคนล่อซื้อเมาส์มีไฟ LED 7 สีกระพริบตลอด ) แต่ควรจำคำนึงถึงความถนัดในการจับและจุดประสงค์ของการใช้งานเสียก่อน โดยเมาส์ส่วนใหญ่นั้นถูกออกแบบมาให้เข้ากับมือขวาเป็นหลัก แต่ก็ยังมีเมาส์อีกหลายๆตัวที่รองรับแบบทั้งสองมือ ยกตัวอย่างง่ายๆ ถ้าคุณต้องการซื้อเมาส์เพื่อไปทำงานเอกสาร คงไม่จำเป็นต้องซื้อเมาส์ขนาด 5600 DPI เพื่องานนี้ แต่ ถ้าหากคุณเป็น Gamer หรือทำงานที่เกี่ยวข้องกับการตัดต่อภาพบนหน้าจอขนาดมโหฬารแล้วละก็ DPI น้อยไม่ทันกินแน่
ปุ่มพิเศษ ( Macro key )
รู้หรือไม่ว่าปุ่มพิเศษเหล่านี้ช่วยให้คุณทำงานได้รวดเร็วขึ้น ไม่ว่าจะเป็น Gamer ตัวยงหรือพนักงาน Office ที่ง่วนอยู่กับเอกสารบนคอม เพราะปุ่มเหล่านี้สามาถตั้งค่าต่างได้มากและสามารถกำหนด Key ต่างๆได้ตามต้องการ โดยเฉพาะขาเกม RTS หรือ MMORPG ทั้งหลายซึ่งเกมเหล่านี้มักมีคีย์ลัดอยู่มากมาย
( เมาส์ที่มีปุ่มพิเศษสำหรับเกมเมอร์ )
(ปุ่มพิเศษอันมากมายสำหรับเมาส์ Office)
Sensor
ชนิดของ Sensor ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่สำคัญเหมือนกันมีให้เลือกกันมากมายในปัจจุบันที่เห็นได้ทั่วไปก็มี Optical , Laser , BlueTrack (Microsoft) , Darkfield (Logitech) ในบรรดา Sensor เหล่านี้การเลือกซื้อให้เหมาะสมกับงานและ Life Style ก็เป็นเรื่องสำคัญอยู่เหมือนกัน ในปัจจุบัน Sensor รุ่นล่าสุดคงหนีไม่พ้น Darkfield ที่ออกมาเบียดคู่แข่ง BlueTrack เท่าที่ได้เคยทดสอบด้วยตัวเองนั้น BlueTrack เองยังมีข้อจำกัดในเรื่องการใช้งานบนกระจกใสที่ไม่สามารถใช้ได้เหมือนกับ Darkfield แต่ถ้าที่บ้านหรือที่ทำงานไม่ใช่ตกกระจกหรือพื้นที่ที่เป็นผิวมันลื่นแล้วละก็แค่ Laser ก็เหลือแล้วละครับ
(เมาส์จาก Microsoft ที่ใช้เทคโนโลยี BlueTrack)
(Logitech M905 ที่ใช้เทคโนโลยี Darkfield ล่าสุด)
ไร้สายมีสายเลือกอย่างไหนดีละ ?
ผู้ใช้งานบางคนอาจไม่เคยใช้เมาส์แบบไร้สายมาก่อน ข้อดีของมันที่เหนือกว่าแบบมีสายคือ พกพาง่าย หมดปัญหากวนใจสายพันยุ่งเหยิง แต่สิ่งที่จะเป็นภาระตามมาคือ Battery เพราะเมาส์ไร้สายต้องพึ่งพลังงานจากถ่านหรือ Battery เป็นหลัก ถ้าเป็นบรรดาเกมเมอร์แล้วละก็แนะนำให้มองหาแบบมีสายจะดีกว่านะครับ เพราะคงไม่อยากที่จะเล่นเกมเพลินๆอยู่แล้วก็หยุดกึกไปดื้อๆ ( เมาส์ถ่านหมด !! ) รวมทั้งค่า Delay หรือ Lag time ที่พบบ่อยในเมาส์ไร้สาย ซึ่งในปัจจุบันเมาส์แบบไร้สายเองก็มีทั้งแบบที่ใช้ Receiver แบบ Bluetooth ข้อดีของ Bluetooth คือไม่ต้องพึ่ง Receiver ตัดปัญหาจุกจิกเรื่อง Receiver หายไปได้เลย แต่ข้อดีของ Receiver ก็มีครับ อย่างเช่น เทคโนโลยี Unifying ของ Logitech ที่สามารถเชื่อมต่ออุปกรณ์ทั้งหมด 6 ตัวเข้ากับ Receiver เพียงตัวเดียว
(Unifying Receiver จาก Logitech ที่สามารถเชื่อมต่ออุปกรณ์พร้อมกันถึง 6 ตัวด้วย Receiver เพียงตัวเดียว)
คุณสมบัติพิเศษอื่นๆละ ? จำเป็นไหม ?
เมาส์ในปัจจุบันมีคุณสมบัติเสริมเหล่านี้มากมาย ควรจะศึกษาก่อนทำการซื้อ ซึ่งคุณสมบัติเหล่านี้ก็จะแตกต่างกันไปในแต่ละรุ่นแต่ละยี่ห้อ ยกตัวอย่างเช่น ตุ้มถ่วงน้ำหนักสำหรับเมาส์ Gamer , Hyper Fast-Scrolling สำหรับเลื่อนหน้าจอแบบรวดเร็ว , Profile Switch สำหรับเลือกรูปแบบในการใช้งาน สิ่งเหล่านี้เป็นผู้ช่วยตัวเก่งเลยทีเดียว ยกตัวอย่างระบบ Hyper Fast-Scrolling จาก Logitech ที่หลังจากทดลองใช้พบว่าเหมาะสำหรับผู้ใช้งานที่ต้องเลื่อนหน้า Page เอกสารจำนวนมากหรือขาท่องเว็บไซต์ ที่ลากเพียงนิดเดียว ปื้ด!! ไปไกลกว่าปกติมากๆ สมมุติว่าเพื่อนๆมีเอกสารที่ต้องแก้ 100 หน้ามานั่งเลือก Scroll Wheel ทีละนิดคงไม่ทันกินเป็นแน่ หรือจะเป็นเรื่องของตุ้มถ่วงน้ำหนักที่สำคัญมากสำหรับบรรดา Gamer เพราะแต่ละคนมีความถนัดไม่เท่ากันนั่นเอง
(ระบบ Hyper Fast Scrolling ในเมาส์ปัจจุบัน)
ราคาปัจจัยสำคัญ
เมาส์เองก็มีหลากหลายราคาตั้งแต่หลักสิบไปจนถึงครึ่งหมื่น ในตลาดขณะนี้เมาส์นั้นมีมากมายให้เลือกเกลื่อนกลาดทั้งยี่ห้อดีๆและจีนแดง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าของจีนแดงจะห่วยซะเสมอไปนะครับ เจ๋งๆก็มีอยู่มาก ยกตัวอย่างเช่นเมาส์สำหรับเกมเมอร์ของ Oker ที่ราคาถูกมากๆเหมาะสำหรับบรรดาคนงบน้อย ( อย่างผมเป็นต้น ) แต่อย่าลืมนะครับอะไรคือสิ่งที่จ่ายแพงกว่าเพื่อให้ได้มา ประกัน , วัสดุ , คุณสมบัติ สิ่งที่เหล่านี้เป็นสิ่งที่แลกมากับราคาที่แปรผันตามราคาของเมาส์ ถ้าคิดว่าเมาส์จีนแดงเจ๋งแล้ว ลองไปจับลูบๆคลำเมาส์แบรนด์หรูจะรู้ได้ทันทีว่า วัสดุกับงานประกอบคนละเรื่องกันเลยทีเดียว ดังนั้นการมองหาเมาส์เพื่อนคู่ใจอันใหม่เพื่อจุดประสงค์การใช้งานที่ถูกต้องแล้ว นอกจากจะลดต้นทุนแล้วยังได้คุณสมบัติที่ครบถ้วนและตามจุดประสงค์การใช้งานอีกด้วย