ช่องสำหรับถอดแจ็คออกครับ ทำให้ไม่ต้องกังวัลเครื่องสายขาดใน เพราะหากขาดก็ยังสามารถซื้อมาเปลี่ยนได้อย่างง่ายดาย
ด้านขวาบริเวณมุมจะมี Volume Controller อยู่ครับ ง่ายต่อการใช้งาน
เมื่อใส่ถ่านแบบเปิด Function X-Fi บนตัวหูฟังเองจะมีไฟสีฟ้าแสดงสถานะ ซึ่งแยกออกเป็น 3 ระบบ เท่าที่ผมได้ฟังพบว่า
NC เพิ่มมิติในช่วงความถี่ต่ำ ทำให้เบสที่ได้ออกมามีความโดดเด่นมากยิ่งขึ้น
X-Fi Crystalizer ในโหมดนี้จะเหมือนกับเปิดโหมด 24 bits บน Sound Card เจ๋งๆนั่นแหละครับ ช่วงเพิ่มรายละเอียดในส่วนของต้นเสียงและช่วงปลายเสียงให้เด่นชัดมากยิ่งขึ้น
X-Fi CMSS 3D คือระบบ Virual Surroud หรือจำลองระบบเสียงรอบทิศทาง ช่วยเพิ่มมิติและทิศทางของเสียงให้ดียิ่งขึ้น ซึ่งหากฟังเพลงแล้ว Sound Stage จะเด่นขึ้นมาอย่างชัดเจนครับ
เท่าที่ลองฟังเสียงที่ออกมาจาก Creative Aurvana X-Fi นั้นจิ้ดจ้าดพอตัวครับ เบสอวบอิ่มไม่บวม เสียงย่านกลางและสูงทำออกมาได้ปานกลางไม่แหลมบาดหูเมื่อฟัง ความดังนั้นหากเปิดสุดลำโพงก็ไม่มีอาการแตกพร่าเท่าไหร่ แต่หูจะแตกแทนครับ และลูกเล่น X-Fi ที่ช่วยทำให้หูฟังจากค่าย Creative ตัวนี้ดูมีราศีและน่าสนใจมากยิ่ง รวมทั้งน้ำหนักและการออกแบบที่ดูดีอาจทำให้หลายคนตัดสินใจเลือกซื้อตัวนี้ก็เป็นได้ครับ