Firefox เองก็เป็นเบราเซอร์ที่ใครหลายๆ คนชื่นชอบและเลือกใช้งานมากไม่แพ้กับ Google Chrome แน่นอน แต่ในตอนนี้ถ้าจะหวังเวอร์ชั่น 64-bit จากทาง Mozilla นั้น อาจจะยากสักหน่อย เพราะยังไม่กลับมาพัฒนาให้ใช้งานได้ มีแต่เวอร์ชั่น 32-bit ให้ใช้งานเท่านั้น แต่คงเพราะ Firefox เป็นโปรแกรมที่เปิดให้ปรับแต่งได้ (Open source) มาด้วย ทำให้หลายๆ คนสามารถนำไปพัฒนาต่อได้ และคงเพราะตอนที่ Firefox 64-bit เปิดตัวออกมานั้นมีผู้นำไปใช้และพัฒนาให้ความเสถียรเพิ่มมากขึ้นและกลับมาในชื่อใหม่ ว่า “Waterfox” นั่นเอง
หน้าตาของโปรแกรมดูเรียบง่ายไม่ต่างอะไรกับ Firefox แฝดผู้พี่เลยแม้แต่น้อย อีกทั้งดูน่ารักกว่าด้วยหน้าตาไอคอนตัวการ์ตูนน่ารักอีกตัวหนึ่ง ใครที่มีพื้นฐานมาจาก Firefox แล้วก็ใช้งานได้ไม่ยากแน่นอน
หน้าต่างเมนูบาร์ไม่ต่างอะไรกันเลยกับ Firefox รวมทั้งมีระบบเข้าสู่เว็บไซต์แบบไม่เปิดเผยตัวตน (Private Browsing) ให้มาด้วย
พอเลือกแล้ว โปรแกรมจะถามความสมัครใจของเราว่าต้องการเปิดแบบ Private Browsing หรือไม่ ถ้าต้องการก็กดที่ “Start Private Browsing” ได้เลย
หน้าตาโปรแกรมจะแตกต่างไปเล็กน้อย ไม่ว่าจะเมนูบาร์ที่กลายจากสีน้ำเงินเป็นม่วง และไอคอนจากหมาป่าน้อยน่ารักเป็นหน้ากากป้องหน้าแทน ถ้าต้องการหยุดการทำ Private Browsing ก็แค่ทำเหมือนเดิมเท่านั้น ก็กลับมาใช้งานในแบบปกติได้แล้ว
สำหรับ Add-ons ที่มีใน Firefox ก็สามารถสั่งเลือกมาติดตั้งได้เหมือนกันใน Waterfox นี้
ใช้เปิดหน้าเว็บไซต์แล้ว จะไม่ต่างกับ Firefox เช่นกัน Add-ons และ Plugins ที่ขาดหายไปก็สามารถกดเพื่อสั่งติดตั้งได้เช่นเดียวกัน พื้นฐานเดียวกัน แต่ว่าความลื่นไหลสมูธนั้น Waterfox มีความนุ่มนวลของ Opera ผสมเข้ามาเล็กน้อยด้วย
ถ้าเคยเปิดหน้าเว็บไซต์ไหนมาก่อนแล้วพิมพ์ที่ URL Bar ก็จะพบว่ามีระบบคาดเดาเว็บไซต์เหมือนกับที่ Google Chrome มีเช่นกัน ทำให้ไม่ต้องพิมพ์จนจบเหมือนกับบางเบราเซอร์ที่ต้องพิมพ์จนหมด สะดวกรวดเร็วเมื่อต้องการเข้าสู่หน้าเว็บไซต์ไหนๆ ส่วนขนาดอาจจะใหญ่สักนิดหนึ่ง ที่ 30.4 MB และเป็นโปรแกรมประเภท Open Source เหมือนกับแฝดพี่ด้วย ถ้าใครอยากได้ความแรง 64-bit แต่ไม่อยากหนีจาก Firefox ไปไหน รับ Waterfox ไปเคียงข้างเครื่องของท่านเพื่อความสุขในการเปิดเว็บไซต์ดีกว่านะ