แม้ว่าชิป Atom ตัวใหม่ ที่มีชื่อรหัสพัฒนาว่า ?Bay Trail? จะยังไม่มีมาให้เราได้ใช้งานกันจนกว่าจะถึงปี 2014 นู่น แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ความน่าสนใจใคร่รู้ในตัวชิปรุ่นใหม่นี้น้อยลงไปแต่อย่างใด ล่าสุดมีข้อมูลรายละเอียดโผล่ออกมาเพิ่มเติมจากเว็บไซต์เทคโนโลยีของเยอรมัน 3DCenter.org
เริ่มจากสองสไลด์แรกกันก่อนเลย ที่โชว์ให้เห็นถึงการเปรียบเทียบคีย์หลักที่ได้รับการพัฒนาให้ดีกว่าเก่า เมื่อเปรียบเทียบกับรุ่นก่อนหน้านี้อย่าง ?Cedar Trail? ชิปตัวใหม่นี้ก็จะเป็นชิปตัวเดียวจบ หรือ SoC ที่มีการรวมควบรวมเอาชิปเซ็ตอยู่ใน die เดียวกันกับตัวประมวลผลเลย ผลิตขึ้นด้วยเทคโนโลยี 22 นาโนเมตร ตัว transistor แบบ Tri-gate สามารถใส่จำนวน core สำหรับประมวลผล ทั้งแบบ x86-64 ได้มากสูงสุด 4 core พร้อมรองรับการประมวลผลแบบ out-of-order และภายในยังมาพร้อมกับชิประบบกราฟฟิกรุ่นที่ 7 ของ Intel รองรับระบบ DirectX 11 และรองรับความละเอียดหน้าจอสูงสุดได้ถึง 2560 x 1600 พิกเซล พร้อมรองรับการทำงาน USB 3.0 Controller แบบ Native และหน่วยความจำแรมแบบ DDR3L สามารถทำให้อุปกรณ์ออกแบบแผงบอร์ดภายในให้มีขนาดที่เล็กลง ใช้พื้นที่น้อยลงได้
ส่วนในสไลด์ที่ 3 Intel ได้เผยรายละเอียดถึงการสร้างชิป SoC Valleyview โดยเฉพาะในส่วนของชิป CPU ชิป SoC ตัวนี้ก็รอรับ core แบบ x86 64-bit สูงสุด 4 core และการรองรับการทำงานแบบ out-of-order execution ซึ่งในชิป Atom ตัวปัจจุบันจะไม่มีความสามารถในการทำงานนี้ ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว นั่นก็จะทำให้มีประสิทธิภาพที่ดีกว่าเดิมถึงกว่า 50-100 เปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว นอกจากนั้นก็ยังมีฟีเจอร์อีกตัวนึงที่เรียกว่า ?Burst? หรือก็คือความเร็วของชิปแบบเทอร์โบ ที่สามารถแปรผันได้ในช่วงเวลาสั้นๆเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน
หัวใจหลักที่สำคัญอีกตัวนั้นก็คือเรื่องของชิประบบกราฟฟิกรุ่นที่ 7 ของ Intel ตัวนี้ ที่จับเอามาใส่ในระบบ SoC ใหม่ โดยใส่ฟีเจอร์ต่างๆเข้ามาให้จนมีประสิทธิภาพที่ดีกว่าเดิมถึงกว่า 300 เปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว เมื่อเอาไปเปรียบเทียบกับชิปรุ่นก่อนหน้า และก็ยังมีการรองรับระบบ API DirectX 11, ลิงค์ TMDS 2 อัน พร้อมรองรับความละเอียดหน้าจอสูงสุดที่ 2560 x 1600 พิกเซล นั่นก็น่าจะช่วยให้เครื่องแท็บเล็ตรุ่นต่อไปในอนาคตรองรับความละเอียดหน้าจอที่สูงๆได้อย่างสบายๆ ไม่ว่าจะเป็น 1600p และ 1440p จะเข้ามาแทนที่ภายในปี 2014 นี้อย่างแน่นอน และ Intel ก็ได้เตรียมปูทางไว้ให้ด้วยชิปตัวนี้แล้ว
ส่วนรุ่นต่างๆของชิปสายพันธุ๋ Bat Trail นี้ ก็จะแบ่งแยกย่อยออกตามเครื่องที่จะถูกนำเอาไปใช้ เริ่มตาก Bay Trail-T สำหรับเครื่องแท็บเล็ต, Bay Trail-M สำหรับเคร่ื่องแบบ sub-notebook หรือพวกเครื่องโน๊ตบุ๊คตัวเล็ก ที่ไม่เน้นประสิทธิภาพสูงมากมายอะไรนัก และ Bay Trail-D สำหรับเครื่องแบบตั้งโต๊ะราคาไม่แพงมาก หรือพวกเครื่องเน็ตท็อปต่างๆ และด้วยเครื่องแท็บเล็ตจะเป็นอุปกรณ์ที่จำเป็นต้องใช้เรื่องพื้นที่และขนาดมากกว่าเครื่องตัวอื่นๆ ชิป Valleyview-T SoC ก็จะมาพร้อมกับขนาดที่เล็กเป็นพิเศษ ที่ 17 x 17 มิลลิเมตรเท่านั้น พร้อมเป้าหมายค่า TDP ที่ต่ำกว่า 3 วัตต์เท่านั้น และเพื่อให้ได้ความเป้าหมาย ในชิปสำหรับเครื่องแท็บเล็ตนี้ก็จะมีการตัดฟีเจอร์ที่ปกติไม่ได้ใช้ในเครื่องแท็บเล็ตออกไป อย่าเช่น PCIe หรือการรองรับการเชื่อมต่อแบบ USB หลายๆพอร์ต
ส่วนใน Bay Trail-M และ Bay Trail-D จะมีขนาดที่ใหญ่กว่าเป็น 27 x 25 มิลลิเมตร และก็จะมาพร้อมกับฟีเจอร์ที่ต้องมีในเครื่องคอมพิวเตอร์ปกติทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น PCI-Express และ SATA รวมไปถึงการเชื่อมต่อในรูปแบบอื่นๆ ส่วนค่า TDP ในการใช้พลังงานถือเป็นความแตกต่างอย่างเดียวระหว่างทั้ง 2 รุ่น ซึ่งในตัว M ก็จะต่ำกว่า 6.5 วัตต์ และ D ก็จะต่ำกว่า 12 วัตต์
ที่มา: TechPowerUp