ช่วงหลังจาก Windows 8 เปิดตัวมาไม่เท่าไร ก็มีข่าวการลาออกของ Steven Sinofsky ซึ่งเป็นผู้ดูแล Windows และส่วนงานที่เกี่ยวข้องมาโดยตลอด และได้มีการแต่งตั้ง Julie Larson-Green ขึ้นมาเป็นผู้ดำเนินงานแทน ซึ่งล่าสุดเธอได้ให้สัมภาษณ์กับ MIT Technology Review และมีหลายๆ ประเด็นที่น่าสนใจ ดังนี้
iPad และการเปลี่ยนเข้าสู่ยุคของจอสัมผัส
เธอให้ความเห็นว่า ช่วงที่ Microsoft เริ่มพัฒนา Windows 8 ในปี 2009 หลังจากเปิดตัว Windows 7 ทาง Microsoft ได้ลองเล่น iPad และก็พบว่ามันน่าทึ่งมาก เนื่องจากมีหลายๆ สิ่ง รวมไปถึงแนวทางการพัฒนาของ iPad + iOS ที่คล้ายคลึงกับสิ่งที่ Microsoft กำลังคิดอยู่ นั่นคือเกี่ยวกับระบบที่ต้องมีความสะดวกในการพกพาไปใช้นอกสถานที่กว่าเดิม ซึ่ง iPad สามารถตอบสนองตรงจุดนี้ได้ดี
ทำให้ Microsoft ต้องทำงานหนักกว่าเดิม เพื่อที่จะสร้างจุดต่างจาก iPad โดยในตัว Windows 8 นั้น เกิดจากแนวคิดที่ต้องการให้ผู้ใช้มีความประทับใจในการทำงานยาวนานกว่า 20 นาทีแรกหลังแกะออกเครื่องออกมาจากกล่อง แม้ว่าอาจจะต้องใช้เวลาในการเรียนรู้การใช้งานที่มากกว่า Windows เวอร์ชันก่อนหน้าก็ตาม แต่ก็เชื่อว่าผู้ใช้จะได้รับประสบการณ์การใช้งานที่ดี ประกอบการแนวโน้มของคอมพิวเตอร์ที่จะใช้งานจอสัมผัสมากขึ้น ทำให้คงไม่มีปัญหามากนัก หรือถ้าผู้ใช้จะใช้งานเม้าส์และคีย์บอร์ดแบบเดิมก็ยังสามารถทำได้อยู่
Steven Sinofsky
ส่วนความเห็นต่อ Sinofsky หัวหน้าโครงการคนเก่านั้น เธอบอกว่า Sinofsky เป็นคนที่ฉลาดมาก มีความเป็นผู้นำ แต่อย่างไรก็ตามคนๆ เดียวก็ไม่สามารถทำงานไปซะทุกอย่างได้ (ดังนั้นจึงน่าจะพอชัดเจนแล้วว่าที่ผ่านมาภายในทีม Windows มีปัญหาเรื่องการทำงานร่วมกันจริงๆ) โดยหลังจาก Julie เข้ามารับตพแหน่ง เธอเองก็ไม่ได้เข้าไปปรับทีมงานเดิมมากนัก เพราะมีงานและเทคโนโลยีที่รอให้เธอและทีมงานทำอีกเยอะ จนเกินกว่าที่จะไปเสียเวลากับเรื่องเก่าๆ
นอกจากนี้ยังมีเรื่องที่น่าสนใจเกี่ยวกับอนาคตของ Windows อีกด้วย โดยมีข่าวมาว่าชุดอัพเดต Windows ที่จะมาในกลางปีหน้า ในขณะนี้มีโค้ดเนมว่า Blue ที่ตั้งเป้าว่าจะสามารถนำไปใช้งานบนแท็บเล็ตจอขนาด 7 และ 8 นิ้วได้ด้วย รวมไปถึงมีการรายงานว่าต่อไปนี้ Microsoft จะปล่อยอัพเดต Windows ชุดใหญ่ในทุกๆ ปี (น่าจะเป็นแบบเดียวกับ OS X ที่มีอัพเดตเวอร์ชันทุกปี) โดยในเรื่องนี้ Julie ไม่ได้กล่าวถึงแต่อย่างใด ดังนั้นคงต้องรอ Microsoft ประกาศอย่างเป็นทางการในปีหน้าอีกที
ที่มา : The Verge