เป็นอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ใหม่ของ Apple ในปีนี้นอกเหนือจาก MacBook Pro Retina 13/15, New iMac 21.5/27, iPhone 5, iPod Touch Gen5, iPad Retina แล้ว ก็คงจะเป็น iPad mini ที่ได้รับการต่อยอดมาจาก iPad ขนาดปกติที่มีขนาดหน้าจอ 9.7 นิ้ว ที่อาจจะใหญ่และหนักไปสำหรับบางคน โดย iPad mini นั้นมาตอบโจทย์ในเรื่องของขนาดที่เล็กลง บางเบา พกพาง่ายขึ้น แต่ก็ยังคงในเรื่องของการใช้งานที่ครบครัน ซึ่งก็มี 2 สีให้เลือกซื้อเหมือนกับ iPad, iPhone ตามความชอบของแต่ละคนกันไป สนนราคาเพิ่มต้นที่ 11,200 บาทสำหรับขนาดความจุ 16GB และ 15,200 บาท ในส่วนของรุ่น Cellular ที่มีขนาดความจุ 16GB เท่ากัน
ที่สำคัญกล่าวได้ว่า iPad mini เป็น iPad 2 ย่อส่วนคงไม่ผิดนัก เพราะด้วยความละเอียดหน้าจอหรือสเปกภายใน ก็เรียกได้ว่ายก iPad 2 มาใส่ไว้ใน iPad mini อย่างไม่ต้องสงสัย อย่างไรก็ตามสำหรับคนที่สนใจหรือมีความต้องการที่จะจับจองมาใช้งานล่ะก็ ห้ามพลาดอ่านบทความรีวิวนี้ทีเดียว
Specification
โดยข้อมูลสเปกของ iPad mini จะประกอบไปด้วย เป็นแท็บเล็ตหน้าจอพาเนล IPS ขนาด 7.9 นิ้ว ความละเอียด 1024 x 768 พิกเซล โดยค่าความหนาแน่นของเม็ดพิกเซลอยู่ที่ 163 ppi ซึ่งก็ยังไม่ถึงระดับ Retina Display ภายในใช้ชิปประมวลผล Apple A5 ความเร็ว 1 GHz เทียบเท่ากับใน iPad 2 มาพร้อมชิปกราฟิก PowerVR SGX543MP2 และแรมขนาด?512 MB ส่วนความจุที่มีให้เลือกทั้ง 16 GB, 32 GB และ 64 GB โดยมีให้เลือกทั้งสีดำและสีขาว นอกเหนือจากนี้ยังมีทั้งรุ่นที่รองรับการเชื่อมต่อ WiFi อย่างเดียว หรือทั้งแบบ WiFi และ Cellular อีกด้วย (ใส่ซิมโทรศัพท์ได้ แต่โทรออกไม่ได้)
iPad mini?ตัวเครื่องมีความบางอยู่ที่ 7.2 มิลลิเมตร น้ำหนักเบาเพียง 308 กรัมเท่านั้น ?ซึ่งกล้องหลัง (iSight) ที่เป็นกล้องหลักมีความละเอียด 5 ล้านพิกเซล และกล้องหน้า (FaceTime HD) ที่ไว้สำหรับรองรับการใช้งาน VDO Call ?มีความละเอียด 1.2 ล้านพิกเซล โดยกล้องทั้ง 2 นั้นรองรับการถ่ายวีดีโอเป็นมาตรฐานอีกด้วย?ลำโพงตัวเครื่องเป็นระบบ Stereo (จัดได้ว่าเป็น iDevice ตัวแรกที่ใช้ลำโพงแบบ Stereo) ที่สำคัญแบตเตอรี่ยังสามารถใช้งานเปิดเว็บไซต์ผ่าน WiFi ได้ถึง 10 ชั่วโมง สุดท้ายกับพอร์ตเชื่อมต่อเป็นแบบ Lightning แทนที่ Pod Dock แบบเดิมๆ ที่ตอนนี้ทั้ง iPhone 5, iPad Retina และ iPod รุ่นใหม่ๆ ได้เปลี่ยนมาใช้เป็นพอร์ตนี้ทั้งหมดแล้ว
Hardware / Design
ภายในกล่องของ iPad mini ประกอบไปด้วยตัวเครื่อง, สาย USB > Lightning, อแดปเตอร์ USB, คู่มือการใช้งานเบื้องต้น และสติ๊กเกอร์โลโก้ Apple ที่หลายๆ ท่านที่ใช้ผลิตภัณฑ์ Apple อยู่คงคุ้นเคยกันเป็นอย่างดีอยู่แล้ว
iPad mini เครื่องที่ทีมงานใช้ในการรีวิวนั้น iPad mini WiFi ความจุ 16 GB สีขาว สำหรับงานประกอบตัวเครื่องนั้นก็มีความแน่นหนาตามมาตรฐานของ Apple โดยด้านหน้าเป็นกระจก Gorilla Glass ที่มีคุณสมบัติกันรอยกันกระแทกในระดับนึง ซึ่งมีการสะท้อนแสงอยู่พอสมควรแต่ก็อยู่ในเกณฑ์ที่รับได้ ขอบของตัวเครื่องด้านหน้าจะเป็นขอบเงาๆ ที่เกิดจากการใช้เพชรเจียระไนขอบอะลูมิเนียมเช่นเดียวกับ iPhone 5, iPod Touch Gen5 ที่นอกเหนือจะให้ในเรื่องความสวยงามหรูหราแล้ว ยังส่งผลให้จัวถือได้ถนัดมือมากยิ่งขึ้นจากที่ดีไซน์แบบนี้
นอกจากนี้ยังมีกล้องหน้าและเซ็นเซอร์วัดแสงอยู่ตรงกลาง ส่วนบนของจอ และปุ่ม Home ก็อยู่ตามตำแหน่งเดิมๆ เรียกได้ว่าเป็นอะไรที่เดิมๆ ตามสไตล์ iDevice ของ Apple อยู่แล้ว
วัสดุที่ใช้เป็นฝาหลังของ iPad Mini ก็คืออะลูมิเนียมที่ผ่านการอะโนไดซ์มาแล้ว เช่นเดียวกับ iPhone 5 และ iPod Touch Gen5 ที่แน่นอนว่าผิวสัมผัสจึงแทบจะไม่ต่างกับผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่ๆ ของ Apple เลย ส่วนสีของฝาหลังนั้นก็จะเป็นไปตามสีเครื่องครับ อย่างรุ่นขาวก็จะมีฝาหลังสีเงินๆ ส่วนรุ่นดำก็จะมีฝาหลังสีเทาเข้มเกือบดำ เรียกได้ว่าสีสันแบบเดียวกับ iPhone 5 ก็ว่าได้
ขอบของเครื่องด้านหลังจะมีความโค้งมนเข้ามือ ทำให้สามารถถือ iPad mini อยู่ในมือได้อย่างสบายๆ ไม่ต้องกังวลว่าจะหลุดร่วงจากมือเท่าไหร่นัก ส่วนตัวกล้องหลังของ iPad mini จะฝังแนบมาเป็นเนื้อเดียวกับฝาหลัง มีอะลูมิเนียมเนื้อเดียวกับฝาหลังเป็นขอบแยกออกมา ต่างจากตัว iPod Touch Gen 5 ที่ส่วนกล้องจะนูนขึ้นมาอย่างชัดเจน เนื่องจากตัวเครื่องที่บางมากนั่นเอง พร้อมกันนั้นบริเวณกลางตัวเครื่องจะมีโลโก้ Apple แบบมัมวาว และข้อมูลเกี่ยวตัวเครื่องตรงด้านล่างของโลโก้ ตามแบบฉบับของผลิตภัณฑ์ iDevice ที่เรามักคุ้นกันดี
ตำแหน่งของปุ่มกดต่างๆ ก็ยังคงเดิมไม่ว่าจะเป็น ปุ่มเปิด/ปิด/sleep อยู่ตรงมุมบนขวาของเครื่อง (เทียบจากด้านหน้า) และปุ่มเพิ่ม/ลดเสียงและสวิตช์เปิด/ปิดเสียง (หรือจะตั้งค่าเป็นปุ่มล็อกการหมุนหน้าจอก็ได้) อยู่ทางฝั่งขวาของเครื่อง ทางด้านซ้ายที่โล่งไม่มีปุ่มหรืออะไรใดๆ เลย?สุดท้ายกับด้านล่างของตัวเครื่องก็เป็นตำแหน่งของพอร์ต Lightning และลำโพงสเตอริโอ
Screen / Speaker
iPad mini ใช้จอขนาด 7.9 นิ้ว?สัดส่วนจอเป็น 4:3?โดยเป็นพาเนลคุณภาพสูงอย่าง IPS ซึ่งให้สีสันที่สวยวามจริงและมุมมองที่กว้างกว่าพาเนลทั่วไป บนความละเอียด 1024 x 768 พิกเซล ที่ไม่เป็นความละเอียดถึงขั้น Retina Display แน่นอนว่ากันตามสเปกแล้วต้องบอกว่าเป็นรองพวก iDevice หน้าจอ Retina Display หรือ MacBook Pro Retina ในเรื่องของพิกเซลที่ให้ภาพเรียบเนียบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้?
สำหรับการทดลองเทียบกัน ภาพที่ปรากฏบนจอนั้นไม่ละเอียดเท่ากับหน้าจอ Retina Display บน The New iPad หรือ iPad Retina จริงๆ แต่เราถ้าใช้งาน iPad mini โดยไม่นำไปเทียบกับผลิตภัณฑ์ Retina Display ก็คงไม่เห็นความต่างเท่าไหร่นัก เพราะการใช้งาน iPad mini ที่เป็นแท็บเล็ตขนาดหน้าจอ 7.9 นิ้ว เราจะมีระยะในการถือที่ไกลในระดับนึงอยู่แล้ว ฉะนั้นเราก็คงไม่รู้สึกว่าหน้าจอมันแตกหรือไม่คมขัดแต่อย่างใด ยกเว้นหากเราขยายภาพหรือตัวอักษรขึ้นมาดูก็จะเห็นว่าพิกเซลมีรอยหยักอย่างชัดเจน (ลองชมภาพที่ 3 ด้านข้างที่เราได้ขยาย 100% มาให้ชมแล้ว)
แต่ก็เป็นไปได้ว่า iPad mini ที่มาพร้อมกับหน้าจอ Retina Display จะมาในปีหน้านี้นะครับ ใครคิดว่าซื้อมาก่อนใช้งานก่อนก็ไม่ต้องคิดมากอะไรกันไป
ลำโพงที่ติดตั้งมาใน iPad mini ถือว่าเป็นลำโพงระบบ Stereo (มีลำโพงสองตัว) ตัวแรกในอุปกรณ์ iDevice ทั้งหมด โดยจากเท่าที่ทดลองฟัง พบว่ามีความแตกต่างจากลำโพงใน iDevice ตัวอื่นๆ เล็กน้อย แต่ที่สำคัญคือให้เสียงค่อนข้างดัง แต่เอาเข้าจริงก็ไม่ได้มีคุณภาพเสียงมากมายอะไรนัก แนะนำว่าถ้าให้ดีก็ควรต่อหูฟัง หรือเชื่อมต่อกับลำโพงจะเหมาะกว่า ไม่จะเชื่อมต่อด้วยสายหรือแบบไร้สายด้วยสัญญาณ Bluetooth ก็ตามที และสำหรับไมโครโฟนที่ไว้ใช้งานสนทนา VDO Call หรืออัดเสียงเป็นหลักจะอยู่บริเวณขอบบนตรงกึ่งกลางเครื่องครับ
Keyboard / Touchscreen
ด้านหน้าตาของรูปแบบคีย์บอร์ดก็ยังคงเป็นเช่นเดียวกับใน iPad เดิมๆ เพียงแต่อะไรๆ มันก็ย่อขนาดลงเล็กน้อยตามอัตราส่วน ซึ่งส่งผลให้เราสามารถใช้งานในการพิมพ์ตัวอักษรด้วยกันจับสองมือที่ง่ายดายขึ้น เพราะสามารถจับตัวเครื่องเพื่อกดปุ่มได้สบายกว่า iPad ขนาดปกติ?แน่นอนว่าใครจะใช้คีย์บอร์ดแบบเดิมๆ หรือใครจะเลือกให้คีย์บอร์ดแยกฝั่งแบบ Split ก็สามารถทำได้เช่นเดิม ก็แล้วแต่ความถนัดครับ
สำหรับการสั่งงานจากการสัมผัสหน้าจอ ผลิตภัณฑ์ของ Apple เอง ไม่เคยทำให้ผิดหวังอยู่แล้ว ทั้งในเรื่องของความแม่นยำของตำแหน่งในการกด การเลื่อนกราฟิกต่างๆ อย่างนุ่มนวล พร้อมรองรับการใช้งาน 10 นิ้วพร้อมๆ กันในการเล่นเกมและเล่นแอพพลิเคชั่นที่ออกแบบมา หรือแม้กระทั่งการรองรับการใช้งานหลายๆ นิ้วพร้อมกัน อาทิ การขยุ้มนิ้วกลับไปที่หน้า Home, ปัดนิ้วขึ้นเพื่อเปิดแถบ Multitask หรือ ปัดซ้าย-ขวาเพื่อสลับแอพพลิเคชั่นการใช้งาน เป็นต้น
Battery / Heat
ภาพด้านในตัวเครื่องที่เผยถึงแบตเตอรี่จาก ifixit.com
iPad mini มาพร้อมกับแบตเตอรี่ความจุ ?4490 mAh รูปแบบ?Li – Polymer ที่มีความโดดเด่นในเรื่องของการออกแบบได้บางเฉียบไม่จำเป็นต้องมีรูปร่างหนาๆ แบบแบตเตอรี่ชนิดอื่นๆ สำหรับด้านการใช้งานแบตเตอรี่ถ้าเชื่อมต่อ WiFi เปิดแสงสว่างจอให้พอดีๆ กับการใช้งานในห้องปกติ ก็สามารถใช้งานได้เป็นวันๆ อย่างๆ ไม่มีปัญหา ยิ่งใครที่ใช้งานอ่านแต่พวก E-book รับรองได้ว่าอ่านได้หลายวันเลยทีเดียวเชียว แต่ถ้ากรณีเปิดเล่นเกมอยู่บ่อยๆ ก็หมดเร็วเป็นเรื่องปกติ ซึ่งปัจจัยหนึ่งที่สำคัญที่ทำให้สามารถใช้งานแบตได้ค่อนข้างนานก็คือเรื่องความละเอียดจอที่ไม่สูงถึงระดับ Retina Display ทำให้ไม่ต้องใช้แบตเตอรี่ในการทำงานที่หนักเท่ากับตัวของ iPad รุ่นใหญ่ที่ใช้จอ Retina?
ในเรื่องของความร้อนที่ใช้งานนั้น จัดได้ว่า iPad mini มีความร้อนที่แผ่ออกมาจากตัวเครื่องที่ไม่สูงมากนัก ทั้งจากการเล่นอินเตอร์เน็ตเว็บไซต์ด้วยการเชื่อมต่อ WiFi ?หรือการเล่นเกม 3 มิติ รวมไปถึงการชาร์จไฟเข้าตัวเครื่อง แตกต่างจาก iDevice ตัวอื่นๆ ที่ทำตลาดอยู่ในตอนนี้ ซึ่งคาดดว่าน่าจะมาจากชิปประมวลผลที่ติดตั้งมาให้ไม่ได้มีความแรงมากมายอะไร ประกอบกับ iPad mini รุ่นนี้ไม่ได้รองรับการเชื่อมต่อแบบ Cellular ที่คาดว่าหากเป็นรุ่นที่เชื่อมต่อ 3G ได้ต้องมีความร้อนมากกว่านี้แน่นอน จากการใช้งาน Data จากเครือข่าย 3G
Connector / Thin And Weight
อย่างที่ได้บอกไปตั้งแต่ตอนแล้วว่า iPad mini ก็เป็นอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ที่ได้หันไปใช้พอร์ต Lightning แล้วเช่นกัน โดยตัวพอร์ตเองนั้นได้ถูกติดตั้งบริเวณขอบด้านล่างของตัวเครื่องโดยอยู่กึ่งกลางลำโพงสเตอริโอ ในส่วนของการใช้งานนั้นต้องบอกว่ามีความสะดวกสบายมากกว่าเดิมพอสมควร เพราะด้วยขนาดที่เล็กลง ซึ่งการเชื่อมต่อนั้นยังไม่จำเป็นต้องมาคอยดูว่าเสียบถูกด้านไหน เพราะว่าทาง Apple ออกแบบให้พอร์ต Lightning เชื่อมต่อได้ทั้งสองด้านเลย ไม่ต้องพลิกบนล่างอย่างที่เคยมีมา
สำหรับสายเชื่อมต่ออีกด้านก็จะเป็นแบบ USB ที่เองนั้นสามารถใช้งานในการซิงค์ข้อมูลกับคอมพิวเตอร์หรือชาร์จพลังงานก็สามารถทำได้ทั้งชาร์จด้วย USB จากคอมพิวเตอร์ หรือชาร์จจากอแดปเตอร์ก็ทำได้ทันที โดยตัวอแดปเตอร์ที่ทาง Apple ให้มามีขนาด 5W เช่นเดียวกับที่ให้มาใน iPhone และ iPod Touch
ส่วนมุมบนซ้ายก็เป็นตำแหน่งของช่องเสียบหูฟังขนาดมาตรฐาน 3.5 มิลลิเมตรที่ตัวเบ้าเป็นสีขาวตามสีเดียวกับตัวเครื่อง แน่นอนว่าถ้าเครื่องเป็นสีดำตัวเบ้าก็จะเป็นสีดำเช่นกัน
iPad mini มีมิติของตัวเครื่องอยู่ที่ 300 x 134.7 x 7.2 มิลลิเมตร และหนักเพียง 308 กรัมเท่านั้น (ตามภาพเครื่องชั่งอาจจะมีการคลาดเคลื่อนเล็กน้อย) สำหรับรุ่น WiFi ซึ่งเมื่อเรานำมาเทียบกับขนาดของแมกกาซีนทั้ง 2 ขนาด จะเห็นได้ว่า iPad mini มีขนาดที่เล็กกว่าพอสมควร รวมไปถึงความบางก็ยังมีความบางที่บางกว่าแบบรู้สึกได้ ส่งผลให้การพกพาแท็บเล็ตอย่าง iPad mini แทนที่แมกกาซีนแบบเดิมๆ เป็นเรื่องที่ง่ายดายอย่างมาก
Camera
กล้องหลังของ iPad mini มีความละเอียด 5 ล้านพิกเซล ส่วนกล้องหน้ามีความละเอียด 1.2 ล้านพิกเซล (ถ่ายวีดีโอที่ความละเอียด Full HD และ HD ตามลำดับ)?โดยกล้องทั้งสองนี้มีระบบ Auto Focus ที่ใช้เป็นแบบ Touch to Focus ซึ่งเมื่อโฟกัสตรงตำแหน่งไหน ก็จะมีการวัดค่าแสงตรงจุดนั้นทันที และสามารถโฟกัสแบบ Face detection ได้?ซึ่งมีความเร็วในการประมวลผลไวพอสมควรทำให้กดปุ๊ปถ่ายปั๊ป สำหรับ User Interface นั้น ก็ดูเรียบง่ายเหมือนเดิม เรียกได้ว่าเหมือนกับที่อยู่ใน iPhone เลยก็ว่าได้ แต่ก็มีความสะดวกสบายมากกว่าเพราะปุ่มชัตเตอร์จะเลื่อนตำแหน่งตามการถ่ายแนวนอนและแนวตั้ง
เช่น เปลี่ยนหมวดถ่ายภาพนิ่ง/วีดีโอ, ปุ่มลั่นชัตเตอร์/อัดวีดีโอ, สลับกล้องหน้า/หลัง และ ซูม รวมถึงปุ่มลัดเข้า Photos แต่ก็จะมีหลายๆ อย่างที่ iPhone มีแต่ iPad mini ไม่มีก็คือ การเปิด/ปิด/Auto Flash (ก็แน่ล่ะเพราะไม่มีแฟลช) และการถ่ายภาพแบบ HDR (High Dynamic Range) โดยกล้องหน้านั้นถ่ายได้ความละเอียดแบบ VGA ไม่จำเป็นต้องเข้า Mode Video Call สามารถใช้ถ่ายปกติได้ โดยสาวๆ คงจะได้ใช้กันอย่างอย่างแน่นอน เชื่อได้ว่าน่าจะใช้บ่อยกว่ากล้องหลังที่มีความละเอียดมากกว่าเสียอีก
สำหรับคุณภาพของภาพถือได้ว่ามีความน่าประทับใจทีเดียว ทั้งในเรื่องของสีสันและรายละเอียด เพราะด้วยเทคโนโลยีต่างๆ ด้านกล้องที่ทาง Apple ใส่มาให้ iPad mini รุ่นนี้ อาทิเช่น เซ็นเซอร์?Backside illumination,?Five-element lens,?Hybrid IR filter และ??/2.4 aperture เรียกได้ว่าเทียบเท่ากับ iPhone 4, iPod Touch Gen5 ทีเดียว อีกทั้งในการถ่ายวีดีโอยังมีคุณสมบัติ?Video stabilization เพื่อป้องกันภาพสั่นไหวอีกด้วย เอาเป็นว่าสามารถดูตัวอย่างภาพถ่ายได้จากด้านข้างนี้เลยครับ (ไม่มีการย่อ หรือปรับแต่งอะไร)
Performance / Software
ซอฟต์แวร์ระบบปฏิบัติการของ iPad mini จะเริ่มต้นมาเป็น iOS 6 แล้ว โดยในเครื่องที่เราได้มามีการติดตั้ง iOS 6.0.1 มาให้ ซึ่งเครื่องที่จำหน่ายในช่วงหลังๆ น่าจะมาพร้อมกับ iOS 6.0.1 กันหมดแล้ว โดยในส่วนของรูปแบบการใช้งานก็ไม่แตกต่างไปจากใน iPad หรือ iPhone ก่อนหน้านี้เท่าไหร่นัก สำหรับคนที่เคยใช้งานอยู่แล้วก็เรียกได้ว่าซื้อมาแล้วใช้งานได้ทันที ส่วนถ้าใครไม่เคยใช้งาน iOS ก็รับรองได้ว่าจับแค่ไม่ถึง 30 นาทีก็น่าจะใช้งานในระดับเริ่มต้นได้คล่องมือแล้วนะครับ
ตัวอย่างของการเปิดแอพพลิเคชั่น App Store แหล่งดาวน์โหลดของฟรีและเสียเงิน และตัวอย่างการเปิดหน้าแอพพลิเคชั่น Facebook ที่ต้องบอกว่าใช้งานได้สะดวกมากเมื่อเทียบกับการใช้งานบน iPhone ด้วยหน้าจอที่ใหญ่กว่า
อีกทั้งในส่วนของการใช้งาน E-Magazine ก็สามารถใช้งานได้เป็นอย่างดีจากขนาดที่พกพาง่ายกว่า iPad ปกติ แต่ยังให้หน้าจอที่ใหญ่เหมาะสมกับการเปิดดูอยู่ เรียกได้ว่าเป็นอะไรที่เหมาะมากๆ กับการใช้งานแบบนี้บน iPad mini ซึ่ง E-Magazine นี้ก็มีทั้งแบบฟรีและเสียเงินนะครับ ยังไงลองเลือกซื้อเลือหากันตามไลฟ์สไตล์กันดู (ตัวอย่างด้านบน ผู้ดขียนก็มาแนวๆ นี้)
นอกจากนี้การใช้งานแอพพลิเคชั่นอื่นๆ อย่างเกม 2 มิติ 3 มิติ ก็สนับสนุนการใช้งานบน iPad mini ได้อย่างสบายๆ ถึงแม้ว่าภาพที่ออกมานั้นอาจจะไม่คมชัดเท่าบน iPhone หรือ iPad Retina (และบางเกมกราฟิกอาจจะไม่สวยงามเท่า) แต่ก็ถือว่าใช้งานได้ไม่น่าเกลียดอะไร รวมไปถึงแอพพลิเคชั่นการตกแต่งภาพอย่าง Snapseed ที่ตอนนี้ทาง Google ซึ่งเป็นเจ้าของก็เปิดให้ดาวน์โหลดมาใช้ฟรีๆ แล้วนะครับ จัดได้ว่าเป็นอีกหนึ่งแอพพลิเคชั่นบน iPad mini ที่ไม่ควรพลาดดาวน์โหลดมาใช้งานทีเดียว
สรุปการใช้งานและประสิทธิภาพโดยรวมของตัวเครื่อง iPad mini นั้น สามารถตอบสนองการใช้งานต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการเล่นอินเตอร์เน็ต อ่าน E-Book, E-Magazine หรือเล่นเกมเล็กๆ น้อยๆ รวมไปถึงเกมที่ใช้กราฟิกที่สวยงาม ทุกอย่างล้วนมีความลื่นไหลและสวยงาม แม้บางครั้งอาจจะมีอาการช้าบ้างเล็กน้อย หรือกระตุกนิดหน่อย ที่จริงๆ ก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่โตอะไร ซึ่งดูแล้วก็น่าจะมาจากสเปกที่ไม่ค่อยแรงมาก แต่เน้นในเรื่องประหยัดพลังงานมากกว่า แน่นอนว่าถ้าใครเน้นในเรื่องของความแรงความลื่นไหล แนะนำให้ไปดูส่วนของ iPad ตัวปกติจะดีเหมาะกว่าครับ แต่ก็ต้องรับในเรื่องน้ำหนักและความใหญ่ หนา ที่มากกว่าให้ได้
?
?
Conclusion
สรุปโดยรวมของ iPad mini นั้น จัดได้ว่าเป็นเเท็บเล็ตขนาด 7.9 นิ้ว ที่มีความน่าสนใจทีเดียว พร้อมีความสวยงามโดดเด่นในด้านฮาร์ดเเวร์ วัสดุ งานประกอบ และความลื่นไหลในการใช้งานระบบปฏิบัติการ iOS เเอพพลิเคชั่นต่างๆ ที่มีอยู่มากมาย?
แต่จะว่ากันไปแล้วจริงๆ iPad mini ก็ยังไม่ถึงขั้นสมบูรณ์แบบอะไร อย่างเรื่องความละเอียดของหน้าจอที่ควรจะมีมากกว่านี้ รวมไปถึงข้อจำกัดของตัว iOS เองอย่างเรื่องการถ่ายโอนข้อมูล โดยทำอะไรก็ตามก็ต้องอาศัยโปรแกรม iTunes ที่อยู่ในคอมพิวเตอร์เสมอ (แต่ถ้ามองในแง่ของการ Backup ไฟล์ก็ถือว่าเป็นเรื่องดี)?
ซึ่งถ้าใครเคยใช้งาน iPad รุ่นปกติที่มีขนาดหน้าจอ 9.7 นิ้วมาแล้ว จะเห็นว่าการมาของ iPad mini ไม่ได้เพิ่มคุณสมบัติมาอย่างเห็นได้ชัดในเรื่องของซอฟท์แวร์ นอกเหนือไปจากดีไซน์การออกแบบและน้ำหนักที่มีความบาวและเบาลง ที่ทำให้เราสามารถใช้งาน iPad ได้ถนัดมากยิ่งขึ้น เรียกได้ว่าถือด้วยมือเดียวแบบสบายๆ หรือจะพกพาไปไหนก็ง่ายกว่าเดิม อีกทั้งราคาก็ที่เริ่มต้นเพียง 11,200 บาท ซึ่งถ้าเทียบกับ iPad Retina ก็ถูกกว่าหลายพันบาท กับความสามารถต่างๆ ที่ใช้งานได้อย่างครบครัน จะเป็นรองก็แค่ในเรื่องของจอและประสิทธิภาพการทำงานเท่านั้น แต่สำหรับสีสันก็มีให้เลือกทั้งสีดำและสีขาวเหมือน iPad ปกติหรือ iPhone ซะด้วย
นาทีใครนี้อยากจะซื้อแท็บเล็ตมาใช้ซักตัว โดยเน้นการใช้งานที่ง่ายๆ แอพฯ เยอะๆ ดีไซน์หรูๆ หน่อย ที่สำคัญคือบางเบาพกพาสะดวก คำตอบง่ายๆ ของเราก็คือ Apple iPad mini ? ส่วนถ้าใครต้องต้องการใช้งาน พกพาออกไปข้างนอกบ่อยๆ ก็สามารถเลือกเป็นรุ่นที่มี Cellular ได้ หรือไม่ก็จะเลือกแบบ WiFi อย่างเดียวแล้วค่อยแชร์อินเตอร์เน็ตจาก iPhone ก็ได้ (ประหยัดเงินไประดับหนึ่งทั้งค่าเครื่องและค่าโปรโมชั่น Data เครือข่าย) สุดท้ายในการซื้อ iPad mini จะซื้อตามร้าน iStudio หรือจะสั่งผ่าน Apple Store Online แล้วนอนรออยู่บ้าน ก็ตามแต่ความต้องการนะครับ
ข้อดี
- เป็นแท็บเล็ตขนาดหน้าจอ 7.9 นิ้ว พาเนล IPS ให้สีสันที่สวยสมจริง
- จอมีแสงสะท้อนน้อยกว่าจอกระจกของแท็บเล็ตหลายๆ ตัวในตลาด และกันรอยกันกระแทกในระดับหนึ่ง
- ความละเอียด 1024 x 768 พิกเซล จัดว่าเหมาะสมสำหรับการใช้งานทั่วไป อย่างอ่าน E-Book, E-Magazine
- ตัวเครื่องน้ำหนักเบา บาง พกพาสะดวก ออกแบบมาให้จับถือได้ง่าย
- วัสดุและงานประกอบดี อาจจะดีกว่าแท็บเล็ตในช่วงราคาเดียวกัน
- สามารถใช้งานแอพพลิเคชั่น iPad ปกติได้แบบไม่มีปัญหา
- หน้าจอเป็นอัตราส่วน 4:3 เหมาะกับการอ่าน Ebook
- ประสิทธิภาพอยู่ในระดับใช้งานได้อย่างครบครัน ทั้งเล่นอินเตอร์เน็ต เกม และแอพพลิเคชั่นต่างๆ?
- ลำโพงเป็นแบบสเตอริโอให้เสียงที่ดีขึ้นกว่า iDevice อื่นๆ
- ระบบปฏิบัติการ iOS 6 มีฟีเจอร์และแอพพลิเคชั่นต่างๆ ที่ใช้งานได้จริง
ข้อสังเกต
- ราคาค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับแท็บเล็ตขนาดหน้าจอ 7 – 8 นิ้วในตลาด
- เมื่อขยายภาพไม่ว่าจะเป็นตัวหนังสือหรือรูปภาพจะมีอาการภาพแตก ไม่คมชัด
- ขอบตัวเครื่อง มีโอกาสจะเป็นรอยได้ง่ายเหมือน iPhone 5 ต้องใส่เคสหรือระวังในการใช้งาน
- อะแดปเตอร์ที่ให้มาจ่ายไฟให้ iPad mini ได้สูงสุดแค่ 5Wทำให้ชาร์จไฟได้ค่อนข้างช้า
- อนาคตมีโอกาสที่ Apple จะส่ง iPad mini ที่เป็นหน้าจอ Retina Display มาลงตลาด
Specification
โดยข้อมูลสเปกของ iPad mini จะประกอบไปด้วย เป็นแท็บเล็ตหน้าจอพาเนล IPS ขนาด 7.9 นิ้ว ความละเอียด 1024 x 768 พิกเซล โดยค่าความหนาแน่นของเม็ดพิกเซลอยู่ที่ 163 ppi ซึ่งก็ยังไม่ถึงระดับ Retina Display ภายในใช้ชิปประมวลผล Apple A5 ความเร็ว 1 GHz เทียบเท่ากับใน iPad 2 มาพร้อมชิปกราฟิก PowerVR SGX543MP2 และแรมขนาด?512 MB ส่วนความจุที่มีให้เลือกทั้ง 16 GB, 32 GB และ 64 GB โดยมีให้เลือกทั้งสีดำและสีขาว นอกเหนือจากนี้ยังมีทั้งรุ่นที่รองรับการเชื่อมต่อ WiFi อย่างเดียว หรือทั้งแบบ WiFi และ Cellular อีกด้วย (ใส่ซิมโทรศัพท์ได้ แต่โทรออกไม่ได้)
iPad mini?ตัวเครื่องมีความบางอยู่ที่ 7.2 มิลลิเมตร น้ำหนักเบาเพียง 308 กรัมเท่านั้น ?ซึ่งกล้องหลัง (iSight) ที่เป็นกล้องหลักมีความละเอียด 5 ล้านพิกเซล และกล้องหน้า (FaceTime HD) ที่ไว้สำหรับรองรับการใช้งาน VDO Call ?มีความละเอียด 1.2 ล้านพิกเซล โดยกล้องทั้ง 2 นั้นรองรับการถ่ายวีดีโอเป็นมาตรฐานอีกด้วย?ลำโพงตัวเครื่องเป็นระบบ Stereo (จัดได้ว่าเป็น iDevice ตัวแรกที่ใช้ลำโพงแบบ Stereo) ที่สำคัญแบตเตอรี่ยังสามารถใช้งานเปิดเว็บไซต์ผ่าน WiFi ได้ถึง 10 ชั่วโมง สุดท้ายกับพอร์ตเชื่อมต่อเป็นแบบ Lightning แทนที่ Pod Dock แบบเดิมๆ ที่ตอนนี้ทั้ง iPhone 5, iPad Retina และ iPod รุ่นใหม่ๆ ได้เปลี่ยนมาใช้เป็นพอร์ตนี้ทั้งหมดแล้ว
Hardware / Design
ภายในกล่องของ iPad mini ประกอบไปด้วยตัวเครื่อง, สาย USB > Lightning, อแดปเตอร์ USB, คู่มือการใช้งานเบื้องต้น และสติ๊กเกอร์โลโก้ Apple ที่หลายๆ ท่านที่ใช้ผลิตภัณฑ์ Apple อยู่คงคุ้นเคยกันเป็นอย่างดีอยู่แล้ว
iPad mini เครื่องที่ทีมงานใช้ในการรีวิวนั้น iPad mini WiFi ความจุ 16 GB สีขาว สำหรับงานประกอบตัวเครื่องนั้นก็มีความแน่นหนาตามมาตรฐานของ Apple โดยด้านหน้าเป็นกระจก Gorilla Glass ที่มีคุณสมบัติกันรอยกันกระแทกในระดับนึง ซึ่งมีการสะท้อนแสงอยู่พอสมควรแต่ก็อยู่ในเกณฑ์ที่รับได้ ขอบของตัวเครื่องด้านหน้าจะเป็นขอบเงาๆ ที่เกิดจากการใช้เพชรเจียระไนขอบอะลูมิเนียมเช่นเดียวกับ iPhone 5, iPod Touch Gen5 ที่นอกเหนือจะให้ในเรื่องความสวยงามหรูหราแล้ว ยังส่งผลให้จัวถือได้ถนัดมือมากยิ่งขึ้นจากที่ดีไซน์แบบนี้
นอกจากนี้ยังมีกล้องหน้าและเซ็นเซอร์วัดแสงอยู่ตรงกลาง ส่วนบนของจอ และปุ่ม Home ก็อยู่ตามตำแหน่งเดิมๆ เรียกได้ว่าเป็นอะไรที่เดิมๆ ตามสไตล์ iDevice ของ Apple อยู่แล้ว
วัสดุที่ใช้เป็นฝาหลังของ iPad Mini ก็คืออะลูมิเนียมที่ผ่านการอะโนไดซ์มาแล้ว เช่นเดียวกับ iPhone 5 และ iPod Touch Gen5 ที่แน่นอนว่าผิวสัมผัสจึงแทบจะไม่ต่างกับผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่ๆ ของ Apple เลย ส่วนสีของฝาหลังนั้นก็จะเป็นไปตามสีเครื่องครับ อย่างรุ่นขาวก็จะมีฝาหลังสีเงินๆ ส่วนรุ่นดำก็จะมีฝาหลังสีเทาเข้มเกือบดำ เรียกได้ว่าสีสันแบบเดียวกับ iPhone 5 ก็ว่าได้
ขอบของเครื่องด้านหลังจะมีความโค้งมนเข้ามือ ทำให้สามารถถือ iPad mini อยู่ในมือได้อย่างสบายๆ ไม่ต้องกังวลว่าจะหลุดร่วงจากมือเท่าไหร่นัก ส่วนตัวกล้องหลังของ iPad mini จะฝังแนบมาเป็นเนื้อเดียวกับฝาหลัง มีอะลูมิเนียมเนื้อเดียวกับฝาหลังเป็นขอบแยกออกมา ต่างจากตัว iPod Touch Gen 5 ที่ส่วนกล้องจะนูนขึ้นมาอย่างชัดเจน เนื่องจากตัวเครื่องที่บางมากนั่นเอง พร้อมกันนั้นบริเวณกลางตัวเครื่องจะมีโลโก้ Apple แบบมัมวาว และข้อมูลเกี่ยวตัวเครื่องตรงด้านล่างของโลโก้ ตามแบบฉบับของผลิตภัณฑ์ iDevice ที่เรามักคุ้นกันดี
ตำแหน่งของปุ่มกดต่างๆ ก็ยังคงเดิมไม่ว่าจะเป็น ปุ่มเปิด/ปิด/sleep อยู่ตรงมุมบนขวาของเครื่อง (เทียบจากด้านหน้า) และปุ่มเพิ่ม/ลดเสียงและสวิตช์เปิด/ปิดเสียง (หรือจะตั้งค่าเป็นปุ่มล็อกการหมุนหน้าจอก็ได้) อยู่ทางฝั่งขวาของเครื่อง ทางด้านซ้ายที่โล่งไม่มีปุ่มหรืออะไรใดๆ เลย?สุดท้ายกับด้านล่างของตัวเครื่องก็เป็นตำแหน่งของพอร์ต Lightning และลำโพงสเตอริโอ
Screen / Speaker
iPad mini ใช้จอขนาด 7.9 นิ้ว?สัดส่วนจอเป็น 4:3?โดยเป็นพาเนลคุณภาพสูงอย่าง IPS ซึ่งให้สีสันที่สวยวามจริงและมุมมองที่กว้างกว่าพาเนลทั่วไป บนความละเอียด 1024 x 768 พิกเซล ที่ไม่เป็นความละเอียดถึงขั้น Retina Display แน่นอนว่ากันตามสเปกแล้วต้องบอกว่าเป็นรองพวก iDevice หน้าจอ Retina Display หรือ MacBook Pro Retina ในเรื่องของพิกเซลที่ให้ภาพเรียบเนียบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้?
สำหรับการทดลองเทียบกัน ภาพที่ปรากฏบนจอนั้นไม่ละเอียดเท่ากับหน้าจอ Retina Display บน The New iPad หรือ iPad Retina จริงๆ แต่เราถ้าใช้งาน iPad mini โดยไม่นำไปเทียบกับผลิตภัณฑ์ Retina Display ก็คงไม่เห็นความต่างเท่าไหร่นัก เพราะการใช้งาน iPad mini ที่เป็นแท็บเล็ตขนาดหน้าจอ 7.9 นิ้ว เราจะมีระยะในการถือที่ไกลในระดับนึงอยู่แล้ว ฉะนั้นเราก็คงไม่รู้สึกว่าหน้าจอมันแตกหรือไม่คมขัดแต่อย่างใด ยกเว้นหากเราขยายภาพหรือตัวอักษรขึ้นมาดูก็จะเห็นว่าพิกเซลมีรอยหยักอย่างชัดเจน (ลองชมภาพที่ 3 ด้านข้างที่เราได้ขยาย 100% มาให้ชมแล้ว)
แต่ก็เป็นไปได้ว่า iPad mini ที่มาพร้อมกับหน้าจอ Retina Display จะมาในปีหน้านี้นะครับ ใครคิดว่าซื้อมาก่อนใช้งานก่อนก็ไม่ต้องคิดมากอะไรกันไป
ลำโพงที่ติดตั้งมาใน iPad mini ถือว่าเป็นลำโพงระบบ Stereo (มีลำโพงสองตัว) ตัวแรกในอุปกรณ์ iDevice ทั้งหมด โดยจากเท่าที่ทดลองฟัง พบว่ามีความแตกต่างจากลำโพงใน iDevice ตัวอื่นๆ เล็กน้อย แต่ที่สำคัญคือให้เสียงค่อนข้างดัง แต่เอาเข้าจริงก็ไม่ได้มีคุณภาพเสียงมากมายอะไรนัก แนะนำว่าถ้าให้ดีก็ควรต่อหูฟัง หรือเชื่อมต่อกับลำโพงจะเหมาะกว่า ไม่จะเชื่อมต่อด้วยสายหรือแบบไร้สายด้วยสัญญาณ Bluetooth ก็ตามที และสำหรับไมโครโฟนที่ไว้ใช้งานสนทนา VDO Call หรืออัดเสียงเป็นหลักจะอยู่บริเวณขอบบนตรงกึ่งกลางเครื่องครับ
Keyboard / Touchscreen
ด้านหน้าตาของรูปแบบคีย์บอร์ดก็ยังคงเป็นเช่นเดียวกับใน iPad เดิมๆ เพียงแต่อะไรๆ มันก็ย่อขนาดลงเล็กน้อยตามอัตราส่วน ซึ่งส่งผลให้เราสามารถใช้งานในการพิมพ์ตัวอักษรด้วยกันจับสองมือที่ง่ายดายขึ้น เพราะสามารถจับตัวเครื่องเพื่อกดปุ่มได้สบายกว่า iPad ขนาดปกติ?แน่นอนว่าใครจะใช้คีย์บอร์ดแบบเดิมๆ หรือใครจะเลือกให้คีย์บอร์ดแยกฝั่งแบบ Split ก็สามารถทำได้เช่นเดิม ก็แล้วแต่ความถนัดครับ
สำหรับการสั่งงานจากการสัมผัสหน้าจอ ผลิตภัณฑ์ของ Apple เอง ไม่เคยทำให้ผิดหวังอยู่แล้ว ทั้งในเรื่องของความแม่นยำของตำแหน่งในการกด การเลื่อนกราฟิกต่างๆ อย่างนุ่มนวล พร้อมรองรับการใช้งาน 10 นิ้วพร้อมๆ กันในการเล่นเกมและเล่นแอพพลิเคชั่นที่ออกแบบมา หรือแม้กระทั่งการรองรับการใช้งานหลายๆ นิ้วพร้อมกัน อาทิ การขยุ้มนิ้วกลับไปที่หน้า Home, ปัดนิ้วขึ้นเพื่อเปิดแถบ Multitask หรือ ปัดซ้าย-ขวาเพื่อสลับแอพพลิเคชั่นการใช้งาน เป็นต้น
Battery / Heat
ภาพด้านในตัวเครื่องที่เผยถึงแบตเตอรี่จาก ifixit.com
iPad mini มาพร้อมกับแบตเตอรี่ความจุ ?4490 mAh รูปแบบ?Li – Polymer ที่มีความโดดเด่นในเรื่องของการออกแบบได้บางเฉียบไม่จำเป็นต้องมีรูปร่างหนาๆ แบบแบตเตอรี่ชนิดอื่นๆ สำหรับด้านการใช้งานแบตเตอรี่ถ้าเชื่อมต่อ WiFi เปิดแสงสว่างจอให้พอดีๆ กับการใช้งานในห้องปกติ ก็สามารถใช้งานได้เป็นวันๆ อย่างๆ ไม่มีปัญหา ยิ่งใครที่ใช้งานอ่านแต่พวก E-book รับรองได้ว่าอ่านได้หลายวันเลยทีเดียวเชียว แต่ถ้ากรณีเปิดเล่นเกมอยู่บ่อยๆ ก็หมดเร็วเป็นเรื่องปกติ ซึ่งปัจจัยหนึ่งที่สำคัญที่ทำให้สามารถใช้งานแบตได้ค่อนข้างนานก็คือเรื่องความละเอียดจอที่ไม่สูงถึงระดับ Retina Display ทำให้ไม่ต้องใช้แบตเตอรี่ในการทำงานที่หนักเท่ากับตัวของ iPad รุ่นใหญ่ที่ใช้จอ Retina?
ในเรื่องของความร้อนที่ใช้งานนั้น จัดได้ว่า iPad mini มีความร้อนที่แผ่ออกมาจากตัวเครื่องที่ไม่สูงมากนัก ทั้งจากการเล่นอินเตอร์เน็ตเว็บไซต์ด้วยการเชื่อมต่อ WiFi ?หรือการเล่นเกม 3 มิติ รวมไปถึงการชาร์จไฟเข้าตัวเครื่อง แตกต่างจาก iDevice ตัวอื่นๆ ที่ทำตลาดอยู่ในตอนนี้ ซึ่งคาดดว่าน่าจะมาจากชิปประมวลผลที่ติดตั้งมาให้ไม่ได้มีความแรงมากมายอะไร ประกอบกับ iPad mini รุ่นนี้ไม่ได้รองรับการเชื่อมต่อแบบ Cellular ที่คาดว่าหากเป็นรุ่นที่เชื่อมต่อ 3G ได้ต้องมีความร้อนมากกว่านี้แน่นอน จากการใช้งาน Data จากเครือข่าย 3G
Connector / Thin And Weight
อย่างที่ได้บอกไปตั้งแต่ตอนแล้วว่า iPad mini ก็เป็นอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ที่ได้หันไปใช้พอร์ต Lightning แล้วเช่นกัน โดยตัวพอร์ตเองนั้นได้ถูกติดตั้งบริเวณขอบด้านล่างของตัวเครื่องโดยอยู่กึ่งกลางลำโพงสเตอริโอ ในส่วนของการใช้งานนั้นต้องบอกว่ามีความสะดวกสบายมากกว่าเดิมพอสมควร เพราะด้วยขนาดที่เล็กลง ซึ่งการเชื่อมต่อนั้นยังไม่จำเป็นต้องมาคอยดูว่าเสียบถูกด้านไหน เพราะว่าทาง Apple ออกแบบให้พอร์ต Lightning เชื่อมต่อได้ทั้งสองด้านเลย ไม่ต้องพลิกบนล่างอย่างที่เคยมีมา
สำหรับสายเชื่อมต่ออีกด้านก็จะเป็นแบบ USB ที่เองนั้นสามารถใช้งานในการซิงค์ข้อมูลกับคอมพิวเตอร์หรือชาร์จพลังงานก็สามารถทำได้ทั้งชาร์จด้วย USB จากคอมพิวเตอร์ หรือชาร์จจากอแดปเตอร์ก็ทำได้ทันที โดยตัวอแดปเตอร์ที่ทาง Apple ให้มามีขนาด 5W เช่นเดียวกับที่ให้มาใน iPhone และ iPod Touch
ส่วนมุมบนซ้ายก็เป็นตำแหน่งของช่องเสียบหูฟังขนาดมาตรฐาน 3.5 มิลลิเมตรที่ตัวเบ้าเป็นสีขาวตามสีเดียวกับตัวเครื่อง แน่นอนว่าถ้าเครื่องเป็นสีดำตัวเบ้าก็จะเป็นสีดำเช่นกัน
iPad mini มีมิติของตัวเครื่องอยู่ที่ 300 x 134.7 x 7.2 มิลลิเมตร และหนักเพียง 308 กรัมเท่านั้น (ตามภาพเครื่องชั่งอาจจะมีการคลาดเคลื่อนเล็กน้อย) สำหรับรุ่น WiFi ซึ่งเมื่อเรานำมาเทียบกับขนาดของแมกกาซีนทั้ง 2 ขนาด จะเห็นได้ว่า iPad mini มีขนาดที่เล็กกว่าพอสมควร รวมไปถึงความบางก็ยังมีความบางที่บางกว่าแบบรู้สึกได้ ส่งผลให้การพกพาแท็บเล็ตอย่าง iPad mini แทนที่แมกกาซีนแบบเดิมๆ เป็นเรื่องที่ง่ายดายอย่างมาก
Camera
กล้องหลังของ iPad mini มีความละเอียด 5 ล้านพิกเซล ส่วนกล้องหน้ามีความละเอียด 1.2 ล้านพิกเซล (ถ่ายวีดีโอที่ความละเอียด Full HD และ HD ตามลำดับ)?โดยกล้องทั้งสองนี้มีระบบ Auto Focus ที่ใช้เป็นแบบ Touch to Focus ซึ่งเมื่อโฟกัสตรงตำแหน่งไหน ก็จะมีการวัดค่าแสงตรงจุดนั้นทันที และสามารถโฟกัสแบบ Face detection ได้?ซึ่งมีความเร็วในการประมวลผลไวพอสมควรทำให้กดปุ๊ปถ่ายปั๊ป สำหรับ User Interface นั้น ก็ดูเรียบง่ายเหมือนเดิม เรียกได้ว่าเหมือนกับที่อยู่ใน iPhone เลยก็ว่าได้ แต่ก็มีความสะดวกสบายมากกว่าเพราะปุ่มชัตเตอร์จะเลื่อนตำแหน่งตามการถ่ายแนวนอนและแนวตั้ง
เช่น เปลี่ยนหมวดถ่ายภาพนิ่ง/วีดีโอ, ปุ่มลั่นชัตเตอร์/อัดวีดีโอ, สลับกล้องหน้า/หลัง และ ซูม รวมถึงปุ่มลัดเข้า Photos แต่ก็จะมีหลายๆ อย่างที่ iPhone มีแต่ iPad mini ไม่มีก็คือ การเปิด/ปิด/Auto Flash (ก็แน่ล่ะเพราะไม่มีแฟลช) และการถ่ายภาพแบบ HDR (High Dynamic Range) โดยกล้องหน้านั้นถ่ายได้ความละเอียดแบบ VGA ไม่จำเป็นต้องเข้า Mode Video Call สามารถใช้ถ่ายปกติได้ โดยสาวๆ คงจะได้ใช้กันอย่างอย่างแน่นอน เชื่อได้ว่าน่าจะใช้บ่อยกว่ากล้องหลังที่มีความละเอียดมากกว่าเสียอีก
สำหรับคุณภาพของภาพถือได้ว่ามีความน่าประทับใจทีเดียว ทั้งในเรื่องของสีสันและรายละเอียด เพราะด้วยเทคโนโลยีต่างๆ ด้านกล้องที่ทาง Apple ใส่มาให้ iPad mini รุ่นนี้ อาทิเช่น เซ็นเซอร์?Backside illumination,?Five-element lens,?Hybrid IR filter และ??/2.4 aperture เรียกได้ว่าเทียบเท่ากับ iPhone 4, iPod Touch Gen5 ทีเดียว อีกทั้งในการถ่ายวีดีโอยังมีคุณสมบัติ?Video stabilization เพื่อป้องกันภาพสั่นไหวอีกด้วย เอาเป็นว่าสามารถดูตัวอย่างภาพถ่ายได้จากด้านข้างนี้เลยครับ (ไม่มีการย่อ หรือปรับแต่งอะไร)
Performance / Software
ซอฟต์แวร์ระบบปฏิบัติการของ iPad mini จะเริ่มต้นมาเป็น iOS 6 แล้ว โดยในเครื่องที่เราได้มามีการติดตั้ง iOS 6.0.1 มาให้ ซึ่งเครื่องที่จำหน่ายในช่วงหลังๆ น่าจะมาพร้อมกับ iOS 6.0.1 กันหมดแล้ว โดยในส่วนของรูปแบบการใช้งานก็ไม่แตกต่างไปจากใน iPad หรือ iPhone ก่อนหน้านี้เท่าไหร่นัก สำหรับคนที่เคยใช้งานอยู่แล้วก็เรียกได้ว่าซื้อมาแล้วใช้งานได้ทันที ส่วนถ้าใครไม่เคยใช้งาน iOS ก็รับรองได้ว่าจับแค่ไม่ถึง 30 นาทีก็น่าจะใช้งานในระดับเริ่มต้นได้คล่องมือแล้วนะครับ
ตัวอย่างของการเปิดแอพพลิเคชั่น App Store แหล่งดาวน์โหลดของฟรีและเสียเงิน และตัวอย่างการเปิดหน้าแอพพลิเคชั่น Facebook ที่ต้องบอกว่าใช้งานได้สะดวกมากเมื่อเทียบกับการใช้งานบน iPhone ด้วยหน้าจอที่ใหญ่กว่า
อีกทั้งในส่วนของการใช้งาน E-Magazine ก็สามารถใช้งานได้เป็นอย่างดีจากขนาดที่พกพาง่ายกว่า iPad ปกติ แต่ยังให้หน้าจอที่ใหญ่เหมาะสมกับการเปิดดูอยู่ เรียกได้ว่าเป็นอะไรที่เหมาะมากๆ กับการใช้งานแบบนี้บน iPad mini ซึ่ง E-Magazine นี้ก็มีทั้งแบบฟรีและเสียเงินนะครับ ยังไงลองเลือกซื้อเลือหากันตามไลฟ์สไตล์กันดู (ตัวอย่างด้านบน ผู้ดขียนก็มาแนวๆ นี้)
นอกจากนี้การใช้งานแอพพลิเคชั่นอื่นๆ อย่างเกม 2 มิติ 3 มิติ ก็สนับสนุนการใช้งานบน iPad mini ได้อย่างสบายๆ ถึงแม้ว่าภาพที่ออกมานั้นอาจจะไม่คมชัดเท่าบน iPhone หรือ iPad Retina (และบางเกมกราฟิกอาจจะไม่สวยงามเท่า) แต่ก็ถือว่าใช้งานได้ไม่น่าเกลียดอะไร รวมไปถึงแอพพลิเคชั่นการตกแต่งภาพอย่าง Snapseed ที่ตอนนี้ทาง Google ซึ่งเป็นเจ้าของก็เปิดให้ดาวน์โหลดมาใช้ฟรีๆ แล้วนะครับ จัดได้ว่าเป็นอีกหนึ่งแอพพลิเคชั่นบน iPad mini ที่ไม่ควรพลาดดาวน์โหลดมาใช้งานทีเดียว
สรุปการใช้งานและประสิทธิภาพโดยรวมของตัวเครื่อง iPad mini นั้น สามารถตอบสนองการใช้งานต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการเล่นอินเตอร์เน็ต อ่าน E-Book, E-Magazine หรือเล่นเกมเล็กๆ น้อยๆ รวมไปถึงเกมที่ใช้กราฟิกที่สวยงาม ทุกอย่างล้วนมีความลื่นไหลและสวยงาม แม้บางครั้งอาจจะมีอาการช้าบ้างเล็กน้อย หรือกระตุกนิดหน่อย ที่จริงๆ ก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่โตอะไร ซึ่งดูแล้วก็น่าจะมาจากสเปกที่ไม่ค่อยแรงมาก แต่เน้นในเรื่องประหยัดพลังงานมากกว่า แน่นอนว่าถ้าใครเน้นในเรื่องของความแรงความลื่นไหล แนะนำให้ไปดูส่วนของ iPad ตัวปกติจะดีเหมาะกว่าครับ แต่ก็ต้องรับในเรื่องน้ำหนักและความใหญ่ หนา ที่มากกว่าให้ได้
?
?
Conclusion
สรุปโดยรวมของ iPad mini นั้น จัดได้ว่าเป็นเเท็บเล็ตขนาด 7.9 นิ้ว ที่มีความน่าสนใจทีเดียว พร้อมีความสวยงามโดดเด่นในด้านฮาร์ดเเวร์ วัสดุ งานประกอบ และความลื่นไหลในการใช้งานระบบปฏิบัติการ iOS เเอพพลิเคชั่นต่างๆ ที่มีอยู่มากมาย?
แต่จะว่ากันไปแล้วจริงๆ iPad mini ก็ยังไม่ถึงขั้นสมบูรณ์แบบอะไร อย่างเรื่องความละเอียดของหน้าจอที่ควรจะมีมากกว่านี้ รวมไปถึงข้อจำกัดของตัว iOS เองอย่างเรื่องการถ่ายโอนข้อมูล โดยทำอะไรก็ตามก็ต้องอาศัยโปรแกรม iTunes ที่อยู่ในคอมพิวเตอร์เสมอ (แต่ถ้ามองในแง่ของการ Backup ไฟล์ก็ถือว่าเป็นเรื่องดี)?
ซึ่งถ้าใครเคยใช้งาน iPad รุ่นปกติที่มีขนาดหน้าจอ 9.7 นิ้วมาแล้ว จะเห็นว่าการมาของ iPad mini ไม่ได้เพิ่มคุณสมบัติมาอย่างเห็นได้ชัดในเรื่องของซอฟท์แวร์ นอกเหนือไปจากดีไซน์การออกแบบและน้ำหนักที่มีความบาวและเบาลง ที่ทำให้เราสามารถใช้งาน iPad ได้ถนัดมากยิ่งขึ้น เรียกได้ว่าถือด้วยมือเดียวแบบสบายๆ หรือจะพกพาไปไหนก็ง่ายกว่าเดิม อีกทั้งราคาก็ที่เริ่มต้นเพียง 11,200 บาท ซึ่งถ้าเทียบกับ iPad Retina ก็ถูกกว่าหลายพันบาท กับความสามารถต่างๆ ที่ใช้งานได้อย่างครบครัน จะเป็นรองก็แค่ในเรื่องของจอและประสิทธิภาพการทำงานเท่านั้น แต่สำหรับสีสันก็มีให้เลือกทั้งสีดำและสีขาวเหมือน iPad ปกติหรือ iPhone ซะด้วย
นาทีใครนี้อยากจะซื้อแท็บเล็ตมาใช้ซักตัว โดยเน้นการใช้งานที่ง่ายๆ แอพฯ เยอะๆ ดีไซน์หรูๆ หน่อย ที่สำคัญคือบางเบาพกพาสะดวก คำตอบง่ายๆ ของเราก็คือ Apple iPad mini ? ส่วนถ้าใครต้องต้องการใช้งาน พกพาออกไปข้างนอกบ่อยๆ ก็สามารถเลือกเป็นรุ่นที่มี Cellular ได้ หรือไม่ก็จะเลือกแบบ WiFi อย่างเดียวแล้วค่อยแชร์อินเตอร์เน็ตจาก iPhone ก็ได้ (ประหยัดเงินไประดับหนึ่งทั้งค่าเครื่องและค่าโปรโมชั่น Data เครือข่าย) สุดท้ายในการซื้อ iPad mini จะซื้อตามร้าน iStudio หรือจะสั่งผ่าน Apple Store Online แล้วนอนรออยู่บ้าน ก็ตามแต่ความต้องการนะครับ
ข้อดี
- เป็นแท็บเล็ตขนาดหน้าจอ 7.9 นิ้ว พาเนล IPS ให้สีสันที่สวยสมจริง
- จอมีแสงสะท้อนน้อยกว่าจอกระจกของแท็บเล็ตหลายๆ ตัวในตลาด และกันรอยกันกระแทกในระดับหนึ่ง
- ความละเอียด 1024 x 768 พิกเซล จัดว่าเหมาะสมสำหรับการใช้งานทั่วไป อย่างอ่าน E-Book, E-Magazine
- ตัวเครื่องน้ำหนักเบา บาง พกพาสะดวก ออกแบบมาให้จับถือได้ง่าย
- วัสดุและงานประกอบดี อาจจะดีกว่าแท็บเล็ตในช่วงราคาเดียวกัน
- สามารถใช้งานแอพพลิเคชั่น iPad ปกติได้แบบไม่มีปัญหา
- หน้าจอเป็นอัตราส่วน 4:3 เหมาะกับการอ่าน Ebook
- ประสิทธิภาพอยู่ในระดับใช้งานได้อย่างครบครัน ทั้งเล่นอินเตอร์เน็ต เกม และแอพพลิเคชั่นต่างๆ?
- ลำโพงเป็นแบบสเตอริโอให้เสียงที่ดีขึ้นกว่า iDevice อื่นๆ
- ระบบปฏิบัติการ iOS 6 มีฟีเจอร์และแอพพลิเคชั่นต่างๆ ที่ใช้งานได้จริง
ข้อสังเกต
- ราคาค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับแท็บเล็ตขนาดหน้าจอ 7 – 8 นิ้วในตลาด
- เมื่อขยายภาพไม่ว่าจะเป็นตัวหนังสือหรือรูปภาพจะมีอาการภาพแตก ไม่คมชัด
- ขอบตัวเครื่อง มีโอกาสจะเป็นรอยได้ง่ายเหมือน iPhone 5 ต้องใส่เคสหรือระวังในการใช้งาน
- อะแดปเตอร์ที่ให้มาจ่ายไฟให้ iPad mini ได้สูงสุดแค่ 5Wทำให้ชาร์จไฟได้ค่อนข้างช้า
- อนาคตมีโอกาสที่ Apple จะส่ง iPad mini ที่เป็นหน้าจอ Retina Display มาลงตลาด