เกริ่นนำ
เมื่อพูดถึง Fujitsu หลายๆ ท่านก็คงรู้จักชื่อเสียงกันดีกับหนึ่งในแบรนด์โน๊ตบุ๊คจากประเทศญี่ปุ่นที่เปี่ยมไปด้วยคุณภาพ และในวันนี้ Fujitsu ได้ออกโน๊ตบุ๊คตัวใหม่ล่าสุดโดยใช้ชื่อซีรีย์นี้ว่า Fujitsu Lifebook LH772 โดยทาง Fujitsu กล่าวว่าเจ้า Lifebook LH772 นี้เป็นตัว All-new หรือนั่นก็คือไม่ได้พัฒนามาจากรุ่นก่อนๆ แต่เป็นการออกแบบใหม่ทั้งหมด แต่ก็ยังคงแนวอนุรักษ์นิยมเอาไว้ โดยมีคอนเช็ปต์การออกแบบที่ยอดเยี่ยม, มีคุณภาพเสียงที่อยู่ในระดับสุดยอด และสุดท้ายคือประสบการณ์ในการรับชมภาพที่น่าประทับใจ และทั้งหมดนี้ก็มาบนขุมพลัง Intel Core i5-3210M ที่เป็น Ivy Bridge ซึ่งสำหรับปัจจุบันนี้ได้เป็นชิปประะมวลผลรุ่นมาตรฐาน โดยได้จับคู่มากับ GT640M LE ที่มีคุณภาพใกล้เคียงกับเจ้า NVIDIA GeForce GT630M 2GB GDDR3 ที่เดี๋ยวก่อนอื่น ไปชมวีดีโอนำเสนอเกี่ยวกับตัว?Fujitsu Lifebook LH772 กันก่อนเลย
แต่แน่นอนว่าในส่วนของดีไซน์เองก็ถือว่าเป็นโน๊ตบุ๊ค 14 นิ้วระดับ Mainstream ธรรมดาๆ ตัวหนึ่ง แต่ที่พิเศษสุดๆ คือพลาสติกเกรดสูงที่มีความหนาแน่นและแข็งแรงเป็นพิเศษ แต่ Fujitsu Lifebook LH772 กลับมีระบบการระบายความร้อนที่ดีเยี่ยม ด้านโทนสีที่ใช้ก็มีให้เลือกกันถึง 3 สี คือสีดำ สีขาว? และสีชมพูนั่นเอง ตามแต่ไลฟ์สไตล์ของแต่ละคนนั่นเอง
ซึ่งในวันนี้เราได้รับมาเป็นตัวสีชมพูที่ทั้งภายนอกและภายในใช้สีชมพูแบบเคลือบมันออกแนวเคลือบแก้วและภายในมีการเล่นลายจุดสีชมพูอ่อนๆ ที่ดูน่ารักๆ ไปอีกแบบ ด้านคีย์บอร์ดสีขาวก็มีสีขาวที่ขอบอมชมพู ทำมาตัดกับสีชมพูได้อย่างลงตัวเป็นการดีไซน์ที่ทำออกมาแล้วดูดีใช้ได้ ไม่เหมือนกับโน๊ตบุ๊คในช่วงราคาเดียวกัน และด้วยน้ำหนักของมันจะอยู่ที่ 2.18 กิโลกรัม ที่จัดได้ว่าเบากว่าโน๊ตบุ๊คมาตรฐาน 14 นิ้วเล็กน้อย โดยมีความละเอียดของหน้าจอ 1366×768 พิกเซล เป็นมาตรฐานของโน๊ตบุ๊คทั่วๆ ไป นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับ Windows 7 Home Premium 64bit อีกด้วย?
สเปกเครื่อง LH772
Fujitsu Lifebook LH772?ได้ใส่ Intel Core i5-3210M ที่มีความเร็วคอร์ถึง 2.50GHz และสามารถเทอร์โบคอร์ได้สูงถึง 3.10GHz อีกทั้งยังมาบน Intel Chipset HM77 ที่สามารถรองรับแรมได้สูงสุดถึง 16GB DDR3 Bus1600 แต่ในเครื่องนี้ได้ให้มาเพียง 4GB DDR3 Bus1600 เท่านั้น แน่นอนว่ายังเหลือว่างอีก 1 ช่อง สามารถซื้อ 4GB DDR3 Bus1600 มาใส่เพิ่มเติมได้ ที่สำคัญคือได้การ์ดจอตัวใหม่อย่าง NVIDIA GeForce GT640M LE 2GB GDDR3 128bit ที่ใกล้เคียงกับ GT630M 2GB GDDR3 128bit โดย GT640M LE ที่ใส่มาใน Fujitsu Lifebook LH772 ตัวนี้ก็เพียงพอที่จะใช้ในการทำงานด้านกราฟิกต่างๆ หรือใช้ในการเล่นเกมก็สามารถที่จะทำได้โดย fps อาจจะไม่สูงนักแต่ก็ไม่ถึงขั้นว่ากระตุกแน่นอน ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับการตั้งค่าของผู้ใช้งานคอมพิวเตอร์ด้วย
อย่างที่ได้กล่าวไปแล้ว เจ้า Fujitsu Lifebook LH772 ยังเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเครื่องที่มีประสิทธิภาพในการใช้งานด้านต่างๆ อย่างครบครัน และต้องการใช้งาน Windows แท้ LH772 ก็จัดให้ได้ตามต้องการโดยตัวนี้จะมาพร้อมกับ Windows 7 Home Premium 64bit ทำให้สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพแน่นอน อีกทั้งราคาก็ไม่น่าจะออกมาแรงมากนัก และแน่นอนว่าน้ำหนักของมันที่นักเพียง 2.18 Kg. โดยประมาณแล้ว ก็สามารถใช้งานได้ทุกเพศทุกวัย สังเกตจากมีสีมาให้เลือกถึง 3 สี 3 สไตล์ด้วยกัน โดยสรุปแล้วราคาไม่เกิน 30,000 บาท ก็ถือว่าน่าสนใจพอสมควรสำหรับ Fujitsu Lifebook LH772
ตัวเครื่องและการออกแบบ
ก็ขอเริ่มจากฝาหลังกันเช่นเคย ในส่วนของฝาหลัง Fujitsu Lifebook LH772 จะเป็นพลาสติกเกรดสูงที่มีความแน่นหนาและแข็งแรงพอตัว อีกทั้งยังทำมาในแบบเคลือบมันสีชมพู ตรงกลางจะมีตรา Fujitsu อยู่ตรงกลางสีเงิน แต่ไม่ได้เคลือบมันแต่อย่างใด ในส่วนของบอดี้โดยรอบก็จะเป็นพลาสติกทั้งเครื่อง และจะเคลือบมันแค่ภายในกับฝาหลังเท่านั้น ในส่วนฐานจะเป็นพลาสติกสีดำด้าน ซึ่งโดยรวมของดีไซน์ส่วนนี้เหมาะกับผู้ใช้ทุกเพศทุกวัย ไม่ว่าจะผู้ชายหรือผู้หญิงก็สามารถใช้ได้ทั้งนั้น เนื่องจากมีสีดำและขาวให้เลือกด้วยเช่นกัน
กลับเข้ามาชมภายในกันบ้าง ในส่วนแรกก็จะขอพูดถึงหน้าจอที่เป็นจอ Anti-Glare หรือที่คนส่วนใหญ่มักจะเรียกติดปากกันว่าจอด้าน โดยจอด้านของ Fujitsu Lifebook LH772 ตัวนี้จะมีขนาด 14 นิ้ว? และมีความละเอียดที่ 1366 x 768 พิกเซล ด้านบนของหน้าจอจะมีกล่องที่มีความละเอียด 720 พิเซลระดับ HD ธรรมดาซึ่งก็มีคุณภาพที่ใช้ได้พอสมควร มาพร้อมกับคุณสมบัติที่ผู้ใช้เป็นศูนย์กลางเช่น Face Sense Utility (การปิดหน้าจอชั่วคราวถ้าไม่มีผู้ใช้ประจำอยู่ที่หน้าจอ)?สำหรับขอบยางที่รองรับแรงกระแทกของการปิดหน้าจอก็จะมี 3 จุดใหญ่ๆ ด้วยกัน จุดแรกคือด้านบนกล้อง Web cam 720p จะใช้ยางสีชมพูยาวๆ เป็นแถบเพื่อรองรับแรงกระแทบในส่วนบน ถัดมา 2 จุดคือมุมล่างซ้ายและล่างขวา โดยจะใช้จุดยางกลมๆ สีชมพูเช่นกัน ระหว่างกลางของยางกลมทั้งสองก็จะมีตรา FUJITSU สีเงินเคลือบ อยู่ตรงกลาง
คุณภาพของเจ้าบานพับก็ถือว่าแข็งแรงมาก และสามารถที่จะเปิดด้วยมือเดียวได้ แต่จะต้องมีวิธีเปิดที่ดีหน่อย ไม่สามารถเปิดด้วยความเร็วสูงได้ ต้องค่อยๆ เปิดถึงจะเปิดมือเดียวได้ แต่สำหรับการเปิดสองมือก็ถือว่าปกติ ด้านความแข็งแรงของบานพับก็สามารถที่จะเล่นบนรถได้โดยจอไม่สั่นตาม ถัดลงมาล่างบานพับทั้งสองเริ่มจากด้านซ้ายก็จะมีโลโก้เครื่องเสียงคุณภาพสูงอย่าง ONKYO Speakers Installed (DTS UltraPC II Plus) ที่แน่นอนว่าคุณภาพเสียงของลำโพงจากโน๊ตบุ๊คเครื่องนี้มีประสิทธิภาพที่สูงกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไป และถัดไปด้านขวาก็จะมีปุ่ม Quick Lauch ปุ่มนี้จะสามารถตั้งค่าให้เปิดโปรแกรมใดโปรแกรมหนึ่งได้อย่างรวดเร็ว เหมาะสำหรับโปรแกรมที่เราใช้งานบ่อยๆ ก็สามารถตั้งค่าและกดด้วยปุ่ม Quick Launch ได้เลย ใกล้ๆ กันก็คือปุ่มเปิดปิดเครื่องที่ทำจากอะลูมิเนียมทั้งคู่แต่สำหรับปุ่มเปิดปิดเครื่องจะมีไฟ LED สีฟ้าประดับอยู่ทำให้มีความสวยงามยิ่่งขึ้นและทำให้สังเกตเห็นสถานะเครื่องได้ว่าเปิดอยู่หรือไม่
ในส่วนของการออกแบบด้านในตัวเครื่องเป็นแบบ F-Line คีย์บอร์ตามทิศทางของโน๊ตบุ๊คจาก Fujitsu ในปีนี้ทั้งหมด สำหรับคีย์บอร์ดของเจ้า Fujitsu Lifebook LH772 ก็จะเป็นคีย์บอร์ดธรรมดาที่มีมาตรฐานช่องไฟปกติตามขนาดของโน๊ตบุ๊ค 14 นิ้วระดับ Mainstream ปกติ โดยแต่ละปุ่มรอบๆ จะมีการเพิ่มสีสันเข้ามาทำให้ดูโดดเด่นและสวยงาม ด้านการใช้งานตัวปุ่มกดก็ไม่แข็งจนเกิดไปนักสามารถใช้พิมพ์งานได้อย่างคล่องตัว แต่ตัวปุ่มอาจจะเล็กไปสักนิดเนื่องจากได้เพิ่มในส่วนของ Numpad เข้ามาด้วยเลยเพื่อการใช้งานที่ครบครันและสะดวกยิ่งขึ้น ซึ่งตัวขายจริงจะมีตัวหนังสือภาษาไทยมาด้วยแน่นอน นอกจากนี้ยังมาพร้อมคุณสมบัติพิเศษอย่างกันน้ำอีกด้วย
ทัชแพดก็จะถูกเคลือบมันไปด้วยและมีลวดลายเป็นส่วนเดียวกับแผงเครื่องภายใน โดยจะมีปุ่มกดแยกสองปุ่ม และมีในส่วนของ Fingerprint ที่นอกเหนือจากจะเป็นที่สแกนลายนิ้วมือแล้ว ยังมีคุณสมบัติในการเลื่อนขึ้น/ลงหน้าเพจต่างๆ ได้อีกด้วย และด้านข้างที่เห็นเป็นช่องกลมๆ ก็สามารถที่จะทัชใช้งานได้คล้ายๆ กับทัชแพดอีกส่วนหนึ่ง ที่เรียกได้ว่าเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของโน๊ตบุ๊ค Fujitsu ทุกรุ่นไปแล้วก็ว่าได้
ฐานของเครื่อง Fujitsu Lifebook LH772 ก็จะเป็นพลาสติกเกรดสูงสีดำด้านเพื่อป้องกันรอยที่อาจจะเกิดได้จากเหตุหรือการใช้งานในสถานที่ต่างๆ ที่แตกต่างกัน โดยจะมีช่องระบายความร้อนจำนวณมากเพื่อช่วยเพิ่มสภาพคล่องในการถ่ายเทอากาศให้ดีกว่าปกติและสามารถที่จะไขน็อตออกตรงกลางเพื่อที่จะเปิดเปลี่ยแรมได้เอง โดยรองรับทั้งหมด 2 ช่อง สูงสุด 16GB DDR3 Bus1600 และด้านซ้ายของช่องแรมตรงกลางฐานเครื่องสามารถเปิดมาเพื่อเปลี่ยนฮาร์ดดิสก์ได้หรือจะเป็นทางด้านขวาที่สามารถเปิดดูช่องระบายความร้อนได้ดังภาพต่อไปนี้
ช่องแรมที่รองรับสูงสุด 16GB 2ช่อง DDR3 Bus1600
ช่องฮาร์ดดิสก์ที่มีความแข็งแรงและใช้เหล็กในการป้องกันฮาร์ดดิสก์อีกรอบหนึ่ง ซึ่งตัวที่ใส่มานี้จะเป็นขนาดความจุ 750GB 5400RPM ซึ่งสามารถเปลี่ยนเป็น SSD ก็ได้ถ้าต้องการ และรองรับเพียง 1 ลูกเท่านั้น
ส่วนสุดท้ายคือฟิลเตอร์กรองฝุ่นที่เราเองสามารถเปิดขึ้นมาได้ เพื่อทำความสะอาดฝุ่นในช่องระบายความร้อนได้อย่างสะดวกสบาย ซึ่งทาง Fujitsu จงใจทำมาเป็นพิเศษ?ทั้งนี้ญี่ปุ่นยังได้จดสิทธิบัตรเทคโนโลยีของฟิลเตอร์กรองฝุ่นที่มีประสิทธิภาพที่มีวิธีการแก้ปัญหาการระบายอากาศที่ช่วยให้การทำความสะอาดและบำรุงรักษาง่ายขึ้นและยังถือเป็นการยืดอายุการใช้งานของ Lifebook LH772?อีกด้วย
ในส่วนต่อมาก็คือแบตเตอรี่ที่ทาง Fujitsu ใส่มาใน Lifebook LH772 โดยมีความจุสูงถึง 5800wAh ซึ่งสูงกว่าความจุโน๊ตบุ๊คปกติเล็กน้อย ด้านความแข็งแรงของตัวล็อคแบตเตอรี่ก็ถือว่ามีมาตรฐานที่ระดับ Mainstream ทั่วไป
ด้านหน้าของ Fujitsu Lifebook LH772?ก็จะมีไฟแสดงสถานะต่างๆ อยู่ที่มุมซ้ายสุด และถัดมาจะมีแถบเลื่อนสำหรับล็อคหน้าจอไม่ให้เปิด/ปิดหรือจอเปิดออกมาในกระเป๋าได้ แล้วก็จะมีช่องใส่อ่าน SD Card
ข้างขวาจะมี DVD Drive Writer (Dual Layer) และ USB 3.0 จำนวณ 2พอร์ต ปิดท้ายด้วยพอร์ตอแดปเตอร์สำหรับชาร์จไฟเข้าแบตเตอรี่
ทางซ้ายของ Fujitsu Lifebook LH772 จะประกอบไปด้วย D-sub (VGA) พอร์ต และช่องระบายความร้อนขนาดใหญ่ที่มีประสิทธิภาพในการทำงานค่อนข้างดีเยี่ยม ถัดไปก็จะมีพอร์ตไมโครโฟนและพอร์ตหูฟังหรือลำโพง สุดท้ายก็คือพอร์ต USB 3.0 อีกจำนวณ 2พอร์ต
ส่วนของด้านหลังก็จะมีพอร์ต LAN และช่องสำหรับคล้องสายล็อคเครื่อง และจะเห็นท้ายของแบตเตอรี่ความจุ 5800wAh สุดท้ายของด้านหลังคือพอร์ต HDMI เรียกง่ายๆ ว่ารวมทุกพอร์ตการเชื่อมต่อหรือออฟชั่นเสริมรอบๆ เครื่องแล้วถือว่าเป็นเครื่องที่มีความครบครันในการใช้งานสูงอันดับต้นๆ ในหมู่ Mainstream เลยก็ว่าได้
ด้านการชั่งน้ำหนักเราก็ชั่ง Fujitsu มาได้ 2.16 กิโลกรัม (อาจจะคลาดเคลื่อนจากสเปกเล็กน้อย)
เมื่อนำมารวมกับอแดปเตอร์ก็จะได้น้ำหนักถึง 2.55 กิโลกรัม ซึ่งแสดงให้เห้นว่าอแดปเตอร์เองก็หนักใช่ย่อย
มาถึงความหนาตัวเครื่องของ Fujitsu Lifebook LH772 กันบ้าง ในส่วนนี้ก็เทสด้วยกล่อง DVD กันตามเคย ก็ค่อนข้างหนาเมื่อเทียบกับ 13.3 – 14นิ้วตัวอื่นๆ แต่แน่นอนว่า LH772 ไม่ได้หนาเพียงอย่างเดียว แต่มันทั้งหนาและทั้งแข็งแรงอีกด้วย
ก็เป็นปกติของโน๊ตบุ๊คขนาด 14นิ้วที่ใหญ่พอๆ กับหนังสือที่เราใช้เทสกันเป็นปกติ?สำหรับในส่วนของการรีวิวหน้าแรกก็ได้เสร็จสิ้นกันไปแล้ว ในหน้าต่อไปเราจะพาทุกๆ ท่านไปพบกับผลทดสอบประสิทธิภาพของเจ้า Fujitsu Lifebook LH772 กัน
ประสิทธิภาพการทำงาน
Windows Experience Index
เริ่มจากส่วนแรกสุดของหน้า2 คะแนนซีพียูก็ได้ในระดับ i5 Gen 3 ปกติอย่าง i5-3210M ที่เทสทีไรก็จะอยู่ที่ 7.1 หากปกติ ด้านคะแนนกราฟฟิคการเล่นเกมก็ถือว่าใช้ได้ในระดับหนึ่งสำหรับ NVIDIA GeForce GT640M LE ซึ่งถ้าเป็นตัว 640M เฉยๆ จะดีกว่านี้อีกมาก
CPU-Z
ในเครื่องของ Fujitsu Lifebook LH772 ตัวนี้ก็ได้ให้ซีพียูประมวลผล Intel Core i5-3210M ที่มีความเร็วคอร์ถึง 2.5GHz และสามารถเร่งเทอร์โบคอร์ได้สูงถึง 3.1GHz โดยรองรับ Cache L3 ถึง 3MB ด้านเมนบอร์ดก็จะใช้ Intel Chipset HM76 Express ด้านแรมรองรับสูงสุด 16GB DDR3 Bus 1600 แต่ในเครื่องใส่มาให้เพียง 4GB DDR3 Bus1600 แผ่นเดียวเท่านั้น ซึ่งทั้งหมดนี่โดยรวมโดยไม่ใช้การ์ดจอแยกก็ถือว่าทำงานได้ดีในระดับหนึ่งเลยทีเดียว
GPU-Z
จากที่ดูในส่วนของฮาร์ดแวร์ที่ใช้ในการประมวลผลหลักคร่าวๆ ไปแล้วเราจะมาลองดูในส่วนของฮาร์ดแวร์ที่มีส่วนอย่างมากในการช่วยประมวลผลและแสดงผลกราฟฟิคอย่าง NVIDIA GeForce GT640M LE 2GB GDDR3 128Bit ตัวนี้กันดูบ้าง ซึ่งจากผลคะแนนโดยรวมคร่าวๆ ของมันจาก Lenovo Y480 ตัวก่อนที่ใช้ 640M LE ก็จะมีผลเทสที่ใกล้เคียงกับ GT630M 2GB GDDR3 อยู่มากและไม่ห่างกันนัก โดย GT640M LE ดีกว่า GT630M เล็กน้อย แต่ก็เพียงพอที่จะเล่นเกมแรงๆ ได้สบายๆ แต่อาจจะไม่ได้ปรับสูงนัก ด้านออนบอร์ดก็แน่นอนจะเป็นตัวไหนไปไม่ได้นอกจาก Intel HD4000 ที่มาคู่กับซีพียู Gen 3
RAM Test Aida64 and MaxxMEM
ทำการเทสแรมด้วย AIDA 64 ก็ได้ผลเทสออกมาเป็นปกติของแรมขนาด 4GB DDR3 Bus1600 ซึ่งจะแรงต่างกับ Bus1333 อยู่เพียงเล็กน้อย
เพื่อความมั่นใจทางเราจึงเทสต่อด้วย MaxxMEM ก็ได้ผลเทสที่ใกล้เคียงและไม่ค่อยห่างจาก AIDA64 มากนัก โดย AIDA64 จะได้คะแนนต่ำกว่าเสียเล็กน้อย
HD Tune
ด้านการเทสฮาร์ดดิสก์ขนาด 500GB ความเร็ว 5400รอบ/นาที ตัวนี้ก็ได้ผลเทสที่ค่อนข้างจะปกติ แต่ค่าต่ำสุดอาจจะต่ำไปเสียเล็กน้อย ทำให้ได้ค่าเฉลี่ยที่ไม่สูงมากนัก แต่แน่นอนว่ามันไม่ได้ย่ำแย่อะไรจนถึงขั้นว่าต้องมีซีพียูเข้ามาช่วย
CINEBENCH R11.5
สำหรับ CINEBENCH R11.5 เราจะเน้นดูในส่วนของผลเทสซีพียูเป็นหลัก ซึ่งสำหรับผลเทสตัวนี้ค่อนข้างจะแปลก เพราะปกติผลเทส Intel Core i5-3210M ควรจะได้ราวๆ 2.70-2.82 เป็นอย่างน้อย แต่ในกรณีนี้อาจเกิดจากตัว Windows 7 ที่ติดมามีความไม่สมบูรณ์หรือมีบัคเพราะเคยมีเครื่องเทสบางเครื่องที่ลงวินโดว์ใหม่แล้วผลเทสจะได้ปกติ และในด้านการ์ดจอ GT640M LE เองก็ได้คะแนนที่ค่อนข้างจะต่ำมาก โดยสาเหตุคาดว่าน่าจะเหมือนกับซีพียู Intel Core i5-3210M โดยมีผลเทสที่ต่ำกว่าปกติอยู่พอสมควร ทางด้าน Intel HD4000 เองก็ดันมีคะแนนที่ใกล้ๆ กับ GT640M LE ซึ่งมันก็เลยแปลกๆ สำหรับผลเทสโดยรวมของ Fujitsu Lifebook LH772 ตัวนี้ (สามารถเทียบดูได้จากตารางข้างล่าง)
Performance Test 7.0
จากปัญหาดังกล่าวทำให้ส่งผลถึงผลเทสโดยรวมของเครื่องเกือบทั้งหมด ทำให้คะแนนในส่วนนี้เองก็ออกมาเพียง 779.4 ซึ่งการแก้ไขปัญหาเบื้องต้นแนะนำว่าให้ลงวินโดว์ตัวใหม่ที่ไม่ใช่รุ่นเดียวกับตัวเดิม
3DMark06
ด้านคะแนนเทสทางซีพียูก็ต่ำกว่าปกติราวๆ 2000คะแนน โดย CPU SCORE ควรจะอยู่ที่ 3547โดยเฉลี่ย ส่วนทางการ์ดจอเองก็ต่ำกว่าปกติถึงราวๆ 1พันคะแนนจากปกติ 8543โดยเฉลี่ย
3DMark11
แต่เมื่อมาถึงในส่วนของผลคะแนน 3DMark11 ก็ยังได้คะแนนที่ต่ำอยู่พอมากตามตารางเปรียบเทียบในหมู่ i5 Gen3 ซึ่ง LH772 ใช้ i5-3210M Ram4GB DDR3 และ GT640M LE
PCMark07
ในส่วนของ PCMark07 ก็กลับมาต่ำกว่าปกติอีก แต่ตัวเครื่อง Fujitsu Lifebook LH772 ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร ปัญหาน่าจะอยู่ที่ตัว Windows 7 แท้ที่ติดมากับเครื่องอาจจะโดนมือดีโมมาก่อนหน้านี้ หรือไปตั้งอะไร ลงอะไรแปลกๆ ก็เป็นได้
Battery Mon Test
ขนาดของแบตเตอรี่ก็ค่อนข้างจะมาก โดยมีความจุถึง 62160 mWh หรือราวๆ 6000กว่า mAh ซึ่งขนาดของตัวอแดปเตอร์ก็ค่อนข้างจะใหญ่กว่ามาตรฐานเล็กน้อย
ในส่วนของเทสแบตเตอรี่ตัวโปรแกรมมันบัคไม่ยอมแสดงผลว่ามันลดไปถึงไหนแล้ว แต่มันก็มีการแจ้งเตือนที่วินโดว์ว่าเหลือ 14% แล้ว ทางเราจึงได้เซฟมาก่อนโดยสามารถลองเล่นเกมได้นานถึง 1ชั่วโมง 6นาที 2วินาทีโดยประมาณ
น่าแปลกเล็กน้อยที่ใช้แบตเกือบหมดก็ 1.06.02 พอชาร์จขึ้นมาก็ยังคงเป็น 1ชั่วโมง 6นาที 2วินาทีเหมือนเดิม (คาดว่าคงจะใช้เท่าไหร่ชาร์จแค่นั้นละมั้งครับ)
ปล่อยให้เครื่อง Fujitsu Lifebook LH772 ลองอยู่เฉยๆ กันบ้าง มันก็อยู่ได้นานถึง 6ชั่วโมง 17นาที 31วินาทีเชียวนะ
ด้านการเล่น Internet หรือใช้งาน Wifi ในการประกอบกิจกรรมต่างๆ ก็สามารถทำได้ถึง 5ชั่วโมง 49นาที 16วินาทีโดยประมาณ
สรุปการใช้งานคร่าวๆ ดังนี้
Temperature
ทำการทดสอบที่อุณหภูมิห้องแอร์ 25องศา
ก่อนเบิร์น
หลังเบิร์น
ก็สามารถเปรียบเทียบได้แบบรวดเร็วตามตารางดังนี้
Gaming Test (Before or in July)
Resident Evil 5 Benchmark Version
Gamer Setting: all Defaults at 1360×768 Pixel
อันที่จริงถ้าตัว Performance ทำงานปกติดีมันน่าจะได้ค่า FPS ที่ดีกว่านี้ แต่ขนาดว่าซีพียูและการ์ดจอทำงานได้ไม่เต็มพลังนักยังได้มาถึง 58.2 FPS โดยได้ Rank B ไปสำหรับ RE5 All Defaults ที่ความละเอียด 1360×768 พิกเซล (Pixel)
Resident Evil 5 Benchmark Version
Hardcore Setting: all high, Motion Blur On, AA16xQAA8 at 1360×768 Pixel
เมื่อลองจัดหนักอัดเต็มกับเจ้า Fujitsu Lifebook LH772 ตัวนี้ก็ได้ผลมาถึง 40.1 FPS ก็ยังคงอยู่ใน Rank B ดีที่ไม่ตกไป Rank C ฮ่าๆ
Street Fighter IV Benchmark Version
Gamer Setting: all Defaults at 1366×768 Pixel
จากผลเทสที่อยู่ในภาพที่ได้มาถึง 93.61 FPS ก็แสดงให้เห็นแล้วว่าเล่นได้สบายและลื่นเกินกว่าตาจะมองเห็นได้ เพราะตามนุษย์ปกติเห็นไม่เกิน 60 fps อยู่แล้ว แนะนำว่าเกมไหนที่เกิน 60 fps ให้เปิด vsync ช่วยในการรักษาการ์ดจอ จะได้ลดการทำงานลงมาเท่าที่จำเป็น แต่ถ้าใครรวยจริงๆ ก็จัดเต็มเอาลื่นชัวร์ๆ ไปเลยก็ได้
Street Fighter IV Benchmark Version
Hardcore Setting: all high AA16xQAA8 at 1366×768 Pixel
สำหรับเกม SFIV ที่จัดหนักก็ได้ค่า FPS ที่ตกลงมาค่อนข้างเยอะจากตั้งค่าธรรมดา ได้ 93.61 พอปรับสุดจัดเต็มหน่อยตกมาอยู่ที่ 55.74 fps โดยหายไปเกือบ 40 fps
ก็จบลงไปแล้วสำหรับผลเทสพลังของเจ้า Fujitsu Lifebook LH772 ตัวนี้ เป็นอย่างไรกันบ้างผลเทสเหล่านี้ทำให้ท่านตัดสินใจได้มากน้อยแค่ในมาร่วมแชร์ความเห็นกันใน Comment ของรีวิวนี้กันได้เลย!!?หน้าต่อไปก็จะพาไปพบส่วนสรุปของเจ้า Fujitsu Lifebook LH772 ตัวนี้แบบรวมๆ กันบ้าง
สรุปปิดท้ายรีวิว
Fujitsu Lifebook LH772 จัดได้ว่าเป็นโน๊ตบุ๊คระดับเริ่มต้น ซึ่งวัสดุต้องบอกว่าถึงแม้จะเป็นพลาสติกแต่ด้านความคงทนของวัสดุพลาสติกตัวนี้ก็เชื่อถือได้ ตามมาตรฐานของ Fujitsu ที่เป็นแบรนด์โน๊ตบุ๊คระดับสูง ส่วนการออกแบบถึงแม้ว่าอาจจะดูเป็นแนวอนุรักษ์นิยมแบบญี่ปุ่นแต่ก็ได้มีการปรับปรุงหลายๆ ส่วนให้มีความทันสมัยมากยิ่งขึ้น ด้านสีสันของตัวนี้ก็จะเป็นสีชมพู โดยเรานั้นสามารถเลือกกันได้ถึง 3สีอย่างที่กล่าวไปในตอนต้น โดยเน้นคอนเช็ปต์หลักๆ คือเป็นโน๊ตบุ๊คระดับ Main Stream ที่ทำขึ้นมาเพื่อตอบสนองการใช้ชีวิต 3สไตล์ (3สีนั่นเอง) เมื่อสงสัยว่าตอบสนองยังไง ก็ตรงที่มันเป็นโน๊ตบุ๊ค 14 นิ้ว ที่มีความคงทน พกพาไปใช้ได้ในทุกสถานที่ น้ำหนักไม่หนักมากนัก อีกทั้งยังมีพอร์ตการเชื่อมต่อต่างๆ ที่ครบครันและยังมาพร้อมกับ Windows 7 Home Premium 64bit กันอีกด้วย แน่นอนว่าใครซื้อช่วงเดือน 8 ขึ้นไปสามารถนำไปจ่ายเงิน 499บาท เพื่ออัพเกรดเป็น Windows 8 Pro ได้อีกด้วย
ด้านความแรงที่มาในขุมพลัง Intel Generation ใหม่ล่าสุดอย่าง Ivy Bridge ก็อาจจะธรรมดาสำหรับตอนนี้ไปแล้ว แต่ก็ถือว่าค่อนข้างดีสำหรับ i5-3210M ถ้าไม่นับว่า Windows 7 ที่ใช้ทดสอบในตัวนี้มีปัญหาเล็กน้อย สำหรับด้านการ์ดจอ GT640M LE เองก็น่าจะพอๆ กับ GT630M 2GB ซึ่งก็ถือว่าระดับปานกลางใช้งานได้หลากหลายรูปแบบ แต่อาจจะไปเน้นใช้งานเฉพาะด้านมากไม่ได้ และยังมาพร้อมกับหน่วยความจำอีก 4GB DDR3 Bus1600 อีกทั้งยังได้ฮาร์ดดิสก์ที่มีความจุถึง 500GB ความเร็วระดับปกติที่ 5400รอบต่อนาที ซึ่งก็สามารถใช้ทำงาน ดูหนัง ฟังเพลง เล่นเกมส์ ได้สบายๆ เพราะเนื้อที่และสเปกเครื่องก็มากพอที่จะทำได้ทุกด้านดังที่กล่าวไป
จุดเด่น
- ตัวเครื่องที่ได้พลาสติกที่ดูแข็งแรงกว่าแบนด์อื่นๆ
- คีย์บอร์ดในเครื่อง 14 นิ้ว ที่มีปุ่มการใช้งานครบครัน (มี Numpad) พร้อมกันน้ำได้ด้วย?
- แบตเตอรี่ที่มีความจุสูงกว่าเครื่อง 14 นิ้ว ปกติหลายตัว
- มี USB 3.0 ถึง 4 พอร์ตด้วยกัน ซึ่ง 14 นิ้ว ทั่วๆ ไปไม่มีหรือมีก็น้อยรุ่นนัก
- มี Fingerprint ไว้ใช้งานสแกนลายนิ้วมือ
- มีการออแบบระบบระบายความร้อนและการทำความสะอาดเป็นอย่างดี
จุดด้อย
- การออกแบบตัวเครื่อดูเป็นญี่ปุ่น ไม่ค่อยเป็นสากลนัก
- ถ้าเป็นสีขาวหรือสีชมพู คีย์บอร์ดค่อนข้างจะเลอะง่าย
- พอร์ตการใช้งานบางส่วนอยู่ด้านหลัง
Award
Best Value
สำหรับโน๊ตบุ๊ค 14นิ้ว จาก Fujitsu ตัวนี้ที่มาในชื่อ Lifebook LH772 ก็จัดได้ว่าคุ้มค่าสำหรับผู้ที่ต้องการเครื่องดีๆ และมีบริการ การประกันที่ใช้ได้ถึงแม้จะไม่ On site Service ก็ตาม อีกทั้งยังสามารถใช้งานได้อย่างครบครัน และยังมีสีให้เลือกถึงสามสี ทำให้ไม่ว่าจะเพศใดก็เลือกใช้ได้ตรงตามต้องการ ทางเราจึงขอมอบรางวัล Best Value ให้ Fujitsu Lifebook LH772
ขอขอบคุณเครื่องทดสอบในการรีวิวจาก Fujitsu แห่งประเทศไทยมา ณ ที่นี้