วันนี้เราเอาอุปกรณ์ต่อพ่วงอีกหนึ่งชิ้นสำคัญ สำหรับการใช้งานคอมพิวเตอร์ในทุกวันนี้มารีวิวให้ดูกันอีกหนึ่งชิ้น นั่นก็คือแฟลชไดรฟ์ USB นั่นเอง ที่เราจำเป็นต้องใช้ในการเก็บไฟล์ หรือแชร์ไฟล์ ทั้งการเอาไปใช้ในด้านการเรียน หรือว่าทำงานกันเป็นประจำ ที่เอามาให้รีวิวตัวนี้ก็เป็นรุ่นใหม่ล่าสุดจากยี่ห้อที่เราคุ้นหูกันมานาน กับ Kingston DataTraveler Locker+ G2 ซึ่งความพิเศษของเจ้าแฟลชไดรฟ์ตัวนี้ ก็อยู่ที่ความเป็นส่วนตัวในการใช้งาน เพราะว่ามันมีระบบความปลอดภัยป้องกันการเข้าถึงข้อมูลภายในแฟลขไดรฟ์ เฉพาะเจ้าของไดรฟ์เท่านั้นที่สามารถจะเปิดดูไฟล์ภายในได้ ไม่ใช่ว่าใครที่ไหนก็จะเปิดดูได้ ใครที่กำลังมองหาแฟลชไดรฟ์เอาไว้เก็บไฟล์งานสำคัญ หรือไฟล์ส่วนตัว ก็มาลองดูเจ้าแฟลชไดรฟ์ตัวนี้กันได้เลย
เริ่มจากแพ็คเกจที่มาในรูปซองพลาสติกหนา ซีลปิดมาอย่างดี พร้อมกับโชว์ให้เห็นตัวไดรฟ์ได้อย่างชัดเจน รุ่นที่เราได้มาทดสอบนี้ก็จะเป็นตัวความจุขนาด 8GB ซึ่งความจุที่มีให้เลือกทั้งหมดก็มีตั้งแต่ 4GB ไปจนถึง 32GB
มีการระบุความเร็วในการทำงานของตัวไดรฟ์เอาไว้อย่างชัดเจนบนซองแพ็คเกจ ว่าสามารถอ่านข้อมูลได้ที่ความเร็ว 10MB ต่อวินาที และเขียนได้ที่ความเร็ว 5MB ต่อวินาที รองรับการทำงานทั้งบนระบบ Windows และ Mac พร้อมกันนั้นยังมีการรับประกันยาวนานถึง 5 ปี
รายละเอียดระบบต่างๆ และเวอร์ชั่นที่รองรับที่ด้านหลัง ซึ่งอาจจะไม่ได้อัพเดทเป็นเวอร์ชั่นล่าสุดของบางระบบที่มีในปัจจุบัน อย่างระบบ Mac OS X ที่ตอนนี้มีถึงเวอร์ชั่น 10.8.1 แล้ว แต่จากการทดสอบก็สามารถทำงานได้ปกติ ไม่มีปัญหาใดๆ
เมื่อเปิดซองออกมา ข้างในก็ยังแถมสายสำหรับคล้องตัวไดรฟ์ เพื่อความสะดวกในการพกพา สามารถเอาไปคล้องกับกระเป๋า หรือพวงกุญแจ ช่วยกันลืม หรือหล่นหายได้
ตัวไดรฟ์ทำมาจากวัสดุที่เป็นโลหะ จับถือดูแล้วรู้สึกได้ถึงความแข็งเร็งอย่างชัดเจน ใครที่ชอบใช้แบบสมบุกสมบันหน่อยน่าจะชอบเจ้าไดรฟ์ตัวนี้เป็นอย่างยิ่ง ด้านบนก็จะมีการสกรีนชื่อรุ่น DataTraveler Locker+ G2 เอาไว้ พร้อมกับตัวหนังสือบอกขนาดความจุเป็นสีแดง ซึ่งในแต่ละความจุ ตัวหนังสือนี้ก็จะมีสีที่แตกต่างกันออกไปด้วย ส่วนบริเวณขีดสีขาวๆตรงกลางนั้น ก็คือไฟบอกสถานะการทำงานของตัวไดรฟ์
พลิกกลับมาดูทางด้านหลัง ก็จะพบกับสัญลักษณ์ยี่ห้อ Kingston ที่เป็นตัวหนังสือนูนขึ้นมา
เมื่อเปิดฝาออกมาก็จะพบกับหัว USB ที่ใช้วัสดุอย่างดีเช่นเดียวกัน พร้อมกับยิงเลเซอร์ค่าตัวเลขต่างๆของการผลิตเอาไว้
เสียบเข้ากับตัวเครื่องโน๊ตบุ๊ค ให้ความรู้สึกแน่นหนา ไม่โยกเยก
เมื่อมีการทำงานอ่าน หรือเขียนข้อมูล ตรงขีดสีขาวที่เป็นตำแหน่งไฟของตัวไดรฟ์ก็จะกระพริบไฟสีฟ้าขึ้นมา เพื่อบอกให้รู้ว่ามีการทำงานอยู่ เราจะได้ไม่เผลอดึงไดรฟ์ออกมาในระหว่างที่กำลังทำงานอยู่ ป้องกันข้อมูลภายในเสียหาย
น้ำหนักที่ชั่งได้รวมฝาด้วย ก็เบามาก อยู่ที่แค่ 25 กรัมเท่านั้น
การใช้งานและผลทดสอบความเร็ว
เมื่อเราเสียบตัวไดรฟ์เข้าไปกับเครื่องคอมพิวเตอร์ของเรา ก็จะโชว์ไดรฟ์ที่ชื่อว่า DTLplus ขึ้นมา มีมาพร้อมไอคอนโลโก้ยี่ห้อ Kingston ให้เห็นชัดเจน เมื่อเปิดไดรฟ์ตัวนี้ขึ้นมา ก็จะเป็นการเรียกโปรแกรมสำหรับการกรอกรหัสผ่านเพื่อเข้าใช้งานไดรฟ์
เมื่อเปิดเข้าไปที่ไดรฟ์ ตัวโปรแกรมก็จะโหลดรูปกราฟฟิกด้านบนนี้ขึ้นมาที่กลางหน้าจอของเรา ระหว่างทำการโหลดข้อมูลเรียกโปรแกรม
ในครั้งแรกที่เสียบใช้งานตัวไดรฟ์นั้น จะมีหน้าต่างขึ้นมาให้เราทำการตั้งรหัสผ่านให้กับตัวไดรฟ์ก่อน และก็พวกข้อมูลอย่างชื่อเจ้าของ เมื่อเราตั้งค่าเรียบร้อยแล้ว ทุกครั้งที่เปิดใช้งานอีกครั้ง ก็จะเจอกับหน้าต่างด้านบนนี้ ที่ต้องให้เรากรอกรหัสผ่านที่ถูกต้องเข้าไป ถึงจะใช้งานได้ ซึ่งเมนูอื่นๆในหน้านี้ก็จะยังมีการแสดงคำใบ้รหัสผ่าน ที่เราตั้งเอาไว้แต่แรกแล้ว เพื่อช่วยในกรณีที่เราอาจจะเผลอลืมไปว่าตั้งรหัสผ่านว่าอะไรไว้ ต่อมาก็จะเป็นการรีเซ็ตรหัสผ่าน ในกรณีที่ทำยังไงเราก็นึกรหัสผ่านไม่ออก อาจจะต้องตั้งรหัสผ่านใหม่ไปเลย ซึ่งการจะตั้งรหัสใหม่นี้จะส่งผลให้ไดรฟ์ถูกฟอร์แม็ตข้อมูลทั้งหมดทิ้งด้วย มั่นใจได้ว่าใครเก็บไปรีเซ็ตรหัสผ่านยังไง ก็ไม่เห็นข้อมูลข้างในของเราแน่นอน ส่วนอันสุดท้ายเป็นการแสดงข้อมูลเจ้าของไดรฟ์ เผื่อว่าคนที่เก็บได้ไปเปิดดู จะสามารถนำมาคืนเราได้ถูก และเมนูทั้งหมดนี้ยังแสดงผลเป็นภาษาไทยได้อีกด้วย
ตัวโปรแกรมของตัวไดรฟ์ก็จะยังทำงานเป็น background อยู่ตลอดเวลาที่เรายังใช้งานไดรฟ์อยู่ โดยจะมีไอคอนโผล่ให้เห็นที่ system tray มุมจอขวามือด้านล่าง เมื่อคลิกขวาที่ไอคอนก็จะมีเมนูการปรับแต่งขึ้นมาให้เราได้เลือกใช้
การตั้งค่าก็จะมีตั้งแต่การเปลี่ยนรหัสผ่านใหม่ ใส่ข้อมูลการติดต่อของเจ้าของไดรฟ์ และภาษาของตัวโปรแกรม
การใช้งานบนระบบ Mac OS X
ส่วนทางฝั่งแม็คก็จะมีซอฟท์ให้เข้าใช้งานเหมือนกัน เสียบไดรฟ์แล้ว ก็ต้องเปิดโปรแกรมขึ้นมากรอกรหัสผ่านก่อน ไม่ว่าเครื่องระบบไหนก็เปิดเข้าไปดูเฉยๆไม่ได้แน่นอน?
เปิดขึ้นมาก็ต้องกรอกรหัสผ่านก่อน ถึงจะเข้าใช้งานได้เช่นเดียวกับระบบ Windows
สามารเข้าถึงการปรับแต่งค่าต่างๆได้จากการคลิกขวาที่ตัวไอคอนโปรแกรมบน Dock
ผลทดสอบความเร็วของตัวไดรฟ์ ก็อยู่ในระดับที่มาตรฐาน อ่านได้ที่ความเร็ว 18.1 MB ต่อวินาที และเขียนที่ 10.2 MB ต่อวินาที ความเร็วในการเขียนนั้นถือว่าทำออกมาได้ดี
สรุป
แฟลชไดรฟ์ตัวนี้เรียกว่าเป็นแฟลชไดรฟ์เพื่อการเก็บข้อมูลที่มีค่าเป็นอย่างยิ่ง เพราะว่ามันสามารถป้องกันการเข้าถึงของบุคคลอื่นที่ไม่ได้เป็นเจ้าของได้เป็นอย่างดี อย่างเช่นในกรณีที่เราทำตกหล่น แล้วมีผู้อื่นเก็บได้ ด้วยระบบการใส่รหัสผ่าน ที่ต้องใส่ทุกครั้งหลังจากเสียบแฟลชไดรฟ์เข้ากับตัวเครื่องก่อนการใช้งานนั้น ทำให้คนอื่นที่เก็บแฟลชไดรฟ์ตัวนี้ของเราได้ ไม่สามารถนำเอาไปเปิดดูข้อมูลได้แต่อย่างใด ซึ่งการเข้ารหัสป้องกันนี้ เป็นการเข้ารหัสด้วยระบบจากฮาร์ดแวร์ ทำให้มั่นใจได้ถึงความปลอดภัย และแม้ว่าผู้ที่เก็บได้ จะสามารถนำเอาไปรีเซ็ตรหัสผ่านเพื่อเอาไปใช้งานต่อได้ แต่ว่าการรีเซ็ตรหัสผ่านใหม่นี้ ก็จะเป็นการฟอร์แม็ตตัวแฟลชไดรฟ์ทั้งหมดไปด้วย ทำให้ข้อมูลเดิมที่มีอยู่ของเรานั้น ถูกลบออกไปจนหมด ไม่สามารถนำเอาไปเปิดดูได้ ใครที่มีไฟล์ข้อมูลสำคัญๆ ที่เป็นความลับ แฟลขไดรฟ์ตัวนี้ก็เหมาะเป็นอย่างยิ่ง ที่ตัวไดรฟ์มีไฟสถานะการทำงานสีฟ้าใส่มาให้ สามารถสังเกตการทำงานได้อย่างชัดเจน นอกจากนั้นเรื่องวัสดุที่เอามาทำอย่างโลหะนั้น ก็ให้ความแน่นหนา ดูหรูหรา ทนทาน อีกด้วย
จุดเด่น
- วัสดุโลหะอย่างดี หรูหรา แข็งแรง
- ระบบป้องกันด้วยการเข้ารหัสจากฮาร์ดแวร์ ปลอดภัย
- ซอฟท์แวร์สำหรับป้อนรหัสผ่านใช้ได้ทั้งระบบ Windows และ Mac
ข้อสังเกต
- ดีไซน์แบบฝาปิดหัว USB ดึงออกแล้วเสียบเอาไว้ที่ด้านท้ายไม่ได้ เสี่ยงต่อการสูญหาย
ขอขอบคุณ Kingston สำหรับ DataTraveler Locker+ G2 ในการทดสอบ