ด้วยเทรนด์ในการทำงานและการเรียนสมัยใหม่ มักจะมีการพกโน๊ตบุ๊คติดตัวไปด้วย ทำให้ตัวของ Ultrabook ที่มีจุดเด่นในเรื่องของขนาดที่บาง น้ำหนักเบา ประสิทธิภาพก็เรียกได้ว่าสามารถใช้ทำงานได้แทบทุกประเภทในปัจจุบัน ส่งผลให้กระแสความนิยมมีสูงมากขึ้นเรื่อยๆ โดยจากผลการสำรวจก็พบว่ายอดขายของ Ultrabook และโน๊ตบุ๊คบางเบาทั้งหลายที่มีราคาตั้งแต่ $700 หรือประมาณ 22,000 บาทเพิ่มขึ้นกว่า 11% เมื่อเทียบกับช่วง 5 เดือนก่อน ในขณะที่โน๊ตบุ๊คขนาดปกติมียอดขายลดลงมากว่า 17% แต่เทรนด์ที่น่าสนใจที่สุดก็คือการเติบโตของเครื่องที่ราคาเกินกว่า $900 หรือราวๆ 28,000 บาทที่มียอดขายพุ่งสูงมากว่า 39% เมื่อเทียบกับช่วงปลายปีที่แล้ว ซึ่งส่วนใหญ่เครื่องที่อยู่ในราคาระดับนี้และมีส่วนอยู่ในเปอร์เซ็นต์ยอดขายมากที่สุดก็คือกลุ่มเครื่อง Ultrabook ระดับกลางเรื่อยไปจนถึงระดับบนนั่นเอง
ทั้งนี้ได้มีการคิดค่าเฉลี่ยของราคาเครื่องที่เป็นที่นิยมมากที่สุดออกมา โดยในกลุ่ม Ultrabook นั้น ในช่วง 5 เดือนแรกของปีราคาเฉลี่ยที่ออกมาก็คือ $927 หรือราวๆ 29,000 บาท พอมาในช่วงเดือนพฤษภาคม พบว่าราคาเฉลี่ยตกลงมาเหลือ $885 นั่นคือประมาณ 27,500 บาท ที่ถึงแม้จะราคาเฉลี่ยจะลงมาแล้ว แต่ก็ยังค่อนข้างห่างไกลจากราคาเฉลี่ยของโน๊ตบุ๊คปกติอยู่ นั่นคือ $510 หรือราวๆ 16,000 บาทอยู่ดี อย่างไรก็ตามถือว่าเป็นสัญญาณที่ดี เพราะเราน่าจะได้เห็น Ultrabook ที่ราคาถูกลงกว่าเดิมในอีกไม่ช้าแน่นอน
ซึ่งปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ผู้คนหันมานิยมใช้ Ultrabook ก็คือเรื่องของขนาด ความบาง น้ำหนักเบา รวมไปถึงดีไซน์ที่แทบทั้งหมดถูกออกแบบมาให้ดูโดดเด่น มีสไตล์อยู่ในตัว จึงทำให้ Ultrabook เป็นที่นิยมขึ้นมาได้ในเวลาไม่นานนัก
อีกทั้งในช่วงปลายปีนี้จะยังมีการเข้าสู่ตลาดของ Windows 8 พร้อมกับบรรดา Ultrabook จอสัมผัส รวมไปถึงเหล่าเครื่องไฮบริดทั้งหลายอีก ทำให้น่าสนใจมากว่าความนิยมในตัวของ Ultrabook จะสูงขึ้นขนาด และจะเข้ามาแข่งกับ MacBook Air ที่นำและเป็นเจ้าตลาดได้สูสียิ่งขึ้นขนาดไหน แต่ทั้งนี้ยิ่งมีการแข่งขัน ผลประโยชน์ก็ยิ่งตกอยู่กับผู้บริโภคละนะ
ที่มา : Notebookcheck