ถ้าพูดถึงแบรนด์ระดับโลกอย่าง Samsung คงจะไม่มีท่านใดไม่รู้จักกับสุดยอดนวัตกรรมไม่ว่าจะเป็น TV , Mobile Phone และ Digital media Home ต่างๆ แต่สำหรับในวงการโน๊ตบุ๊คแล้วถือได้ว่าเป็นหน้าใหม่ในวงการนี้ก็ว่าได้ แต่ในครั้งนี้ทาง Samsung ก็ได้สร้างปรากฎการณ์ใหม่ของความบางให้เกิดขึ้นในวงการโน๊ตบุ๊คจนได้ด้วย Samsung Series 9 Ultrabook ตัวใหม่จากทาง Samsung ที่ได้ขึ้นชื่อว่าบางที่สุดในโลก ณ ขณะนี้?
เมื่อได้สัมผัสครั้งแรกก็รับรู้ถึงความบาง และ เบาของ Samsung Series 9 Ultrabook ได้ในทันที แต่ก็แฝงไปด้วยความคงทน แข็งแรง ที่มาพร้อมกันดีไซน์ที่ไม่เหมือนใครบ่งบอกถึงความใส่ใจในการออกแบบอย่างแท้จริง มาดูกันดีกว่าว่าทาง Samsung ใส่ใจในการออกแบบการใช้งานขนาดไหนสำหรับ Samsung Series 9 Ultrabook ตัวนี้ มาชม VDO สำหรับความใสใจในการออกแบบ การสร้างสรรค์ที่วิจิตรบรรจงและพรีเซนเตอร์ Samsung Series 9 Ultrabook กันเลย
สเปกเครื่อง
?
Samsung Series 9 Ultrabook สเปกนั้นก็จัดมาเต็มที่สำหรับ Ultrabook โดยแกนขับเคลื่อนหลักอยู่ที่ Intel Core i5-3317U ที่เป็น CPU ประเภทประหยัดพลังงานทำให้สามารถใช้งานเครื่องได้ยาวนาน ตามมาด้วยกราฟฟิกประสิทธิภาพที่ถูกบรรจุมากับ CPU Intel Core i7 generation 3 ทุกรุ่นอย่าง Intel HD 4000 ที่เพียงพอกันการใช้งานในระดับกลาง พร้อมทั้งหน้าจอขนาด 13.3 นิ้วที่เหมาะในการพกพา RAM ถูกติดตั้งมาในขนาด 4GB ที่ความเร็ว 1600MHz และ SSD ขนาด 128GB ที่ทำให้การเข้าถึงข้อมูลทำได้รวดเร็วทันใจ ในส่วนพอร์ตการใช้งานก็มีมาให้เลือกใช้กันครบท่วนไม่ว่าจะเป็น USB 2.0, USB 3.0, mini HDMI port, mini Display port และสุดท้ายกับ LAN(RJ-45) ที่มาในแบบคอนเน็กเตอร์ต่อพ่วง
เริ่มต้นด้านการออกแบบกันเลย สำหรับฝาหลังของ Samsung Series 9 Ultrabook ถูกออกแบบมาให้มีความเรียบ หรู อยู่ในตัวเองด้วยวัสดุ Alunimiun Alloy ทั้งตัวเครื่องทำให้มีความแข็งแรงเป็นอย่างมาก สีของตัวเครื่องนั้นเป็นสีพิเศษที่ทาง Samsung ใช้กับรุ่นนี้โดยเฉพาะ โดยจะมีสีน้ำเงินน้ำทะเลเข้มจนเกือบเป็นสีดำซึ่งเลียนแบบสีของหินภูเขาไฟ หรือที่ทาง Samsung เรียกว่า Mineral Ash Black? สัญลักษณ์ Samsung ด้านบนนั้นไม่ได้เป็นโลหะชุปโครเมียมเหมือนกันในตัวอื่นๆ แต่ทำจาก Aluminium Alloy ขัดมันทำให้ไม่มีลอกเมื่อถูกสัมผัสหรือกระแทก ด้านความบางนั้นถือว่าสุดยอดสำหรับเจ้าตัวนี้ ที่มีความบางเพียง 12.9 มิลลิเมตรเท่านั้นซึ่งถือว่าบางที่สุดใน Ultrabook ขณะนี้ อีกทั้งยังหนักเพียง 1.16 กิโลกรัมเท่านั้น จัดว่าเป็น Ultrabook ขนาด 13 นิ้วที่พกพาได้สะดวกที่สุดก็ว่าได้ครับ
ภายในนั้นใช้วัสดุประเภทเดียวกับด้านนอกทำให้ดูแข็งแรงเป็นพิเศษ การออกแบบเป็นแบบคลาสสิก เรียบๆ ดูดีมีระดับจนเมื่อได้ไปใช้งานที่ไหนอาจจะเป็นจุดสนใจได้เลย งานประกอบทำได้ดีมากดูเป็นเนื้อเดียวกันตลอดทั้งเครื่องไม่มีในส่วนที่เกยกันออกมาให้เห็นแม้แต่น้อย สมกับที่เป็น Ultrabook ระดับพรีเมี่ยมจากทาง Samsung จริงๆ?
คีย์บอร์ดสำหรับ Samsung Series 9 Ultrabook มาในแบบ Chiclet Keyboard ที่ปุ่มส่วนใหญ่ได้เว้นระยะมาเท่ากันโดยทั้งหมด จึงสามารถใช้งานได้ง่าย อีกทั้งในส่วนของการสกรีนปุ่มก็ดูสวยงามลงตัว
ส่วนของการใช้งาน Blacklit คีย์บอร์ดนั้นออกแบบมาได้เป็นอย่างดี ความสว่างนั้นเราสามารถปรับได้มากถึง 4 ระดับรวมถึงยังยังมีเซนเซอร์ที่เปิดใช้ไฟ Blacklit เองเมื่ออยู่ในที่มืด และไม่ว่าจะมองในมุมไหนก็ไม่มีแสงรอดมาให้ได้แสบตากัน เรียกได้ว่าในส่วนของ?Blacklit คีย์บอร์ด สามารถใช้งานได้จริง
ลงมาด้านล่างจะพบกับทัชแพตหน้าตาแบบชิ้นเดียว ที่มีความกว้างมากขึ้นแถมยังรองรับการใช้งานแบบมัลติทัชเพื่อรองรับระบบปฎิบัติการ Windows 8 ในอนาคต กับรอยบากที่ช่วยให้เปิดฝาเครื่องได้อย่างง่ายดาย ด้านขวาของทัชแพตก็พบกับสติ๊กเกอร์ที่บ่งบอกถึงความเป็น Ultrabook ที่ใช้ CPU ประเภทประหยัดพลังงาน พร้อมด้วย Windows OS ลิขสิทข์จากทาง Microsoft ที่เป็นสีดำเพื่อให้เข้ากับตัวเครื่องมากยิ่งขึ้น
เหนือคีย์บอร์ดขึ้นมาด้านซ้ายจะมีไฟบอกสถานะ การชาตแบตเตอรี่กับ เซนเซอร์แสงที่จะคอยลดและเพิ่มความสว่างของจอและยังช่วย เปิด-ปิด blacklit อัตโนมัติอีกด้วย
จอภาพที่ให้มากับ Samsung Series 9 Ultrabook นั้นมีความละเอียด 1600 x 900 พิกเซล ซึ่งถือว่าสูงมากเมื่อเทียบกับโน๊ตบุ๊คขนาด 13.3 นิ้วทั่วไป ตัวจอนั้นยังเป็นแบบ non glass จึงทำให้ไม่มีเงาสะท้อนและยังสามารถใช้ในที่มีแสงสว่างมากถึง 400 nit ด้วยเทคโนโลยี?Super Bright Display และเทคโนโลยี?Slim Bazel ของทาง Samsung ได้ถูกนำมาใช้เพื่อลดขนาดของกรอบหน้าจอ พร้อมทั้งเพิ่มพื้นที่ในการแสดงผลให้กว้างขึ้นถึง 1 นิ้ว?ซึ่งจากการใช้งานนั้นประทับใจกับสีของตัวจอเป็นอย่างมากภาพที่ได้มีสันสดใสเหมือนดังจอกระจกทั้งที่เป็นจอชนิดด้าน พร้อมติดตั้งกล้องความละเอียด 1.3 ล้านพิกเซลมาด้วย
ด้านพอร์ตการเชื่อมต่อต่างๆ ก็มาไม่น้อยหน้าเจ้าอื่นๆ โดยด้านว้ายจะพบกับ ช่องเสียบชาร์ตอแดปเตอร์,USB 3.0 จำนวน 1 พอร์ต,mini HDMI และช่องเสียบสาย LAN แบบเฉพาะ(มีหัวแปลงเป็น RJ-45มาให้ในกล่อง)
ส่วนด้านขวาจะมีในส่วนของ USB 2.0 จำนวน 1 พอร์ต,ช่องเสียบไมค์และหูฟังในช่องเดียวกัน, Mini Display Port และสุดท้ายกับไมค์แบบฝังมากับตัวเครื่อง
ด้านหน้าของตัวเครื่องมีเพียงช่องบากไว้เพื่อให้สามารถเปิดใช้งานเครื่องได้ง่าย
ส่วนด้านหลังก็เรียบ มีเพียงช่องระบายอากาศ 2 ช่องเท่านั้น
ในส่วนของบานพับนั้น จะเป็นแกนเหล็กยาวที่ดูแข็งแรง ทนทาน สำหรับท่านที่มือหนักเปิดแรงๆก็ไม่น่าจะมีปัญหา
ด้านล่างของ Samsung Series 9 Ultrabook ออกแบบมาเรียบๆ เช่นกัน โดยมีช่องดูดอากาศอยู่ 2 ช่อง ทางด้านซ้ายนั้น มีลำโพงของตัวเครื่องซึ่งให้เสียงที่ดังและดีระดับหนึ่งทั้งยังถูกติดตั้งอยู่เฉียงไปบริเวณขอบเครื่องลดปัญหาเวลาใช้งานบนตักหรือที่นอนแล้ว ไม่ได้ยินเสียงจากลำโพง ด้านขวาล่างของตัวเครื่องมีการ์ดรีดเดอร์ถูกติดตั้งมาโดยมีฝาปิดแบบสปริงทำให้ใช้งานได้สะดวกมากยิ่งขึ้น
สังเกตุดีๆจะเห็นว้าใต้ตัวเครื่องนั้นจะมีรูเล็กๆ อยู่ ไว้ใช้สำหรับเวลาที่เครื่องมีปัญหาเกิดอาการค้างจนเกิดปุ่มเปิด-ปิดเครื่องไม่ได้ให้มาจิ้มตรงนี้เลย หรือเท่ากับว่ามันคือปุ่ม Reset นั้นเอง
มาชมกันด้านในบ้างดีกว่าสำหรับ Ultrabook แล้วมีอยู่ไม่มากนักที่สามารถถอดฝาใต้เครื่องได้รวมถึง Samsung Series 9 Ultrabook ตัวนี้ด้วย เปิดเข้ามาเราจะพบกับท่อทองแดงขนาดใหญ่ที่เคลือบดำไว้เพื่อป้องกันการเสื่อมของท่อทองแดงทั้งยังพาดผ่านในส่วนของ CPU และ Chipset ทั้งสองท่ออีกด้วย และพัดลมขนาดใหญ่ 2 ตัวที่ช่วยระบายอาการให้กับเครื่องได้เป็นอย่างดี
บริเวณด้านซ้ายจะพบกับ Wireless Module จากทาง Intel ที่เป็นตัวรับสัญญาณไวเลส และด้านขวากับ SSD จากทาง SanDisk ขนาด 128GB ที่ถูกเชื่อมต่อกับพอร์ต m-SATA
แบตเตอรี่ที่ถูกติดตั้งมาเป็นประเภท Li-Polymer ขนาด 40Wh (5440mAh) ที่ให้ความยืดหยุดในการออกแบบตัวแบตเตอรี่ได้มากกว่า Li-ion
อุปกรณ์ที่ให้มาในกล่องนั้นมีแต่เพียงของที่จำเป็นเท่านั้น? คอนเน็กเตอร์ LAN(RJ-45) เป็นแบบโดยเฉพาะสำหรับรุ่นนี้ และในส่วนของอแดปเตอร์ก็จัดได้ว่าขนาดนั้นค่อนข้างเล็กทำให้พกพาไปกับตัวเครื่องได้อย่างสะดวก
Temperature
idle
Full Load
เมื่อตั้งการใช้งาน Full load ไปได้ประมาณ 15 ทีนาทีพบว่าความร้อนเพิ่มขึ้นราวๆ 20-30 เปอร์เซน วึ่งถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดี อุปหภูมิของตัวเครื่องวัดได้สูงสุดที่? 50 องศา ที่ยังสามารถวางบนตักเวลาใช้งานได้อย่างสบายๆ สมกับที่เป็น Ultrabook ที่ใช้ชิปประมวลผลจาก Intel Core แบบประหยัดพลังงานพิเศษ