ถ้าลองเดินเข้าไปในร้านของ Apple (บรรดา iStudio ก็น่าจะใกล้เคียงกัน) จะเห็นได้ว่าการตั้งเครื่องไว้ให้สำหรับทดลองใช้งานภายในร้านจะทำได้น่าสนใจและดึงดูดให้คนที่ผ่านไปผ่านมาเข้าไปลองเล่น ลองสัมผัสตัวเครื่อง ไม่ว่าจะทั้งส่วนของ MacBook, iPad, iPhone หรือผลิตภัณฑ์ต่างๆ ซึ่งก็ได้มีการสำรวจและทำวิจัยมาเป็นว่าเกือบ 1 ปีเลยทีเดียว ผลที่ได้ก็ออกมาประมาณนี้ครับ
Apple จะให้ความใส่ใจกับในทุกๆ รายละเอียดของการตั้งวางเครื่องสาธิต ไล่มาตั้งแต่โต๊ะวางเครื่องที่จะต้องสะอาด ไม่มีลวดลายยุ่งเหยิง ตัวเครื่องโดยเฉพาะ MacBook จะต้องตั้งจอให้ได้มุมประมาณ 70 องศาเท่าๆ กัน เพื่อให้ลูกค้าสามารถปรับระดับมุมจอให้ตรงกับสายตาของตนได้ง่าย
ในเครื่องก็ต้องติดตั้งโปรแกรมต่างๆ ให้ครบถ้วนเพื่อให้ลูกค้าสามารถลองเล่นได้ครอบคลุมในหลายๆ การใช้งาน และแน่นอนว่าจะต้องเชื่อมต่อินเตอร์เน็ตที่สามารถใช้งานได้ไว้ด้วย ทั้งนี้ก็เพื่อให้ลูกค้าได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดีทั้งการใช้งานทั่วไปและการใช้งานอินเตอร์เน็ต ซึ่ง Apple จะปล่อยให้ลูกค้าได้เล่นอย่างเต็มที่โดยไม่ไล่หรือไม่มายืนกดดัน นอกเสียจากจะเรียกพนักงานมาสอบถามเท่านั้น
ในการสาธิตการใช้งานให้กับลูกค้านั้น พนักงาน Apple จะสอนการใช้งานแบบตัวต่อตัวเท่านั้น และจะไม่แตะต้องคอมเครื่องนั้นเลย โดยจะปล่อยให้ลูกค้าเป็นผู้ใช้งานเอง ถ้าลูกค้าสงสัยตรงไหน พนักงานก็จะใช้การบอกคำตอบ แล้วให้ลูกค้าลองทำเอง ซึ่งก็เพื่อสร้างให้ลูกค้าเกิดความรู้สึกในความเป็นเจ้าของตัวเครื่องด้วยตนเอง ส่วนหนึ่งก็เพื่อสร้างความรู้สึกแบบ brand loyalty ในตัวลูกค้าด้วย
ในประเด็นของประสบการณ์การเป็นเจ้าของที่ผู้ใช้จะได้รับด้วยตนเองนั้น เป็นสิ่งที่ Apple เน้นมาตลอด ตั้งแต่สมัยปี 2001 ที่ Steve Jobs เข้ามาเดินสำรวจในร้านด้วยตนเอง แล้วกำหนดมาเลยว่าเครื่องที่จะให้ลูกค้าลองเล่นทุกเครื่องจะต้องเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตพร้อมใช้งานตลอดเวลา เพื่อรองรับการใช้งานของลูกค้าที่จะมาลองเครื่องในหลายๆ รูปแบบ หรือในกลุ่มของ iPod ก็ต้องมีหูฟังเอาไว้ให้ลูกค้าได้ลองฟังเพลงในเครื่อง เพื่อทำให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์การใช้งานด้วยตนเอง
จากด้านบนนี้ ยังเป็นแค่บางส่วนเท่านั้นที่ Apple ใส่ใจในรายละเอียด ซึ่งรายละเอียดยิบย่อยเหล่านี้นี่เองที่ทำให้ Apple เป็นอีกหนึ่งแบรนด์ที่สร้างประสบการณ์การใช้งานที่ดีให้กับผู้ใช้หลายๆ คนมาแล้ว
ที่มา : Forbes