MacBook Air?(Mid 2011)?ในส่วนของกล้องเว็บแคมทาง Apple จะใช้ชื่อว่า?iSight ซึ่งเมื่อพร้อมใช้งานจะมีไฟสีเขียวติดขึ้นมา ที่แสดงถึงสถานะในการเปิดกล้อง โดยมีความละเอียดสูงสุดในการถ่ายภาพที่ 1.3 ล้านพิกเซล และรองรับการถ่ายวีดีโอสูงสุดที่ 640 x 480 พิกเซล คุณภาพจัดได้ว่าเพียงต่อกการใช้งานทั่วไปทีเดียว
สำหรับลำโพงของ??MacBook Air?(Mid 2011)?จะเป็นแบบสเตอริโอ ที่ซ่อนตัวอยู่ภายใต้คีย์บอร์ดอย่างที่ MacBook Pro ใช้วิธีการนี้เช่นกัน เพื่อใช้พิ้นที่ในตัวเครื่องได้อย่างคุ้มค่า เพราะนั้นแล้วถ้าหากเราจะตัวลำโพงของตัวเครื่องจริงๆ คงจะยากหน่อย ?คุณภาพเสียงกอยู่ในเกณฑ์ที่เสียงดังใช้ได้ ส่วนไมโครโฟนเป็นแบบเดียวกับ MacBook Pro คือเจาะเป็นช่องเล็กๆ โดยวางซ่อนไว้บริเวณมุมซ้ายบนของคีย์บอร์ด
MacBook Air?(Mid 2011)?ตัวเครื่องโดยรอบก็จะดูเรียบๆ ตามสไตล์ของ Apple ตามภาพด้านล่างเป็นการเทียบกับ MacBook Pro ที่หลักๆ แล้วช่องเชื่อมต่อต่างๆ จะอยู่ในด้านข้างเครื่อง ในส่วนที่หนาที่สุด
เริ่มจากทางด้านซ้ายของตัวเครื่องจะเป็น MacSafe ที่ชาร์จเอกสิทธิ์ของ Apple โดยเฉพาะ ที่เชื่อได้ว่าใครเคยใช้งานในส่วนนี้แล้วจะชอบในทันที ต่อมาก็เป็นช่อง USB 2.0 และสุดท้ายในด้านนี้ก็คือช่องเสียบหูฟังและไมค์ขนาด 3.5 ม.ม. มาตรฐานปกติทั่วไป
อีกด้านจะเป็นช่องการ์ดรีดเดอร์ที่ใช้งานได้กับ SD Card ที่เป็นการ์ดที่ใช้ในอุปกรณ์อย่างกล้องดิจิตอลเป็นหลัก ถัดมาก็จะเป็นช่อง USB 2.0 ธรรมดาหนึ่ง ?
สุดท้ายก็คือ Mini DisplayPort ที่ในเครื่องรุ่นนี้กับช่องเชื่อมต่อ Thunderbolt จะเป็นช่องเดียวกัน โดยรองรับทั้งการแสดงภาพและเสียงออกไปยังหน้าจอต่อภายนอกอย่าง Apple?Thunderbolt Display ได้หนึ่งจอ ต่างจาก MacBook Pro ที่สามารถเชื่อมต่อจอได้ถึง 2 หน้าจอด้วยกัน?
อีกทั้งในส่วนของ?Thunderbolt สนับสนุนการใช้งานโอนถ่ายข้อมูลได้รวดเร็วถึง 10 Gbps เรียกได้ว่าเป็นระดับความเร็วที่เหนือกว่า USB 3.0 ซะอีก แต่ก็ยังน่าเสียดายอยู่เล็กน้อยที่อุปกรณ์ต่อพวงที่เป็น?Thunderbolt นั้น ยังไม่แพร่หลายเท่าที่ควร?
ที่หลักๆ แล้วมีส่วนต่างไปจาก MacBook Pro อยู่พอสมควร นอกเหนือจากไดร์ฟ DVD ที่ถูกตัดไปแล้ว ก็จะมีในเรื่องไฟสถานะเครื่องที่MacBook Air?(Mid 2011)?ไม่มี?ต่อมาก็จะเป็นปุ่มเช็คแบตเตอรี่ที่ถูกตัดออกไปเช่นกันและสุดท้ายก็จะเป็นตัวล็อค?kensington ที่ในตัวของ?MacBook Air?(Mid 2011)?ก็ได้เอาออกไป
?
ด้านล่างตัวเครื่องของ?MacBook Air?(Mid 2011)?จะมาในแนวที่เรียบๆ โดยจะเป็นฝาปิดอะลูมิเนียมแบบชิ้นเดียวทั้งแผ่น ซึ่งตามภาพด้านล่างจะเป็นการเปรียบเทียบกับ MacBook Pro ที่อยู่ทางด้านขวา ที่โดยรวมแล้วในด้านของการดีไซน์ แทบจะไม่แตกต่างกันเลย แต่มีส่วนที่ไม่เหมือนกันเล็กๆ น้อยๆ อยู่ตรงที่หัวน็อตจะเป็นคนละแบบกัน
?ส่วนทั้งสี่มุมของตัวเครื่อง จะเป็นตัวรองพลาสติกสีดำ ไว้ทำหน้าที่ยกตัวเครื่องให้สูงขึ้นจากพื้น
มีรายละเอียดเล็กน้อยเกี่ยวกับ S/N ของตัวเครื่อง?MacBook Air?(Mid 2011)?
ด้านหน้าตรงกลางจะมีการเว้นช่องเอาไว้อย่างสวยงาม เพื่อเพิ่มความสะดวกในการเปิดหน้าจอ?
ระบบระบายความร้อนได้ถูกซ่อนไว้บริเวณข้อพับของหน้าจอ ตามแนวทางการออกแบบเหมือนกับ MacBook Pro ไม่แตกต่างกัน?
MacBook Air?(Mid 2011)?แบตเตอรี่เป็นแบบติดตั้งภายในไม่สามารถถอดเปลี่ยนเองได้ ซึ่งภายในประกอบไปด้วยแบตเตอรี่จำนวน 4 ก้อนใหญ่ๆ ความจุ 6632 mAh ที่ถือได้ว่าสเปกของแบตเตอรี่เองก็อึดอยู่ในระดับหนึ่งเลยทีเดียว ยิ่งเมื่อเทียบกับโน๊ตบุ๊คทั่วไปแล้วจะเห็นได้ว่ามากกว่าพอสมควร โดยสามารถใช้งานได้ต่อเนื่องยาวนานสูงสุดถึง 7 ชั่วโมงด้วยสำหรับขนาดหน้าจอ 13.3 นิ้ว และสามารถอยู่ในสถานะสแตนด์บายได้นานถึง 30 วันด้วยกัน
ที่ตามในภาพจะเห็นว่าในตัว?MacBook Air?(Mid 2011)?เองจะสามารถเช็คดูสถานะสุขภาพของแบตเตอรี่ได้ รวมไปถึงรอบชาร์จด้วย ผ่านทางซอฟต์แวร์ในตัวเครื่อง
ถัดมากับหัวชาร์จที่ Apple เรียกว่า MacSafe โดยมีลักษณะพิเศษคือ เป็นแม่เหล็กดูดติดกับเครื่อง เรียกได้ว่ามีความปลอดภัยในการใช้งานสูงหากเราไม่สะดุดสายไฟ ตัวเครื่องก็จะไม่ตกลงมา โดย MacSafe เป็นสิทธิบัตรของ Apple เพียงราย ฉะนั้นแล้วเราจะเห็นที่ชาร์จแบบนี้ได้ ก็จะมีเพียง MacBook เท่านั้น
ซึ่งเมื่ออยู่ในสถานะที่เชื่อมต่อกับปลั๊กไฟเรียบร้อยแล้วก็จะมีไฟแสดงขึ้นมา โดยสีส้มคือกำลังชาร์จและสีเขียวคือชาร์จเต็มแล้ว?
?ส่วนของตัวอแดปเตอร์เองสามารถถอดเปลี่ยนหัวปลั๊กได้ ตามลักษณะการใช้งาน ว่าจะใช้สายยาวหรือแบบหัวปล้๊กไฟติดอยู่กับอแดปเตอร์เลย??
ที่โดยส่วนตัวขอแนะนำให้ใช้เป็นแบบสายยาว เพราะจะเป็นปลั๊กไฟแบบ 3 ขา คือมีสายดินอยู่ด้วย ป้องกันการโดนไฟดูดจากตัวเครื่องอะลูนิเมียมของ MacBook Air เองด้วย
แน่นอนว่า?MacBook Air (Mid 2011)?จะมาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Mac OS X ใหม่ล่าสุด ที่เป็นเวอร์ชั่น 10.7 Lion ที่มีคุณสมบัติต่างๆ มากมาย ที่ถ้าใครเคยใช้แต่ระบบปฏิบัติการ Windows มา เมื่อมาใช้ Mac แรกๆ อาจจะงงๆ บ้าง แต่เชื่อได้ว่าถ้าได้ใช้จริงจังแล้วจะติดใจจนไม่กลับไปใช้ Windows ก็เป็นไปได้?โดยหลักๆ นี้จะขอแนะนำคุณสมบัติใหม่ๆ ที่มีอยู่ใน Mac OS X?10.7 Lion กันนะครับ
ขอเริ่มด้วยสามารถชูโรงของ Lion กัน Mission Control ที่เป็นการรวมการทำงานของระบบ Expos? และ Dashboard เข้าด้วยกันอย่างลงตัว โดยเราสามารถใช้ Mission Control ในการดูว่าเราเปิดโปรแกรมอะไรอยู่บ้าง หรือจะเอาไว้ดูว่าเปิด Finder อะไรค้างใว้กี่หน้าต่างก็ทำได้ เมื่อใช้งาน Mission Control ก็จะเป็นบรรดาโปรแกรมที่กำลังทำงานแบบเต็มหน้าจออยู่ รวมไปถึง สามารถเข้าถึงส่วนของ Dashboard ได้จากที่นี่เลยด้วย ซึ่งหน้าตารวมๆ แล้วก็สวยและล้ำใช้เล่น
ถัดมาเป็น Launchpad กับคุณสมบัติและหน้าตาการทำงานที่ถอดแบบมาจาก iOS เรียกได้ว่าเป็นการจำลองหน้าจอจัดเรียงไอคอนทั้งหมดในเครื่อง ลักษณะจะเหมือนกับ iOS แต่เราสามารถเลื่อนหน้าจอไปหน้าอื่นๆ ได้ และสามารถจัดวางส่วนของโฟลเดอร์ต่างๆ ได้เหมือนบน iOS เลย ใครที่ใช้ iPhone และ iPad มาแล้วบ้าง เชื่อได้ว่าสามารถใช้กับ Mac OS X 10.7 Lion ได้อย่างสบายๆ เลยทีเดียว
นอกเหนือจากนั้นยังมีชุดโปรแกรม i Life ?11ชุดซอฟต์แวร์ที่ติดตั้งมาให้ในการใช้งานดูภาพแต่งภาพ ตัดต่อวีดีโอ รวมไปถึงในการทำเพลงแต่เพลงอีกด้วย โดยประกอบไปด้วยโปรแกรม iPhoto, iMovie และ?GarageBand เวอร์ชั่นล่าสุด ที่ขอบอกว่าเราไม่จำเป็นต้องหาโปรแกรมอื่นๆ มาติดตั้งเพื่อใช้งานลักษณะแบบนี้เลย เพราะตัวของ?ชุดโปรแกรม i Life?11 สามารถทำได้ดีอยู่แล้ว?
?
จอภาพของ?MacBook Air?(Mid 2011)?ไม่ได้มีการระบุว่าเป็นหน้าจอพาเนลแบบ IPS แต่อย่างใด รวมไปถึงในส่วนของ MacBook Pro เช่นกัน แตกต่างจาก iMac ที่เป็นจอแบบ IPS จริงๆ ดังนั้นอาจจะพบปัญหาสีสันไม่ตรง รวมถึงไปมุมมองหน้าจอที่น่าจะแคบกว่า?เมื่อเทียบกับจอ IPS แบบแท้ๆ ได้?
?
ทาง Apple เลือกที่จะใช้จอภาพที่มีความละเอียดสูงขึ้นกว่าปกติเพื่อให้รองรับการแสดงผลมาตรฐาน 720p โดยขนาดจอ 11 นิ้วมีความละเอียดสูงสุด 1366 ? 768 และขนาดจอ 13 นิ้วมีความละเอียดสูงสุด 1440 ? 900 ซึ่งเท่ากับจอของ MacBook Pro 15 นิ้ว ทำให้เราพอจะเห็นแนวทางว่าต่อไปความละเอียดของจอภาพ MacBook Pro น่าจะเพิ่มขึ้น
ที่ต้องบอกว่ารู้สึกดีมากๆ เมื่อได้ใช้งานหน้าจอ 13.3 นิ้ว ในความละเอียด 1440 x 900 พิกเซล เพราะมีพื้นที่ในการใช้งานมากกว่า MacBook Pro ที่โดยส่วนตัวใช้เองอยู่ ตัวอักษรตามหน้าเว็บก็จัดได้ว่ายังไม่เล็กจนเกินไปนัก อ่านได้สบายๆ ไม่ปวดตา ไม่ต้องเพ่ง
ซึ่งอย่างที่บอกไปแล้วว่า?MacBook Air?(Mid 2011)?นั้น ไม่ได้ใช้พาเนลคุณภาพสูงอย่าง IPS แต่อย่างใด แต่จากการทดสอบการคาลิเบต ก็ถือได้ว่า MacBook Air ยังได้เลือกใช้เป็นพาเนลคุณภาพสูง สูงกว่าโน๊ตบุ๊คค่ายอื่นๆ อย่างแน่นอนในราคาค่าตัวที่เท่าๆ กัน โดยจะเห็นว่ามีเพียงอุณภูมิสีที่เปลี่ยนแปลงไปเท่านั้น หลังจากการคาลิเบต
ภาพด้านบนก่อนคาลิเบต ? ภาพด้านล่างคาลิเบตแล้ว
ด้านการทดสอบประสิทธิภาพหรือวัดผล Benchmark นั้น ต้องขอบอกก่อนว่า Apple MacBook เองไม่ได้มีโปรแกรมหรือตัวทดสอบที่มากมาย ทำให้หลักๆ แล้ว หากจะวัดเป็นตัวเลขจะเป็นการทดสอบจากโปรแกรม Geekbench ที่ MacBook Air ตัวก่อนหน้านี้ ได้คะแนนไปเพียง สองพันกลางๆ เท่านั้น ซึ่งในส่วนของการทดสอบกับ?MacBook Air?(Mid 2011)?เห็นได้ว่าคะแนนพุ่งสูงขึ้นมาเป็น 2 เท่าเลยทีเดียว โดยผลก็น่าจะมาจากการที่ใช้ชิปประมวลผล Intel Core i ครับ
แน่นอนว่าจากการทดสอบโปรแกรมต่างๆ แบบใช้งานจริงๆ?MacBook Air?(Mid 2011)?ก็สามารถตอบสนองการทำงานได้เป็นอย่างดี ไม่มีอาการช้าหรือหน่วงให้เห็นเลย อาทิเช่นเปิดใช้งานโปรแกรมที่กินทรัพยากรหนักๆ อย่าง Aperture ที่เรียกได้ว่าเป็นโปรแกรมแต่งภาพถ่ายระดับมืออาชีพ ซึ่งมีผลให้โปรแกรมนี้ใช้ทรัพยากรของเครื่องที่มากพอสมควรในการประมวลผลภาพ ที่มีการใช้งานอยู่ตลอดเวลา
นอกเหนือจากนั้นได้มีการทดสอบการใช้คุณสมบัติ AirDrop ที่อาศัยการเชื่อมค่อ Wi-Fi ในวงเดียวกัน โดยคุณสมบัตินี้จะมีแต่ Mac รุ่นใหม่ๆ เท่านั้น โดยจะทำหน้าที่เป็นตัวโอนถ่ายไฟล์ระหว่างเครื่องสองเครื่อง ซึ่ง?AirDrop นั้น?เราไม่จำเป็นต้องตั้งค่าอะไรในเครื่องเลย เพียงแค่ไปที่เมนู AirDrop ของ Mac ทั้งสองเครื่อง จากนั้นก็เลือกไฟล์แล้วลากไปยังเครื่องในวงเครือข่ายเดียวกันได้ทันที เรียกได้ว่าง่าย สะดวกสบายมากๆ ครับ
หรือถ้าใครไม่สะดวกที่จะใช้ระบบปฏิบัติการ Mac OS X หรือยังมีความจำเป็นต้องใช้ Windows อยู่บ้าง ตัวของ?MacBook Air?(Mid 2011)?ก็สามารถติดตั้ง Windows ได้ อาศัยผ่านทางคุณสมบัติ Boot Camp ที่อาจจะลำบากนิดหน่อยคือต้องหาไดร์ฟ DVD มาเพื่อใช้แผ่นในการลง หรือถ้าใครมีแฟลชไดร์ฟที่ไว้ใช้ติดตั้ง Windows อยู่แล้วก็สามารถใช้งานได้ทันที?สำหรับวิธีการและขั้นตอนนั้นสามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่ครับ?
MacBook Air 13 (Mid 2011)? : นับตั้งแต่ ?Apple ?ได้มีการเปิดตัว MacBook Air เครื่องแรก ก็เรียกได้ว่าเป็นการพลิกโฉมวงการคอมพิวเตอร์ทีเดียว กับการมาของโน๊ตบุ๊คสุดบางที่ในตอนนี้มาถึงเจนเนอเรชั่นที่ 5 (รุ่นปัจจุบัน) ที่ใช้ชิปประมวลผลเป็น Intel Core i ที่ให้ประสิทธิภาพการทำงานที่สูงขึ้นกว่ารุ่นก่อนๆ เรียกได้ว่าเป็นการลบจุดด้อยของ MacBook Air ที่มีข้อจำกัดเรื่องนี้มาโดยตลอดทีเดียว
ที่ในตัวทดสอบที่เราได้มานั้นเป็น?MacBook Air?(Mid 2011)?ขนาดหน้าจอ 13.3 นิ้ว ความละเอียด 1440 x 900 พิกเซล พร้อมชิปประมวลผลเป็น Intel Core i5 2557M ความเร็ว 1.7GHz ?อีกทั้งยังอัพไปได้ถึง 2.7GHz ทีเดียว แรมแบบถอดเปลี่ยนเองไม่ได้ติดเครื่องมาให้จำนวน 4GB ที่เพียงพอต่อการใช้งานสบายๆ รวมไปถึงยังมีฮาร์ดดิสก์แบบ SSD ความเร็วสูง แน่นอนว่าส่งผลให้ในด้านสเปกของเครื่องนั้นหายห่วงเรื่องประสิทธิภาพการทำงาน อีกทั้งยังมีระบบปฏิบัติการ Mac OS X เองอยู่แล้ว ทำให้มีการเข้ากันทั้งส่วนของฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ได้เป็นอย่างดี มีความสเถียรแบบไม่ต้องกังวลว่าเครื่องจะแฮงค์หรือค้าง แบบที่เจอในโน๊ตบุ๊ค Windows ทั่วไป พูดง่ายๆ คือให้ประสบการณ์ในการใช้งานจริงๆ ได้เป็นอย่างดี
ด้านงานประกอบของ Apple หลายๆ คนคงทราบเป็นอย่างดีอยู่แล้วว่ามีความสมบูรณ์แค่ไหน รวมไปถึงวัสดุที่ใช้เป็นส่วนประกอบก็จัดได้ว่าเป็นชั้นดีทั้งสิ้น จวบจนการดีไซน์ออกแบบของตัวเครื่อง?MacBook Air นั้น เชื่อได้ว่าทุกคนที่ได้เห็นต้องชอบมันอย่างแน่นอน ด้วยการเน้นแนวทางการอกแบบที่ดูเรียบๆ แต่หรูหรา ยิ่งมีในส่วนของฝาหลังรูป Apple มีแสงแล้ว ยิ่งทำให้น่าจับจองมาใช้งานเพิ่มขึ้นไปอีก รวมไปถึงความบางและน้ำหนักที่น้อย ทำให้สะดวกในการพกพากว่าโน๊ตบุ๊คธรรมดาทั่วไป อีกทั้งยังสามารถใช้งานได้ต่อเนื่องยาวนานสูงสุดถึง 7 ชั่วโมงด้วยกัน
?
นอกเหนือจากนั้นตัวคีย์บอร์ดเองก็มีไฟ?backlit ทำให้เพิ่มความสะดวกในการใช้งานที่มีแสงน้อยยิ่งขึ้น เรื่องของสัมผัส Trackpad และคีย์บอร์ดก็ให้ความรู้สึกที่ดีในการใช้งานแบบรู้สึกได้ไม่ยาก เมื่อเทียบกับโน๊ตบุ๊คตัวอื่นๆ อีกทั้งยังมีช่องเชื่อมต่อความเร็วสูงอย่าง?Thunderbolt และ Bluetooth เวอร์ชั่น 4.0 ที่มีเอาไว้เผื่อใช้ในอนาคต
อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าจะดูเป็นโน๊ตบุ๊คเครื่องหนึ่งที่ดูสมบูรณ์แบบในเรื่องของความบาง น้ำหนัก การพกพา ระยะเวลาการใช้งานแบตเตอรี่ แต่ก็ยังมีข้อสังเกตเรื่องพอร์ตการเชื่อมต่อที่มีอยู่อย่างจำกัด สำหรับในส่วนของไดร์ฟ DVD อันนี้พอเข้าใจเรื่องความบางของเครื่อง แต่ที่น่าเสียดายมากๆ คือไม่มีพอร์ต USB 3.0 ติดตั้งมาให้ ซึ่งอันนี้อาจจะเป็นเหตุผลที่มีนัยยะของ Apple ก็เป็นไปได้ และในด้านกราฟิกก็คงต้องยอบรับว่าไม่สามารถใช้งาน 3มิติได้อย่างเต็มที่ เพราะด้วยความเป็น?Intel HD Graphics 3000 หรือเรียกง่ายๆ ก็คือ การ์ดจอออนบอร์ดของ Intel ซึ่งคงจะไปหวังอะไรในเรื่องของเล่นเกมกราฟฟิกดีๆ ไม่ได้นัก
ปิดท้ายสำหรับใครที่สนใจจะซื้อโน๊ตบุ๊คบางๆ เบาๆ แบบไม่เกี่ยงราคาแล้วนั้น บอกได้เลยว่าให้เลือกเป็น?MacBook Air?(Mid 2011)?เป็นตัวเลือกแรกครับ ซึ่งอาจจะเหมาะสำหรับคนที่ไม่จำเป็นต้องใช้งานเฉพาะระบบปฏิบัติการ Windows โดยขอแนะนำว่าให้เลือกรุ่นเป็นขนาด 13 ?นิ้วตัวล่างราคา 42,900 บาท หรือถ้าอยากได้จอเล็กลงหน่อยก็เลือกเป็น 11 นิ้วตัวบนครับ เพราะถ้า 2 รุ่นจัดว่าเป็นรุ่นที่คุ้มค่าคุ้มราคากับสเปกที่สุดแล้ว ซึ่งเราสามารถใช้เป็นเครื่องหลักในการทำงานหรือใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างสบายๆ?ส่วนถ้าใครต้องการความแรงแบบสุดๆ ก็แนะนำให้เลือกเป็นตัว Intel Core i7 ที่ต้องสั่งผ่านเว็บไซต์ Apple Store Thailand อย่างเดียวเท่านั้นครับ
หรือไม่ถ้าคิดว่าไม่อยากใช้ Mac OS X หรือไม่อยากติดตั้ง Windows ใน?MacBook Air?(Mid 2011)?รวมไปถึงกรณีงบประมาณไม่ถึงจริงๆ แล้วล่ะก็ ลองดูเป็น Ultrabook จากค่ายผู้ผลิตโน๊ตบุ๊คอื่นๆ ได้นะครับ แต่ยังไงก็ขอบอกก่อนว่าคุณภาพและประสบการณการใช้งานโดยรวมยังไงก็ยังสู้ Apple MacBook Air ไม่ได้ครับ อันนี้เชื่อไม่เชื่ออย่างไรลองไปจับเล่นกันดูได้???
?NBS Link :?https://notebookspec.com/notebook/4013-Apple-MacBookAir-13.3-inch-MC965TH:A.html
จุดเด่น
- มีประสิทธิภาพในการใช้งานได้เป็นอย่างดี มีความสเถียรสูง
- เปิดเครื่องหรือตื่นจากโหมด Sleep ?และเชื่อมต่อไวเลสได้อย่างรวดเร็ว
- ใช้วัสดุชั้นดีอย่างอะลูมิเนียมแบบ Unibody?ตัวเครื่องแข็งแรง งานประกอบดีเยี่ยม
- มีช่องเชื่อมต่อความเร็วสูง Thunderbolt และ Bluetooth เวอร์ชั่น 4.0
- จอภาพคุณภาพดี มีความละเอียดสูง มุมมองกว้าง สีสันค่อนข้างตรง
- ระบบปฏิบัติการ Mac OS X 10.7 Lion
- มี Trackpad ในการควบคุมใช้งานดีเยี่ยม
- ใช้งานได้ต่อเนื่องยาวนานถึง 6 -7 ชั่วโมง?
ข้อสังเกตุ
- มีราคสูงกว่าแบรนด์อื่นๆ ที่สเปกเทียบเท่ากัน?
- ไม่มีพอร์ต USB 3.0
- พอร์ตการเชื่อมต่อน้อยกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไป
- ไม่สามารถอัพเกรดอุปกรณ์ภายในเองได้
- ไม่มีไดร์ฟ DVD และการ์ดจอเป็นเพียงออนบอร์ด
โดย?MacBook Air?(Mid 2011)?สามารถผ่านการทดสอบมาได้ตามระดับคะแนนเลยครับ
- 5/5 ?การออกแบบ (Design)
- 3/5 ?ความคุ้มค่า (Value)
- 5/5 ?ประสิทธิภาพ (Performance)
- 5/5 ?ความสะดวกในการพกพา (Mobility)
- 5/5 ?ความคงทนแข็งแรง (Durability)
- 2/5 ?การเล่นเกม (Gaming)
รวม 25 ?คะแนน
เว็บไซต์ Notebookspec.com จึงขอมอบรางวัล Gold ให้แก่?MacBook Air 13 (Mid 2011)
ขอขอบคุณ Apple Thailand สำหรับเครื่องทดสอบนี้ครับ