เมื่อวันพฤหัสที่ 24 พฤษภาคมที่ผ่านมา ASUS ได้จัดงานเปิดตัวนโยบายใหม่สำหรับกลุ่มตลาดโน๊ตบุ๊ค นั่นก็คือ ASUS Customer Happiness 2.0 ที่จะเน้นความพึงพอใจของลูกค้าเป็นหลัก ซึ่งด้วยกลยุทธ์ใหม่นี้ ASUS ตั้งใจจะให้เกิดแรงดึงดูดให้ลูกค้าชาวไทยเปลี่ยนจากโน๊ตบุ๊คเครื่องเก่าของตนมาเป็นของ ASUS กันเลยทีเดียว ซึ่งก่อนจะไปพูดถึงในประเด็นนี้ เรามาดูภาพรวมและแนวโน้มของ ASUS ที่จะเกิดขึ้นในปีนี้กันก่อนครับ ซึ่งได้รับเกียรติจากคุณพรเทพ วัชรอำนวย กรรมการผู้จัดการ ASUSTeK ประเทศไทย และคุณอรุณพงศ์ ทองสุทธิ Marketing Technical PR ประจำประเทศไทยมาเปิดเผยกลยุทธ์ของ ASUS ในปีนี้
ในปีนี้ ASUS คาดว่าจะยังคงมีการเติบโตเพิ่มขึ้นเช่นทุกๆ ปีที่ผ่านมา โดยถ้านับตั้งแต่ต้นปีมาจนถึงเมื่อวันพุธที่ผ่านมา พบว่า ASUS มีการเติบโตของยอดขายเพิ่มขึ้นมา 19% และถ้าเทียบกับช่วงไตรมาสแรกของปีนี้กับปีที่ผ่านมา ASUS เองจัดได้ว่ามีอัตราการโตสูงกว่า 118% เลยทีเดียว ซึ่งนอกจากยอดขายจะเพิ่มขึ้นแล้ว เรื่องของรางวัลที่ ASUS ได้รับในส่วนของผลิตภัณฑ์ก็เพิ่มขึ้นด้วย โดยในปีที่ผ่านมา ASUS กวาดรางวัลไปกว่า 3,886 รางวัล เพิ่มขึ้นจากปี 2010 ที่ได้มาราว 3,000 กว่ารางวัล และในปีนี้ ASUS ตั้งเป้าไว้ว่าเมื่อถึงช่วงสิ้นปี จะต้องกวาดรางวัลได้ไม่น้อยกว่า 4,000 รางวัล
ส่วนในภาพด้านบนนั้น จะเห็นว่าในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีที่แล้ว ยอดขายติดลบถึง 49% นั้นก็เกิดจากปัญหาอุทกภัยครับ ซึ่งช่วงนี้ไม่ว่าแบรนด์ไหนยอดขายก็ตกกันหมดทั้งนั้น
อีกสไลด์ที่น่าสนใจมากก็คือเรื่องของราคาเฉลี่ยของโน๊ตบุ๊คในท้องตลาดแยกตามรายยี่ห้อ ซึ่งราคาเฉลี่ยเครื่องที่ขายได้ของ ASUS นั้นมากกว่าค่าเฉลี่ยรวมทั้งตลาดอยู่ไม่มากนัก ซึ่งทั้งนี้ก็เนื่องมาจากการกระจายตลาดของ ASUS ทำให้มีสินค้าครอบคลุมทุกกลุ่มตลาดกลุ่มราคา ส่งผลให้ยอดขายเพิ่ม โดยเฉพาะในรุ่นราคาไม่สูงมาก ราคาเฉลี่ยจึงสูงกว่าราคาเฉลี่ยกลางแค่เล็กน้อย ส่วนใครสนใจราคาของแบรนด์อื่นๆ ก็คลิกที่รูปเพื่อดูรูปใหญ่ได้เลยครับ
ทีนี้เรามาดูกันบ้างว่า ASUS Customer Happiness 2.0 คืออะไร ส่วนท่านที่สงสัยว่าแล้ว 1.0 หายไปไหน ทำไมโผล่มาก็ 2.0 เลย ในเรื่องนี้ทาง ASUS ก็ให้คำตอบว่าตัว ASUS Customer Happiness 1.0 นั้นก็คือในส่วนของสเปกเครื่องโน๊ตบุ๊คที่ผ่านๆ มานี่ละครับ ที่เป็นจุดสร้างความพึงพอใจให้ลูกค้า แล้วทีนี้จะแข่งแต่เรื่องสเปกก็คงไม่เพียงพอ จึงได้เกิดเป็น ASUS Customer Happiness 2.0 ขึ้นมา โดยจะมีด้วยกัน 5 ด้าน คือ Sound, Touch, Beauty, IOIC และ Cloud โดยแต่ละด้านก็มีรายละเอียดดังนี้
Sound
โน๊ตบุ๊ค ASUS ในตระกูลของ N Series และ Ultrabook ในตระกูล Zenbook Prime จะมาพร้อมกับระบบเสียง Sonic Master ที่ ASUS ร่วมกันพัฒนากับ Bang & Olufsen โดยจุดเด่นนอกจากเรื่องของพลังเสียงแล้ว ยังมีความสามารถในการปรับแต่งเสียงให้เข้ากับการใช้งานได้ด้วย เช่น ปรับเสียงให้เข้ากับการใช้รับชมภาพยนตร์ เป็นต้น
ส่วนในโน๊ตบุ๊คตระกูล K Series ก็จะมีระบบเสียงอย่าง Sonic Master Lite มาให้ ซึ่งฟีเจอร์จะน้อยกว่ารุ่นใหญ่นิดหน่อย แต่ยังคงคุณภาพเสียงที่ดีไว้อยู่ครับ
Touch
ด้านของการสัมผัสนั้น ASUS จะเน้นในการสร้างประสบการณ์ที่ดีของผู้ใช้ในส่วนของทัชแพด โดยจะมีการออกแบบให้ทัชแพดมีขนาดกว้างใหญ่ขึ้น สามารถใช้งานได้ตรงใจผู้ใช้มากขึ้น และจะเปลี่ยนหน้าตาไปเป็นแบบแผ่นเดียวไร้ปุ่มทั้งหมด
ส่วนของความสวยงามนั้นก็จะเน้นไปที่รูปร่างหน้าตาของตัวเครื่อง ซึ่งจะเน้นตามคอนเซ็ปท์ ?Premium Perfection? โดยการออกแบบเครื่องแต่ละ Series ก็จะแตกต่างกันดังนี้
- X Series ? เน้นความเรียบง่าย ทนทานต่อการใช้งาน น้ำหนักเครื่องไม่สูงมาก ออกแบบมาสำหรับผู้ใช้งานทั่วไป เหมาะแก่การซื้อเป็นโน๊ตบุ๊คเครื่องแรก
- N Series – เน้นตอบสนองด้านความบันเทิงให้กับผู้ใช้ ทั้งการรับชมภาพยนตร์ การฟังเพลง เนื่องด้วยระบบเสียง Sonic Master พร้อมกับ subwoofer แยกที่แถมมาให้ด้วย
- G Series – เน้นในกลุ่มของ Gaming notebook ด้วยการออกแบบในสไตล์ที่คล้ายคลึงกับเครื่องบิน รวมไปถึงสเปกเครื่องที่แรงเหนือใคร
- K Series – เน้นการออกแบบเครื่องสำหรับใช้งานทั่วไป ตัวเครื่องมีสีสันให้เลือกค่อนข้่างหลากหลาย สเปกก็แรงพอตัว
- Zenbook – อย่างที่ทราบๆ ว่ามันก็คือ Ultrabook ดังนั้นการออกแบบก็จะเน้นด้านของความคล่องตัวในการพกพาและใช้งาน ผสมผสานกับการดีไซน์ตัวเครื่องให้ดูโฉบเฉี่ยวแต่แข็งแกร่ง
IOIC
คำว่า IOIC นั้นย่อมาจาก Instant On Instant Connect ที่เป็นฟีเจอร์ในด้านของความเร็วในการเปิดเครื่องใช้งานจาก Sleep mode ซึ่งจะใช้เทคโนโลยีอย่าง Super Hyper Engine II ทำให้สามารถปลุกเครื่องมาพร้อมใช้งานได้ภายใน 2 วินาทีเท่านั้น อีกทั้งยังสามารถทิ้งเครื่องในสถานะ stand by ได้ยาวนานสูงสุดถึง 2 สัปดาห์ด้วยกัน
ซึ่งฟีเจอร์นี้ ASUS ย้ำเลยว่า IOIC จะมีอยู่ในโน๊ตบุ๊คทุกรุ่นของตน ไม่ได้จำกัดว่าต้องอยู่แต่บน Ultrabook เท่านั้นอย่างที่ผ่านมา ดังนั้นในปีนี้เราก็จะได้เห็นโน๊ตบุ๊คทุกเครื่องของ ASUS สามารถเปิด/ปิดเครื่องแบบ sleep mode ได้อย่างรวดเร็วมากๆ
Cloud
ในปีนี้ ASUS จะเน้นบริการจัดเก็บข้อมูลบนอินเตอร์เน็ตในชื่อของ ASUS WebStorage ที่จะเปิดให้ผู้ใช้ที่มีบัญชีผู้ใช้งาน (ที่ได้จากการซื้อผลิตภัณฑ์ของ ASUS) สามารถใช้งานจัดเก็บข้อมูล และดึงข้อมูลมาใช้ได้จากอุปกรณ์ใดก็ได้ ขอเพียงแค่มีบัญชีผู้ใช้งานเท่านั้นเอง ทำให้มันเทียบได้กับพวก DropBox ที่สามารถทำงานได้ในหลายๆ แพลตฟอร์ม โดย ASUS จะให้พื้นที่เก็บข้อมูลมาสูงถึง 32 GB โดยมีระยะเวลาในการใช้งานได้ 3 ปี (เฉพาะรุ่น N, G และ Zenbook Prime เท่านั้น)
นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์อื่นๆ ที่ไม่จัดอยู่ใน 5 ด้านนั้นอยู่อีก เช่น
- ในกลุ่มของ ASUS Zenbook Prime จะมีการใช้พาเนลจอแบบ IPS ทำให้ได้ภาพและสีที่คมชัด ถูกต้องเสมือนจริง อีกทั้งยังจะมาพร้อมกับจอความละเอียด 1920 x 1080 (Full HD) อีกด้วย แม้ขนาดจอจะเล็ก แต่ภาพก็คมชัดมากๆ
- แบตเตอรี่ของโน๊ตบุ๊คทุกรุ่นจะมาพร้อมกับอายุการใช้งานที่ยาวนานขึ้น ซึ่งถ้าเข้าใจง่ายๆ ก็คือจะเสื่อมช้าลงกว่าเดิมถึง 3 เท่านั่นเองครับ
ต่อมาเรามาชมภาพโน๊ตบุ๊คที่ ASUS นำมาโชว์ และจัดได้ว่าเป็นตัวเด่นๆ ในงานกันดีกว่าครับ เริ่มด้วย ASUS N46VM
เรื่องของรูปร่างหน้าตาก็จะคล้ายคลึงกับ N56VM ที่เผยโฉมมาก่อนหน้านี้ ต่างกันก็ในเรื่องของขนาดตัวเครื่อง และคีย์บอร์ดที่ไม่มีแผงปุ่ม numpad ส่วนสเปกก็แน่นอนว่าชิปประมวลผลจะเป็น Intel Ivy Bridge ครับ
ต่อมาก็มาดูกลุ่มของ ASUS X Series กันบ้าง อย่างเครื่องที่มาโชว์ในงานจะเป็นตัวของ ASUS X45U ที่ใช้ชิปประมวลผลเป็น AMD E-450 APU
ถัดมา มาดูกลุ่มของ ASUS Zenbook กันบ้าง
เริ่มด้วย ASUS Zenbook Prime UX21A ที่เป็น Ultrabook ที่มีขนาดจอ 11.6 นิ้วเท่านั้น แต่มากับความละเอียดจอที่สูงถึง 1920 x 1080 เรียกได้ว่าใหญ่เกินหน้าเกินตารุ่นใหญ่เยอะมาก
รูปร่างหน้าตาตัวเครื่องนั้นยังคงเหมือนกับเจ้า ASUS Zenbook ที่วางขายไปแล้วอย่างแทบจะไม่ผิดเพี้ยน จะต่างก็ตรงที่คีย์บอร์ดของ ASUS Zenbook Prime ทุกเครื่องจะมาพร้อมกับไฟ backlit แล้ว ทำให้สามารถใช้งานในที่ที่มีแสงน้อยได้อย่างไม่มีปัญหา และสีของปุ่มบนคีย์บอร์ดเปลี่ยนไปใช้สีดำ ทั้งนี้ก็เพื่อทำให้สามารถมองเห็นแสงสว่างจากไฟ Backlit ได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
สเปกของ ASUS Zenbook Prime UX21A จ้า
- Intel Core i7-3517U ( Intel Ivy Bridge )
- จอ 11.6 นิ้ว ความละเอียด 1920 x 1080
- การ์ดจอ Intel HD Graphics 4000
- แรม DDR3-1600 4 GB
- SSD 128 GB
- น้ำหนักเพียง 1.1 กิโลกรัม
จาก UX21A ก็มาดูรุ่นใหญ่กว่าอย่าง ASUS Zenbook Prime UX31A กันบ้าง ซึ่งโดยรวมมันก็คือ UX21A ขยายร่างมาใช้จอขนาด 13.3 นิ้วนั่นเองครับ
สเปกของ ASUS Zenbook Prime UX31A ก็จะมีจุดที่ต่างจาก UX21A ก็ตรงส่วนของขนาดจอที่ใหญ่กว่า (ความละเอียดเท่ากัน) และส่วนของ SSD ที่ขยับมาใช้ความจุ 256 GB แทน แต่ทั้งนี้น้ำหนักก็เพิ่มขึ้นมาเป็น 1.3 กิโลกรัม
นอกจากนี้ยังมีการนำ ASUS Zenbook-Rose Gold มาโชว์ด้วย ซึ่งที่จริงแล้วก็คือตัวของ Zenbook ที่วางจำหน่ายอยู่ในปัจจุบันนี่ละครับ แต่มีการเพิ่มเติมสีสันลงไปบนตัวเครื่องในสีของ Rose Gold ทั้งในส่วนของสีตัวเครื่อง และที่เห็นได้ชัดที่สุดก็คือตรงบริเวณคีย์บอร์ด
ส่วนสเปกก็ไม่แตกต่างจากตัว ASUS Zenbook ที่วางจำหน่ายอยู่ในขณะนี้ครับ
นอกจากนี้ยังมีการนำ ASUS N56VM และ ASUS G75VW มาโชว์ด้วย
เอาสเปกของ ASUS G75VW มาฝากครับ เตรียมพบกับการรีวิวเร็วๆ นี้ได้เลย
หลังการแถลงก็มีการถ่ายรูปตัวแทนผู้บริหารจากทาง ASUS เล็กน้อยครับ ซึ่งปีนี้บอกได้เลยว่า ASUS จัดเต็มในทุกตลาดแน่นอน
ต่อจากนี้ก็เป็นการส่งท้ายด้วยภาพบรรยากาศงานนะครับ (ของดียังมีรออยู่ท้ายสุดนะ)