ถ้าเคยได้ดูหนังเรื่อง Minority Report ที่แสดงนำโดย Tom Cruise กันมาก่อน ก็น่าจะเคยเห็นการสั่งงานหน้าจอคอมพิวเตอร์ด้วยถุงมือพิเศษ ที่สามารถวาดมือบนอากาศได้เลย โดยไม่ต้องสัมผัสกับอะไรทั้งสิ้นในการสั่งงาน และวันนี้ เทคโนโลยีก็พัฒนามาถึงในจุดนั้นแล้ว และแถมยังดีกว่าในหนังอีกด้วย เพราะว่าด้วยอุปกรณ์ตัวใหม่นี้ ไม่จำเป็นต้องหาถุงมือมาใส่ให้ยุ่งยากซะด้วยซ้ำ
เจ้าอุปกรณ์ตัวที่ว่านี้ มีชื่อเรียกว่า The Leap ซื้อหน้าตาของมันเป็นเหมือนเพียงก้อนสี่เหลี่ยมๆคล้ายสบู่ วัสดุรอบตัวทำด้วยโลหะ แต่ด้านบนจะเป็นวัสดุลักษณะแผ่นสีดำๆ ทำงานได้โดยเสียบเข้ากับพอร์ต USB เท่านั้น ส่วนหลักการทำงานของมันก็คือ ตัวก้อนที่ว่านี้ จะสร้างสนามพลังงานตรวจจับมือของเราขึ้นมาด้านบนตัวของมัน โดยครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 13 ตารางนิ้ว ซึ่งในพื้นตรงนี้นี่เอง ที่เมื่อเราเอามือเข้าไป มันก็จะตรวจจับ สั่งการ ตอบสนองมือของเราที่ยื่นเข้าไปในนั่นเอง และจุดเด่นของมันก็คือ มันมีความละเอียดในการตรวจจับที่ละเอียดแม่นยำมาก ในระดับ .01 มิลลิเมตรกันเลยทีเดียว ทำให้มันมีความละเอียดแม่นยำมากกว่าถึง 200 เท่า เมื่อเทียบกับเทคโนโลยี gesture ที่เรารู้จักกันดีอย่าง Kinect ของ Microsoft
วิดีโอนำเสนอตัวอย่างที่โพสท์มาจากผู้ผลิตเอง ก็เรียกได้ว่าน่าสนใจมาก เพราะสามารถนำเอาไปประยุดในการสร้างงาน หรือควบคุมแอ็พพลิเคชั่นต่างๆได้มากมาย ไม่ว่าจะเป็นการใช้งานแผนที่, วาดแบบ หรือแม้กระทั่งนำเอาไปเล่นเกม และด้วยความละเอียดที่โปรโมตเอาไว้ ก็คาดว่ามันจะมอบประสปการณ์การใช้งานที่เยี่ยมยอดให้กับผู้ใช้งาน คำถามที่ตามมา คือหลายๆคนก็อาจจะสงสัยว่าภายในของเจ้าตัวอุปกรณ์ที่ว่านี้ มันคืออะไร ซึ่งในตอนนี้ก็ยังคงไม่แน่ชัด เพราะในข้อความที่ปรากฎอยู่ในสื่อประชาสัมพันธ์ของบริษัทเอง ก็เหมือนจะเป็นการบอกกลายๆว่า ?เราไม่อยากบอกคุณว่ามันทำงานอย่างไร? แต่ที่แน่ๆก็เชื่อว่ามันคงเป็นเทคโนโลยีที่แตกต่างจากที่มีอยู่ในตลาดทั้งหมดแน่นอน ซึ่งในตอนนี้ก็คาดเดาไปว่า น่าจะเป็นเทคโนโลยี LIDAR ที่เป็นเทคโนโลยีคล้ายกับการทำงานของเรดาร์ หรืออาจเหมือนกันกับของ Kinect แต่มาในเวอร์ชั่นที่ละเอียดกว่า ซึ่งที่ Kinect ใช้อยู่นั้น ก็คือกล้องขนาดความละเอียด 640×480 พิกเซล
โดยตอนนี้ The Leap ได้เปิดให้สั่งจองกันก่อนที่ราคา $70 (2,2xx บาท) และคาดว่าจะสามารถจัดส่งให้ถึงมือได้ในช่วงต้นปีหน้า ส่วนนักพัฒนาสามารถสั่งมาได้ฟรี พร้อมกับชุดพัฒนา SDK เพื่อที่จะได้เอาไปพัฒนาแอ็พให้ทำงานได้กับตัวอุปกรณ์ แต่ก็ไม่แน่ชัดว่าจำกัดจำนวนเอาไว้ที่กี่เครื่อง ถ้าใครเป็นนักพัฒนาอยู่และสนใจก็รีบเข้าไว้แล้วกัน ส่วนรายละเอียดเพิ่มเติมอื่นๆที่เหลือ ก็รอติดตามกันต่อไป
ที่มา: VR-Zone