ด้วยความแข็งแกร่งของการบุกตลาดเอเชีย รวมทั้งเป้าหมายตลาดยุโรปและอเมริกาที่สำเร็จอย่างงดงาม ในที่สุด Lenovo ก็มีก้าวสำคัญในวันนี้ ด้วยยอดขาย 11.7 ล้านเครื่อง หรือสูงขึ้น 43.7% เทียบกับไตรมาสแรกของปีที่แล้ว ในขณะที่ Dell เอง แผ่วลง 2.1% เหลือเพียง 10.1 ล้านเครื่อง ส่วนเจ้าตลาด Hewlett-Packard ยังคงนำอยู่ที่ 15.7 ล้านเครื่อง มีอัตราการเติบโตที่ 3.2%
ช่วงครึ่งปีหลังของปีที่ผ่านมา Lenovo สามารถตีตลาดจีนได้สำเร็จ กว่า HP จะรู้ตัวว่าวางแผนการตลาดผิดพลาดก็ใช้เวลาไม่น้อย แต่ถึงกระนั้น คงเร็วเกินไปที่ Lenovo จะยึดแท่นอันดับหนึ่งแทน HP ได้ในเร็ววัน เนื่องจากความแข็งแกร่งของแบรนด์และการโหมโฆษณาทุกเซกเมนต์ของ HP นั้น คงหาแบรนด์ใดเปรียบได้ยาก ในขณะที่ Dell เริ่มถอดใจกับตลาดล่าง แล้วหันไปมอง PC ระดับสูงที่ได้ส่วนต่างกำไรเยอะกว่าเช่นตระกูล XPS (Dell มีตระกูลล่างสุดคือ Inspiron ในตลาด Home User และ Vostro สำหรับตลาดธุรกิจ)
ยอดขายโดยรวมของไตรมาสแรกอยู่ที่ 87 ล้านเครื่อง เพิ่มสูงขึ้น 2.3% จากไตรมาสแรกปี 2554 จากเดิมที่คาดการณ์ไว้ว่าจะลดลง 0.9% เนื่องจากวิกฤตการณ์อุทกภัยในประเทศไทย ทำให้โรงงานผู้ผลิตฮาร์ดดิสก์และชิ้นส่วนได้รับผลกระทบกันถ้วนหน้า แต่คาดว่ากำลังการผลิตและราคาฐานจะปรับมาอยู่ในเกณฑ์ปกติไม่เกินไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ รวมทั้งการวางตลาดของ Windows 8 ที่คาดว่าจะทำให้ผู้ใช้สนใจที่จะอัพเกรดเครื่องของตนเองกันมากขึ้น (ถึงแม้จะกินสเป็กเท่า Windows 7 และน้อยกว่า Vista ก็ตามที – -’)
นอกจากนี้ นักวิเคราะห์ตลาดยังกล่าวไว้ว่า Ultrabook คงจะต้องลดราคาลง เนื่องจากมีตัวเปรียบเทียบสำคัญคือ Macbook Air ทำให้ยอดขายไม่เป็นไปในทางที่ดีมากนัก หากจะทำราคาให้ได้ต่ำกว่า $699 (ประมาณ 23,000) บาทได้ก็จะทำให้เป็นผลดีต่อทั้งผู้ขายและผู้ซื้อที่ต้องการเทคโนโลยีใหม่ๆ